หลังจากความจริงเบื้องหลังตัวตนของคล้าวได้ถูกเปิดเผย และดอกไม้รัตติกาลอันล้ำค่าก็อยู่ในมือของพวกเขาแล้ว อลิซและคล้าวก็ตัดสินใจที่จะไม่รอช้า พวกเขาพากันออกจากถ้ำในตำนาน พร้อมด้วยความมุ่งมั่นที่จะกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อเปิดโปงมหาเสนาบดีซิลเวสเตอร์และช่วยเหลือเจ้าหญิงเอลิเซีย
“เราต้องวางแผนให้ดีค่ะคุณคล้าว” อลิซเริ่มเอ่ยขึ้นขณะที่พวกเขากำลังเดินทางกลับ “ซิลเวสเตอร์ไม่ได้เป็นแค่คนธรรมดา เขามีเครือข่ายอำนาจที่แข็งแกร่ง และมีกำลังทหารในมือ”
คล้าวพยักหน้า สีหน้าของเขาจริงจังขึ้น “ผมเองก็มีคนของผมอยู่บ้าง แต่ก็คงไม่มากพอที่จะเผชิญหน้ากับซิลเวสเตอร์ได้ตรงๆ” เขามองไปที่ดอกไม้รัตติกาลในมือของอลิซ “เราจะใช้พลังของดอกไม้นี้ยังไงครับ?”
“ในนิยายไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้งานดอกไม้นี้โดยตรงค่ะ” อลิซตอบ “แต่ระบุว่ามันสามารถชำระล้างความชั่วร้ายได้ และเป็นยาอายุวัฒนะ บางทีมันอาจจะไม่ได้หมายถึงการใช้เพื่อโจมตีโดยตรง แต่อาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดเผยความจริง หรือใช้รักษาคนที่ถูกซิลเวสเตอร์ทำร้าย”
อลิซเริ่มประมวลผลข้อมูลในหัวของเธออีกครั้ง เธอต้องใช้ความรู้จากนิยายผสมผสานกับสถานการณ์จริงให้มากที่สุด เป้าหมายแรกคือการล้างมลทินให้เลดี้เซเรน่า และเป้าหมายที่สองคือการหยุดยั้งซิลเวสเตอร์
“ก่อนอื่น เราต้องส่งข่าวไปยังบุคคลที่เราไว้ใจได้ในเมืองหลวง” อลิซเสนอ “ในนิยาย เจ้าชายคาเลบเป็นคนที่มีความยุติธรรมและฉลาด แม้เขาจะเคยเข้าใจผิดเลดี้เซเรน่า แต่เขาก็รักเจ้าหญิงเอลิเซียมาก และเป็นปฏิปักษ์กับซิลเวสเตอร์อย่างลับๆ”
คล้าวพยักหน้าเห็นด้วย “ผมเองก็เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของซิลเวสเตอร์ เจ้าชายคาเลบอาจเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดของเรา”
“แต่เราจะส่งข่าวไปถึงเขาได้อย่างไรคะ?” อลิซถาม “ซิลเวสเตอร์คงคุมเข้มการเข้าออกวังและเส้นทางสื่อสารทุกทาง”
คล้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “ผมมีคนรู้จักคนหนึ่ง เขาเป็นพ่อค้าเร่ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วอาณาจักร และไม่ขึ้นกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราสามารถส่งสารผ่านเขาไปได้”
แผนการเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง พวกเขาตัดสินใจที่จะเดินทางกลับไปยังเมืองพอร์ตเวลล์อีกครั้ง เพื่อใช้เส้นสายของคล้าวในการติดต่อกับคนของเขา และส่งสารไปยังเจ้าชายคาเลบ
ระหว่างทางกลับ อลิซและคล้าวก็ได้มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้น คล้าวเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาในฐานะเซอร์ไครอน อดีตองครักษ์หลวงที่ต้องปลอมตัวและหายตัวไปหลังเหตุการณ์กบฏเมื่อหลายปีก่อน เขากำลังสืบหาความจริงเกี่ยวกับซิลเวสเตอร์อยู่เงียบๆ และการปรากฏตัวของอลิซก็เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ช่วยให้เขามองเห็นหนทางที่จะเปิดโปงความจริงได้
“ผมขอโทษนะครับที่คุณต้องมาเจอกับเรื่องอันตรายแบบนี้เพราะผม” คล้าวกล่าวด้วยความรู้สึกผิด
อลิซยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไรค่ะคุณคล้าว ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะอยู่ในวังวนของตัวร้ายไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว การได้ร่วมมือกับคุณ ทำให้ฉันมีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้น และฉันก็เชื่อมั่นในตัวคุณค่ะ”
คำพูดของอลิซทำให้คล้าวรู้สึกอบอุ่นในใจ เขารู้สึกว่าการได้พบกับผู้หญิงคนนี้คือโชคชะตาที่ฟ้าลิขิตมาให้เขา
เมื่อมาถึงเมืองพอร์ตเวลล์ อลิซและคล้าวใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการติดต่อกับพ่อค้าคนสนิทของคล้าว ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสูง ท่าทางว่องไว นามว่า มาร์คัส มาร์คัสเป็นคนซื่อสัตย์และฉลาด เขาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคล้าวในสภาพที่ดูผอมลงและมีรอยเหนื่อยล้า แต่เขาก็ยังคงเชื่อใจคล้าวอย่างไม่มีข้อสงสัย
คล้าวอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้มาร์คัสฟังอย่างกระชับ พร้อมกับมอบจดหมายที่อลิซร่างขึ้นอย่างระมัดระวัง เพื่อแจ้งให้เจ้าชายคาเลบทราบถึงแผนการร้ายของซิลเวสเตอร์ และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเจ้าหญิงเอลิเซีย รวมถึงการที่เลดี้เซเรน่าถูกใช้เป็นแพะรับบาป
“คุณมาร์คัส ผมไว้ใจคุณนะ” คล้าวกล่าว “จดหมายฉบับนี้สำคัญมาก มันจะเปลี่ยนโฉมหน้าของอาณาจักรนี้ไปตลอดกาล”
มาร์คัสรับจดหมายมาด้วยสีหน้าจริงจัง “วางใจได้เลยครับนายท่าน ผมจะนำส่งถึงมือเจ้าชายคาเลบด้วยชีวิต”
หลังจากการส่งสารแล้ว อลิซและคล้าวก็เริ่มวางแผนการเดินทางกลับสู่เมืองหลวงอย่างละเอียด พวกเขาจะต้องแฝงตัวเข้าไปในงานเลี้ยงสำคัญที่ซิลเวสเตอร์กำลังจะใช้เป็นเวทีในการปรักปรำเลดี้เซเรน่าตัวปลอม และพวกเขาจะต้องไปถึงที่นั่นให้ทันเวลา ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
อลิซเหลือบมองดอกไม้รัตติกาลที่เธอนำมาเก็บไว้ในห่อผ้าอย่างระมัดระวัง เธอรู้ว่านี่คือไพ่ตายของพวกเขา และมันจะต้องถูกใช้ในเวลาที่เหมาะสมที่สุด
การกลับสู่เมืองหลวงครั้งนี้ จะไม่เหมือนครั้งก่อนๆ อลิซไม่ได้กลับไปในฐานะเลดี้เซเรน่าผู้โง่เขลาอีกแล้ว แต่เธอจะกลับไปในฐานะผู้กอบกู้ ผู้ที่จะเปิดเผยความจริง และเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของอาณาจักรนี้ไปตลอดกาล