หลังจากเรื่องราวใหญ่โตในเมืองหลวงจบลง อลิซและคล้าวก็เดินทางกลับมายังเมืองพอร์ตเวลล์ เมืองชายแดนเล็กๆ ที่เคยเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกผันชะตาชีวิตของพวกเขา เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยดูเงียบสงบ บัดนี้กลับมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อภายใต้การดูแลของคนทั้งสอง
"ดูสิคะคุณคล้าว ผู้คนมากมายขนาดนี้" อลิซเอ่ยขณะที่มองดูตลาดที่คึกคักไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าและผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอย
คล้าวยิ้มอย่างอบอุ่น "ทั้งหมดนี้ก็เพราะแนวคิดของคุณเซเรน่าต่างหากครับ"
หลังจากมหาเสนาบดีซิลเวสเตอร์ถูกกำจัด ชื่อเสียงของ “เลดี้เซเรน่าผู้กอบกู้" ก็แพร่กระจายไปทั่ว แม้แต่เจ้าชายคาเลบก็ยังกล่าวชมเชยความสามารถของอลิซ ทำให้เมื่อเธอตัดสินใจที่จะไม่รับตำแหน่งในวัง แต่เลือกมาพัฒนาเมืองชายแดนแห่งนี้แทน ก็ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากราชสำนัก
อลิซกับคล้าวเริ่มจากการนำดอกไม้รัตติกาลที่พบในถ้ำมาเพาะปลูกในสวนลับที่สร้างขึ้นมาใหม่ ดอกไม้วิเศษนี้ไม่ได้ถูกใช้เพียงเพื่อรักษาโรคเท่านั้น แต่อลิซยังใช้ความรู้ด้านเภสัชกรรมพื้นฐานจากโลกเดิม ผสมผสานกับคุณสมบัติของสมุนไพรในโลกนี้ เพื่อคิดค้นยาบำรุงและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่ทรงประสิทธิภาพ ทำให้เกิด "ร้านยาแสงจันทร์" ขึ้นมา สินค้าของพวกเขาเป็นที่ต้องการอย่างรวดเร็ว เพราะคุณภาพและสรรพคุณที่โดดเด่น
นอกจากนี้ อลิซยังได้แนะนำแนวคิดการทำเกษตรแบบหมุนเวียน การสร้างระบบชลประทานขนาดเล็ก และการผลิตอุปกรณ์ง่ายๆ ที่ช่วยให้ชาวนาทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เธอใช้เงินทุนที่ได้จากธุรกิจส่วนหนึ่งไปลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมือง ถนนหนทางถูกปรับปรุง ระบบจัดการน้ำสะอาดถูกสร้างขึ้น โรงเรียนเล็กๆ สำหรับเด็กๆ ก็ถูกก่อตั้งขึ้นเช่นกัน โดยมีอลิซเป็นผู้ร่างหลักสูตรพื้นฐานที่เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
คล้าวในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าขายและเส้นสาย ก็จัดการเรื่องการกระจายสินค้า และการสร้างความสัมพันธ์กับเมืองใกล้เคียง เขาสร้างเครือข่ายการค้าที่แข็งแกร่ง ทำให้สินค้าจากพอร์ตเวลล์เป็นที่รู้จักและต้องการไปทั่วอาณาจักร เงินทองหมุนเวียนในเมือง ผู้คนมีงานทำ ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"ท่านเซเรน่าคะ! ยาบำรุงตัวใหม่ที่ท่านคิดค้นขึ้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยค่ะ!" เสียงของเด็กสาวคนหนึ่งที่เป็นผู้ช่วยในร้านยาแสงจันทร์เอ่ยด้วยความตื่นเต้น
อลิซยิ้ม "ดีเลยจ้ะ นั่นหมายความว่าผู้คนจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น"
แม้จะไม่ได้สวมชุดหรูหรา หรือมีตำแหน่งเป็นท่านหญิงในวังอีกต่อไป แต่อลิซกลับรู้สึกเติมเต็มและมีความสุขมากกว่าที่เคย การได้เห็นเมืองเล็กๆ แห่งนี้เติบโต ผู้คนมีรอยยิ้ม และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วยน้ำมือของเธอและคล้าว มันคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ในยามเย็น อลิซและคล้าวมักจะเดินไปตามถนนในเมืองที่บัดนี้มีแสงไฟสว่างไสว ผู้คนเดินไปมาอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะและบทเพลงดังแว่วมาตามลม
"เราทำได้แล้วนะคะคุณคล้าว" อลิซเอ่ยเบาๆ ขณะจับมือคล้าว
คล้าวบีบมือเธอตอบ "ใช่ครับคุณเซเรน่า นี่แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เส้นทางของเรายังอีกยาวไกลนัก"
ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา เมืองพอร์ตเวลล์ไม่ใช่แค่เมืองชายแดนธรรมดาอีกต่อไป แต่มันคือสัญลักษณ์แห่งความหวัง นวัตกรรม และการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมือของอลิซและคล้าว