ตอนที่ 7 : ส่งจดหมายเวียน

2059 Words
“กลับมาแล้ว! พี่ดูสิ ฉันได้ของมาเยอะเลย” “ไปเอาเงินมาจากไหน? นี่ต้องใช้เงินไม่น้อยเลยนะ กับยุคที่คนยังอดอยากแบบนี้” โจวกุ้ยเหมยแปลกใจ แค่บ้านหลังนี้เธอยังพอเชื่อลงบ้างว่าคือมรดก แต่มาจากใคร? ผู้ใดให้จ้าวเฟิง ทว่าคนที่ไม่มีเงินตัดตัวกับมือเปิบหิ้วของมากมาย “ฉันได้ทรัพย์มรดกมาจากตาทวดที่พลัดพรากนะสิ แต่มันมาทีหลังบ้านหลังนี้ ช่วยไม่ได้ เพราะภัยสงครามทำให้เราต้องจากกันไปคนละทิศละทาง” จ้าวเฟิงพูดพลางวางของ เธอไม่กล้าหันมาสบตาโจวกุ้ยเหมย กลัวมีพิรุธ “เข้าใจแล้ว ฉันไม่ควรทำให้เธอตกใจ” “ไม่เป็นไร พี่กินข้าวเถอะ แถวนี้ไม่มีโจ๊กเลย มีแต่ของพวกนี้” “นี่ก็ดีมากแล้ว กินได้” ล้วนเป็นอาหารที่มีเนื้อสัตว์ รู้สึกว่าเด็กคนนี้ใส่ใจตนมาก จึงยื่นมือไปลูบหัวอย่างเอ็นดู จ้าวเฟิงแข็งค้าง กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยิ้มออกมา มือที่ลูบเหมือนมือของยายที่มักลูบหัวเธอตอนเอ็นดู แต่ก็เป็นมือที่คว้าไม้ไล่ตีตอนเธอดื้อเช่นกัน หลังกินอิ่ม จ้าวเฟิงจึงประคองโจวกุ้ยเหมยออกมารับแสง วันนี้แดดไม่ถือว่าแรง ลมเย็น ฟ้าครึ้มเล็กน้อย คาดว่าช่วงบ่ายฝนน่าจะตก “บรรยากาศแบบนี้ดีจังเลย” จ้าวเฟิงที่ไม่ได้เห็นฟ้าที่ไร้มลพิษนานแล้วรู้สึกสดชื่น ก่อนจะได้ยินคำพูดอันหดหู่ของพี่สาวที่นั่งข้างๆ “ฟ้าสดใสก่อนฝนกระหน่ำ” “พี่กุ้ยเหมย ตอนนี้พี่พักรักษาตัวให้หายก่อนเถิด บ้านหลังนี้อยู่ไกลจากบ้านซ่งมากโข ขอเพียงระมัดระวังตัวเขาจะไม่เห็นเราง่ายๆ” “หลบได้ตอนนี้ แต่ไม่อาจตลอดไป ฉันต้องการหาทางรับมือกับพวกเขา ด้วยนิสัยของซ่งฉีหมิง เพียงสิ่งต้องสงสัยเล็กน้อยเขาจะรีบตรวจสอบทันที” “แล้วพี่จะทำยังไง ตอนนี้ไม่มีตระกูลโจว ทุกอย่างอยู่ในมือเขา พี่ที่ตัวคนเดียวจะสู้เขาไหวหรือ” “ฉันคนเดียวอาจไม่ไหว แต่ยังมีอีกคนที่สู้ได้” “ใครกัน?” “คนที่ร่วมชะตากรรมเดียวกับฉัน” “ผู้บัญชาการหลิว!” จ้าวเฟิงไม่เข้าใจ เขาจะช่วยได้อย่างไร “แต่ฉันได้ยินว่า พวกเขาจะกำจัดเขา เพื่อไม่ให้กลับมาแก้แค้น” “เรื่องนี้ฉันต้องพึ่งเธอแล้วเสี่ยวเฟิง ฉันรู้ว่าเขาจะจัดการปิดปากคนยังไง เราต้องยับยั้งไม่ให้คนบ้านซ่งทำสำเร็จ” แววตาของโจวกุ้ยเหมยเด็ดเดี่ยวจนทำให้ขนลุก บ่งบอกว่า… การแก้แค้นกำลังจะเริ่ม จ้าวเฟิงกลืนน้ำลาย แต่ไม่อาจปฏิเสธ “ฉันต้องทำยังไงบ้าง” แผนของโจวกุ้ยเหมยคือให้เธอติดต่อไปยังสหายของผู้บัญชาการหลิว เล่าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือการใส่ร้ายจากคนกลุ่มหนึ่ง พวกเขาต้องการกำจัดคนที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตภายใน ที่คนทั่วไปเรียกว่าคอร์รัปชัน ใช้อำนาจสร้างพรรคพวกเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง เพราะผู้บัญชาการหลิวมีนิสัยตรงไปตรงมา ซึ่งการหาที่อยู่ของคนเหล่านั้นไม่ยากนัก เพียงระบุชื่อกับตำแหน่งให้ชัดเจน จดหมายเวียนจึงถูกส่งออกไปหลายฉบับ “พี่กุ้ยเหมย ฉันได้ส่งจดหมายออกไปตามที่พี่บอก แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เตือนเขาเรื่องที่ผู้บัญชาการจะถูกลอบฆ่า” “ไม่จำเป็นต้องบอกหรอก พวกเขาล้วนเป็นทหาร เพียงแค่รู้ว่าสหายถูกใส่ความจะต้องเอะใจ เขาจะรู้ในทันทีว่าเพื่อนตกอยู่ในอันตราย ทั้งไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น” จ้าวเฟิงพยักหน้าว่าเข้าใจ ทั้งที่ไม่ค่อยเข้าใจ อะไรจะง่ายดายป่านนั้น โจวกุ้ยเหมยพักฟื้นหลายวัน อาการดีขึ้นตามลำดับ สีหน้าไม่ซีดเซียวเหมือนช่วงก่อน มีเลือดฝาดแต่นัยน์ตาหม่นแสงดังเดิม ความทุกข์ในใจมีแต่จะเพิ่มพูน “อืม ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว แค่ระวังเรื่องลมเย็น ใส่เสื้อให้หนาตอนอากาศหนาว สักครึ่งปีจะหายสนิท” “ขอบคุณหมอฝูมาก ได้คุณช่วยดูแลฉันจึงหายเป็นปกติ” “ไม่ต้องขอบคุณฉัน นู่น! เป็นเสี่ยวเฟิงที่ช่วยเธอไว้” “นี่หมอฝู ได้ยินว่าคุณทะเลาะกับคนในสำนัก เรื่องจริงรึเปล่า” “สู่รู้! ใช่แล้ว ถามทำไม” “แบบนี้ยังจะไปทำงานอยู่ไหม?” “เสี่ยวเฟิง ถามอะไรแบบนั้น มันเสียมารยาทนะ” โจวกุ้ยเหมยดุเสียงเบา รู้สึกว่าน้องสาวไม่รู้จักเด็กผู้ใหญ่ อดจะเอ่ยเตือนสักหน่อย “ฉันแค่อยากรู้ ถ้าตกงานมันน่าเสียดาย ตอนนี้มีร้านยาฝรั่งเยอะมาก อ้างสรรพคุณเกินจริง หมอฝูเก่งขนาดนี้ ถ้าได้รักษาคนทั่วไปโดยไม่ผ่านสำนักคงดี” “ฉันเคยมีความคิดจะเปิดร้านยา แต่มันใช้เงินก้อนโต ทั้งค่าเช่าค่าสมุนไพรจิปาถะ จนใจที่แทบไม่มีทุนรอน ถึงมีก็ไม่พอ” พูดแล้วก็ส่ายหน้า ความฝันของหมอฝูคือมีร้านเป็นของตัวเอง ไม่ต้องใหญ่โตแค่ได้รักษาคน มีไม่น้อยที่ไร้เงิน ไม่กล้าไปโรงพยาบาล หากพอช่วยได้จะได้ช่วย “เพราะฉันอยากมีกิจการ ไม่ต้องทำเงินมากแต่พอมีกำไร ถ้าหมอสนใจเรามาเปิดร้านยากัน ส่วนเรื่องการรักษาฉันจะไม่ยุ่ง เน้นขายของพอ” “อุบ๊ะ! คำพูดใจใหญ่ดีจริง เธอรู้ไหมว่าการจะเปิดร้านยามันต้องใช้เงินเท่าไหร่” “ไม่รู้” “ขั้นต่ำต้องมีเงินหลักพันหยวนขึ้นไป กว่าจะได้ทุนคืนยังไม่แน่ว่ากี่เดือน” “ฉันมี ตาทวดเขาทิ้งเงินก้อนโตเอาไว้” “เธอแน่ใจรึ?” หมอฝูเริ่มสนใจ เขาไม่มีความคิดอยากกลับไปทำงานที่สำนัก ไปก็เท่านั้นไม่มีคนเห็นหัว มีแต่พูดจาแขวะ น่ารำคาญ! หลายครั้งที่เขาอยากลาออกให้มันจบๆ “แน่ใจสิ ตอนนี้กินๆ นอนๆ น่าเบื่อจะตายไป” เห็นประกายนัยน์ตา แสดงว่าเขาจะตกลงแน่ จากที่อยู่ร่วมกันมาสักระยะ หมอฝูถือเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ อาจเสียงดังไปหน่อย พูดจาห้วนขวานผ่าซากแต่จริงใจ และมีเพียงความปรารถนาดี “ฉันขอพูดอะไรหน่อย” โจวกุ้ยเหมยอยากแสดงความเห็นบ้าง เธอเองรู้สึกว่าไม่ควรอยู่เฉยๆ “ว่ามาสิ” “เท่าที่ฉันรู้ เหมือนอย่างที่เสี่ยวเฟิงบอกว่าแถวนี้มีร้านยาเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่คือร้านยาฝรั่ง การจะเปิดร้านยาสมุนไพรอาจสวนกระแส ยากที่จะดึงดูดคนให้สนใจ ถ้าเตรียมการไม่ดี นอกจากทำกำไรไม่ได้แล้ว น่ากลัวจะขาดทุน” “ใช่ว่าฉันอยากทำลายความหวังความฝัน แต่ชี้ให้เห็นความจริงอีกด้าน มันไม่ได้สวยงามเหมือนที่เราคิด” “ฉันเข้าใจเรื่องนี้ ดังนั้นเราต้องทำการประกาศเพื่อดึงดูดความสนใจคน” “ยังไง?” หมอฝูเห็นแววตาซุกซน ก็รู้ว่าจ้าวเฟิงคงคิดแผนไว้แล้ว “ตรวจโรคโดยไม่เก็บค่าตรวจ แนะนำเขาเรื่องอาการที่เป็น เน้นในด้านที่หมอฝูถนัด พูดอย่างชัดเจน บอกเขาว่าควรดูแลร่างกายอย่างไรแต่ไม่บังคับให้เขาซื้อ” “วันที่เปิดร้าน ฉันอยากทำยาหม่องบรรเทาอาการวิงเวียนแจกลูกค้าที่เข้าร้าน ให้เป็นอันเล็กๆ เพื่อเป็นสินค้าตัวอย่าง ชอบก็กลับมาซื้อซ้ำ ไม่ชอบก็แล้วไป” “แบบนี้ไม่ลงทุนหนักไปหน่อย เธอคิดจะแจกเท่าไหร่กัน” “สักร้อยตลับเป็นไง” “ฟังดูไม่คุ้มค่า แต่ตามที่พี่กุ้ยเหมยพูดนั่นแหละ คนเรามักกลัวสิ่งที่ไม่คุ้นเคย หากเขาจะตัดใจซื้อย่อมตัดใจลำบาก การแจกให้ทดลองก่อนพวกเขาจะไม่ลังเลใช้ เมื่อสรรพคุณออกมาเป็นที่น่าพอใจ พวกเขาย่อมกลับมาซื้อซ้ำ” “ที่สำคัญ สมุนไพรมาจากธรรมชาติผลข้างเคียงแทบไม่มีเลย หากใช้ถูกโรค” “ความคิดนี้ดีมาก ฉันก็เห็นด้วยนะคะ” “ฉันก็คิดว่าน่าสนใจ เช่นนั้นช่วงนี้คงต้องรบกวนเถ้าแก่ตัวน้อย ขอเบิกเงินล่วงหน้าเพื่อเตรียมการ ทั้งหาทำเลเปิดร้านกับซื้อสมุนไพรแล้วล่ะ” “ฮา! มีคนเรียกว่าเถ้าแก่ รู้สึกเหมือนจะลอยได้” หมอฝูกับโจวกุ้ยเหมยหัวเราะขบขัน หลังวางแผนได้สองวันเพื่อหาข้อสรุปอย่างเป็นขั้นตอน หมอฝูจึงเดินดูย่านที่มีคนพลุกพล่าน ถึงจะมีร้านยาอยู่แล้วจำนวนมาก แต่จำนวนคนที่เดินผ่านมีมากเช่นกัน ดังนั้นมันดีกว่าไปเปิดในจุดที่คนผ่านน้อย เขาตัดสินใจเช่าตึกสองชั้นหนึ่งคูหา ทำสัญญาเช่าหกเดือนก่อน เพื่อรอดูผลตอบรับ จากนั้นถ้าไม่ติดขัดมีปัญหาอะไรค่อยทำสัญญาระยะยาว เลี่ยงไม่ให้เอาเงินไปจมกับค่าเช่า “ว้าว! เก่ามาก!” คำแรกเหมือนจะดี คำต่อมาทำเอาหมอวัยกลางคนแทบสำลัก ตอนเย็นพาสองคนมาดูที่ตั้งร้าน เพราะกลัวจะถูกคนจำได้ โจวกุ้ยเหมยจึงต้องใช้ผ้าคลุมหน้า “อะไรของเธอ! ทำเหมือนตื่นเต้นดีใจแต่กลับพูดแบบนี้” “ฉันพูดผิดตรงไหน ที่นี่เก่าจริงๆ คิดว่าเราควรทาสีใหม่เพื่อไม่ให้ร้านยากลายเป็นบ้านผีสิง” “ไม่ลงทุนเยอะไปรึ อย่าลืมว่าพวกยาต้องมีเงินไปซื้อมา ไม่สามารถขอเชื่อไว้ได้ ต่อให้ฉันเป็นหมอ พวกเขายังไม่ยอม” “เฮ้อ! ถึงตรงนี้จะอยู่ในจุดที่มองเห็นง่าย แต่สภาพชวนขนหัวลุกคนป่วยจะอยากแวะมาหรือ เดินผ่านยังนึกว่าประตูผี” “เรื่องมากจริง! อ๊ะๆ ตามใจ อยากทำอะไรก็ทำ” โจวกุ้ยเหมยรู้สึกเห็นด้วยกับจ้าวเฟิง ต่อให้ทำเลดีแต่ร้านไม่น่าเข้า คนย่อมเดินไปร้านอื่น การลงทุนนี้จึงเหมาะสม และเธออาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน จึงรู้แหล่งจ้างงานราคาประหยัด “ยังพอมีคนที่รับงานถูก ในตรอกสิบสี่ท้ายซอย มีกลุ่มคนที่ต้องการทำงานมารวมตัวกันทุกเช้าจนสาย เรื่องราคาสามารถต่อรอง หากทำงานดีก็จ้างทำต่อ ไม่ดีแค่เปลี่ยนคนใหม่ คิดว่าไม่เกินหกวันน่าจะแล้วเสร็จ” “อืม แบบนี้ค่อยน่าฟัง ฉันเองคิดว่าต้องหาช่างรับเหมาอย่างเดียว” เมื่อมีการแข่งขันคนย่อมอยากทำผลงาน พวกเขาจะไม่งอแงหรือสร้างปัญหา หากโชคไม่ดีไปเจอคนแบบนั้นเข้าก็เลิกจ้างหาคนใหม่ ไม่ต้องเสียเวลากัดฟันทนจนแล้วเสร็จ “ช่วงนี้สุขภาพของฉันดีขึ้นเรื่อยๆ การทำยาหม่องคุณสามารถสอนฉันได้ หรือว่าทำไว้ให้ฉันช่วยบรรจุใส่ตลับ ของพวกบรรจุภัณฑ์ไปทางใต้ของเมืองจะมีช่างทำขายในราคาส่ง มากมายหลายขนาด” “มีเธออยู่ทั้งคนยังต้องกลัวจะไม่ได้ของถูก ดี เช่นนั้นเราแบ่งหน้าที่กัน พอเสร็จแล้วจะได้เริ่มเปิดร้าน” จ้าวเฟิงแหงนมองร้านใหม่ อยากเปลี่ยนโฉมไวๆ เธอจะได้มีเงินไหลเข้ามาเสียที “ภารกิจต่อไปกำลังจะเริ่ม! โปรดเตรียมตัวให้พร้อม” “หือ?” เสียงการแจ้งเตือนของระบบ ทำเอาจ้าวเฟิงใจไม่ดี อะไรเนี่ย! เงียบไปตั้งนาน มาให้ทำเอาวันนี้ “เสี่ยวเฟิงเป็นอะไรไป ทำไมจู่ๆ ถึงทำหน้าแบบนั้น” โจวกุ้ยเหมยที่เห็นเด็กหน้าเสีย คิดว่าอาจรู้สึกไม่สบายตรงไหน มือจึงยื่นไปอังหน้าผากเพื่อตรวจสอบ “เปล่าค่ะ ฉันแค่เห็นอะไรแปลกๆ” แถจนไม่รู้จะแถยังไง ดีที่มองออกนอกถนน แต่หูยังรอฟังว่าเขาจะให้เธอทำอะไร “ช่วยเหลือทหารที่ถูกสายลับไล่ล่า ให้พ้นจากสถานการณ์อันตราย” “ทำสำเร็จจะได้รับโฉนดสวนสมุนไพรล้ำค่า พร้อมคนสวนที่มากประสบการณ์ หากล้มเหลวจะถูกยิงตายไปพร้อมกัน” “อืมมีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD