ความตกใจที่ได้มาอยู่ในร่างของ เลดี้เซเรน่า ฟอน วาลดีส ยังไม่ทันจางหายดี อลิซก็ต้องดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอเดินวนไปมา รอบห้อง พลางใช้มือเรียวสวยที่ไม่คุ้นเคยลูบหน้าผากอย่างครุ่นคิด
“พรุ่งนี้เจ้าหญิงเอลิเซียจะถูกวางยา… แล้วฉันจะถูกจับในอีกวันถัดไป” อลิซพึมพำกับตัวเอง เสียงของเซเรน่าที่ออกมาจากปากเธอนั้นยังคงฟังดูแปลกหู “เหลือเวลาไม่ถึงสามวันแล้วด้วยซ้ำ!”
เธอพยายามนึกย้อนถึงรายละเอียดทั้งหมดในนิยาย “ตำนานเจ้าหญิงแห่งแสงและเงา” เท่าที่จะทำได้ จุดไหนคือจุดเปลี่ยนสำคัญ ตัวละครแต่ละคนมีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร ใครคือหมากของใครบ้าง
แน่นอนว่าเลดี้เซเรน่าตัวจริงน่ะถูกหลอกใช้เต็มๆ โดย มหาเสนาบดีซิลเวสเตอร์ ตัวร้ายกาจผู้ทะเยอทะยาน เขาต้องการกำจัดเจ้าหญิง เอลิเซียเพื่อยึดอำนาจ และใช้เซเรน่าเป็นแพะรับบาป ความไร้เดียงสาในเรื่องแผนการร้ายของเซเรน่าตัวจริงทำให้เธอตกเป็นเหยื่ออย่างง่ายดาย
“ถ้าฉันไปตามเนื้อเรื่องเดิม ฉันก็ตายห่าสิ!” อลิซถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแหกกฎของนิยายเสียแล้ว
สายตาของเธอเหลือบไปเห็นแผนที่อาณาจักรเก่าๆ แผ่นหนึ่งบนโต๊ะทำงานของเซเรน่า ในนิยายมีการกล่าวถึงทางลับใต้คฤหาสน์วาลดีสเล็กน้อยว่าเป็นทางที่คนใช้ใช้ลักลอบนำของออกไปขาย เธอพยายามนึกรายละเอียดของฉากนั้น และในที่สุดภาพของแผนผังคฤหาสน์ที่เซเรน่าเคยเก็บไว้ในลิ้นชักลับก็ผุดขึ้นมาในหัว
อลิซรีบตรงไปยังโต๊ะทำงานไม้โอ๊คสีเข้ม เธอค้นหาลิ้นชักลับตามความทรงจำของเซเรน่า และพบมันจริงๆ ภายในมีแผนผังคฤหาสน์ที่เก่าคร่ำคร่า และเส้นทางใต้ดินบางส่วนถูกวาดด้วยหมึกสีจางๆ
“เจอแล้ว!” เธออุทานอย่างยินดี ทางลับนี้จะพาเธอออกไปสู่ป่าด้านหลังคฤหาสน์ได้โดยไม่ผ่านจุดตรวจของยาม
ก่อนออกเดินทาง เธอจะต้องเตรียมการให้พร้อม เธอเปิดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ชุดราตรีหรูหรานับสิบชุดแขวนเรียงราย อลิซเลือกชุดเดรสผ้าลินินสีทึบที่ดูเรียบง่ายที่สุด แม้จะยังดูดีเกินกว่าจะเป็นชุดของสาวใช้ธรรมดา แต่ก็ดีกว่าชุดฟูฟ่องระยิบระยับที่ชวนให้สะดุดตา เธอใช้ผ้าคลุมผมสีเข้มปิดบังผมสีดำขลับของเซเรน่าไว้ และใช้ผ้าอีกผืนปิดบังใบหน้าบางส่วน
จากนั้น เธอเปิดกล่องเก็บเครื่องประดับที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง อัญมณีระยิบระยับมากมายถูกเก็บไว้ในนั้น อลิซเลือกสร้อยคอเพชรเม็ดเล็กๆ ที่ดูไม่สะดุดตา สร้อยข้อมือทองคำธรรมดา และเหรียญทองอีกจำนวนหนึ่ง เธอเก็บมันลงในถุงผ้าเล็กๆ ที่ซ่อนไว้ใต้ชุด
“ฉันต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด” เธอพึมพำ ดวงตาที่เคยเป็นสีฟ้าครามบัดนี้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เธอหันไปมองเตียงนอนอันแสนสบายเป็นครั้งสุดท้าย และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันกลับมาที่นี่ในฐานะเลดี้เซเรน่าผู้โง่เขลาอีกแล้ว
เมื่อทุกอย่างพร้อม อลิซตรงไปยังห้องสมุดส่วนตัวของเซเรน่าตามแผนผังที่เธอเพิ่งดูมา เธอใช้มือคลำผนังไม้ก่อนจะพบปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ เมื่อกดลงไป บานประตูไม้ที่เคยดูเป็นส่วนหนึ่งของชั้นหนังสือก็ค่อยๆ เลื่อนออก เผยให้เห็นทางลงสู่ความมืดมิดเบื้องล่าง กลิ่นอับชื้นและกลิ่นดินลอยปะทะจมูก
อลิซจุดตะเกียงน้ำมันที่เตรียมมาอย่างระมัดระวัง แล้วก้าวลงไปในความมืดที่รออยู่ข้างล่าง
ทางเดินใต้ดินค่อนข้างคับแคบและมืดสนิท เธอเดินตามรอยทางที่ปรากฏบนแผนผังอย่างระมัดระวัง บางครั้งก็ต้องค้อมตัวลงเพื่อหลีกเลี่ยงโขดหินที่ยื่นลงมาจากเพดานดิน เสียงฝีเท้าของเธอสะท้อนก้องไปทั่วอุโมงค์ เธอไม่รู้ว่าทางเดินนี้จะไปสิ้นสุดที่ไหน แต่สัญชาตญาณบอกให้เธอเดินต่อไป
หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมงที่ดูเหมือนจะยาวนานราวกับชั่วชีวิต อลิซก็เห็นแสงสว่างรำไรอยู่เบื้องหน้า เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น และในที่สุดก็พบกับทางออกเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบ
เธอโผล่พ้นออกมาจากทางลับ สูดอากาศยามเช้าที่บริสุทธิ์เข้าเต็มปอด เบื้องหน้าคือป่าไม้หนาทึบที่ดูสงบเงียบ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาระหว่างกิ่งไม้ ทำให้เกิดริ้วแสงระยิบระยับบนพื้นดิน
อลิซหันกลับไปมองคฤหาสน์วาลดีสที่ตั้งตระหง่านอยู่ไกลๆ เธอยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อยให้กับชะตากรรมที่เธอเพิ่งหลีกหนีมาได้สำเร็จ
“ลาก่อนนะเลดี้เซเรน่าผู้โง่เขลา” เธอพึมพำกับตัวเอง “โลกนี้จะต้องจดจำเซเรน่าคนใหม่… เซเรน่าที่ไม่มีทางเป็นหมากของใครได้อีกต่อไป!”
เธอออกเดินลึกเข้าไปในป่า โดยมีเป้าหมายคือเมืองชายแดนเล็กๆ ที่เธอจำได้ว่าในนิยายเป็นเพียงทางผ่านของตัวละครรอง อลิซรู้ว่าที่นั่นคงจะปลอดภัยกว่าในเมืองหลวง และเธอจะใช้ที่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างชีวิตใหม่ของเธอเอง
และนี่คือวันที่หนึ่งของการพลิกชะตา…