ตอนที่ 3 Yam part

3548 Words
วันนี้มีนัดถ่ายแบบโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์คณะผมเลยต้องแต่งชุดนักศึกษาผูกเนคไทซะเรียบร้อย สตาฟฟ์นัดเวลาไว้ตอนเก้าโมง ผมไปถึงตอนแปดโมงครึ่งก็มีนักศึกษาที่จะเป็นนางแบบนายแบบมากันแล้วบางส่วน ผมกำลังจะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนปีเดียวกันถึงแม้จะเรียนกันคนละคณะแต่ก็รู้จักกันเมื่อตอนรับน้องรวม “แยม ทางนี้” เสียงน้ำร้องเรียก เธอมาก่อนผมตอนนี้ก็ยืนรวมกลุ่มกับเพื่อนโบกมือเรียกผมหยอยๆ “สวัสดีทุกคน” ผมเดินเข้าไปแล้วทักทายรวดเดียวยกกลุ่ม คนอื่นๆ ก็ทักผมตอบ บ้างก็พยักหน้าทักทาย บ้างก็ตบไหล่ตบบ่าทักทาย แล้วก็ยืนพูดคุยกันอยู่อย่างนั้นจนมีเด็กคนนึง น่าจะเป็นน้องปีหนึ่งเดินเข้ามาทักผม “สวัสดีครับ พี่แยมหรือเปล่าครับ” “ครับ น้องมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมก็ถามด้วยความสงสัยเพราะแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน “ผมชื่อเฟิร์สครับ ปีหนึ่ง สาขาไฟฟ้าน้องพี่ฟาร์มครับ” น้องมันแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ พี่ฟาร์มที่ถูกอ้างถึงนั้นก็คือพี่เทคของผมเอง แกเรียนไฟฟ้าปีสี่ แต่ผมก็ยังงงๆ อยู่ดีว่าที่ทักผมเรื่องอะไร แถมยังรู้จักชื่อผมด้วยทั้งที่ผมหรือพวกปีสามคนอื่นๆ ยังไม่ได้ไปโชว์ตัวกับปีหนึ่งเลย และผมคงโชว์หน้างงๆ ออกไปน้องมันเลยบอกคำตอบที่ทำเอาผมกับเพื่อนที่ยืนอยู่ด้วยกันอึ้งไปทั้งกลุ่ม “คือผมชอบพี่แยมครับ ผมเห็นรูปถ่ายพี่แยมถ่ายกับพี่ฟาร์ม พี่แยมน่ารักดีผมเลยชอบ” กำลังอึ้ง พูดอะไรไม่ออก ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีผู้ชายมาบอกว่าชอบหรอกนะครับ จะกี่ครั้งผมก็ตกใจอยู่ดี น้องมันเห็นผมไม่พูดอะไร เลยถามคำถามที่ทำเอาผมแทบหน้าทิ่มดิน “พี่แยมคบกับผมได้ไหมครับ นะครับ ผมชอบพี่แยมจริงๆ ครับ” มีอ้อนด้วย เจอรุกแต่เช้าผมนี่ไปไม่เป็นเลย “น้องครับ พี่เป็นผู้ชายนะครับ ขอบคุณที่ชอบพี่นะ แต่พี่ไม่ได้ชอบน้อง” กว่าผมจะหาเสียงตัวเองเจอต้องรวบรวมสติอย่างหนักเลย “ไม่เป็นไรครับ ถึงตอนนี้พี่จะปฏิเสธผม แต่ผมจะทำให้พี่รับรักผมให้ได้ ไม่มีอะไรที่เฟิร์สคนนี้ทำไม่ได้หรอกครับ พี่ต้องเป็นของผม” ประโยคหลังมันเดินเข้ามาใกล้แล้วพูดให้ได้ยินกันแค่สองคนก่อนจะเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนของมัน “เด็กใหม่ปีนี้ออกตัวแรงว่ะ” เสียงเพื่อนผู้ชายในกลุ่มผมพูดขึ้น “มึงต้องระวังตัวนะไอ้แยม ไอ้เด็กนั่นดูท่าจะร้ายไม่เบา” เพื่อนอีกคนพูดเตือน ซึ่งผมก็เห็นด้วย และก่อนที่ผมจะได้คิดอะไรต่อพวกสตาฟฟ์ก็เรียกรวมตัวซะก่อน สตาฟฟ์ที่รับหน้าที่ดำเนินงานครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พวกไอ้โจ้ ไอ้กิจ ไอ้มิน ไอ้เล็ก ไอ้ต้น ไอ้ทศและไอ้หล่อลากไส้ธีร์นั่นเอง แถมไอ้คนหลังนี่ยังเป็นนายแบบอีกด้วย ผมแอบเห็นสาวๆ มองมันตาละห้อยเชียว น่าหมั่นไส้ชะมัด นายแบบนางแบบครั้งนี้ก็มีทุกคณะ ทั้งปีหนึ่ง ปีสอง ปีสาม ส่วนพวกพี่ปีสี่ถ่ายทีหลังเพราะต้องถ่ายเซ็ตชุดครุยด้วยเลยแยกถ่าย ไอ้โจ้กับไอ้ต้นจัดพวกนายแบบนางแบบออกเป็นชั้นปี โดยจะเริ่มจากการถ่ายเดี่ยวก่อนแล้วค่อยถ่ายคู่ เพราะมีตากล้องแค่สามคนเลยจัดแบบแบ่งชั้นปีไปเลย ส่วนถ่ายรวมไอ้โจ้บอกว่าต้องรอตอนบ่ายเพราะมีถ่ายนอกสถานที่ด้วย เพราะต่างคนต่างต้องทำงานของตัวเองทำให้ผมกับเพื่อนไม่ค่อยได้คุยอะไรกันเลยนอกจากเรื่องงาน จนพักเที่ยงก็มีข้าวกล่องแจกจ่ายกันอย่างทั่วถึง เมื่อได้รับข้าวกล่องไอ้โจ้เดินมาตามผมกับน้ำให้ไปนั่งด้วยกันเพราะกะว่าจะคุยกันเรื่องสถานที่ตอนบ่ายด้วย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินไปถึงกลุ่มเพื่อนก็ต้องหยุดกึก “พี่แยมจะไปไหนครับ ไปนั่งกินข้าวกับผมนะครับ” ไอ้น้องเฟิร์สมันรั้งแขนผมไว้ก่อนจะออกแรงดึงให้ผมเดินตามมันไป แต่ผมขืนตัวไว้พร้อมกับชักสีหน้าไม่พอใจใส่แต่มันยังทำเฉยไม่ยอมปล่อยแขนผม ไอ้เด็กนี่ออกตัวแรงเหมือนที่เพื่อนผมว่าไว้จริงๆ “เอ่อ เดี๋ยวนะ น้องมีอะไรกับเพื่อนพี่หรือเปล่า พอดีพี่มีธุระต้องคุยกับเพื่อนพี่” ไอ้โจ้คงเห็นผมทำหน้าไม่พอใจ แต่มันก็ยังใจเย็นถามไอ้เด็กนั่น “ก็มีนิดหน่อยครับ แต่ผมอยากกินข้าวกับพี่แยม ผมต้องรีบทำคะแนนครับ” ไอ้โจ้หน้าตาตื่นพอได้ยินคำว่าทำคะแนน และก็คงรู้แล้วด้วยว่าทำคะแนนเรื่องอะไร “คงไม่ได้หรอกน้อง เพื่อนพี่มันมีแฟนแล้ว แฟนมันหวงแล้วก็หึงโหดซะด้วย” ไอ้โจ้แก้ตัวให้ผมพร้อมหันมายักคิ้วให้ผมแล้วยิ้ม สบายครับไม่ต้องแก้ตัวหรือหาข้ออ้างอะไรไปโกหกเอง มีเพื่อนดีก็อย่างนี้แหละ คอยช่วยกันท่าให้ผมตลอด “จริงหรือครับพี่แยม พี่แยมมีแฟนแล้วหรือครับ” ผมคงต้องไหลตามน้ำสินะ กำลังจะตอบออกไปก็มีเสียงนึงดังขัดจังหวะเข้ามา “มีอะไรโจ้ แยม” ไอ้ธีร์เดินหน้ามุ่ยตาเขียวมาเชียว ไม่รู้โกรธใครมา “เด็กมันปีนเกลียวว่ะ มึงก็มาได้จังหวะพอดีเลย มันกำลังจีบแฟนมึงอยู่ว่ะ จัดการกันเองละกันนะ” พูดเสร็จมันก็เดินไปเลย ทิ้งให้ผมยืนอึ้งตาโตอยู่กับไอ้ธีร์ ไม่คิดว่ามันจะมามุกนี้ แต่ก็เอาวะใหนๆ ก็ใหนๆ แล้ว ตามน้ำให้สุดไปเลย ไอ้เด็กนี่จะได้เลิกคิดจีบผมสักที “จริงหรือแยม ว่าไงครับน้อง จะจีบแฟนพี่หรือ” ไอ้ธีร์หันมาเลิกคิ้วใส่ผมก่อนจะหันไปถามไอ้น้องเฟิร์สพร้อมกับเอามือมาโอบไหล่ผมไว้ อยากจะขืนตัวออกนะ แต่เดี๋ยวไอ้เด็กนั่นไม่เชื่อ “คนนี้แฟนพี่แยมจริงๆ หรอครับ” น้องมันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดหันมาถามผม จ้องผมเขม็งเชียว “อืม นี่พี่ธีร์แฟนพี่ มีอะไรสงสัยอีกไหม ไปกินข้าวเถอะธีร์ แยมหิวแล้ว” กระดากปากตัวเองมากครับ ทำไปได้นะไอ้แยม ผมเห็นน้องมันนิ่งเลยกะว่าจะปลีกตัวออกมาเลย ที่ไหนได้ “หึ” ไอ้น้องเฟิร์สทำเสียงขึ้นจมูกก่อนจะจ้องหน้าพวกผมสองคน “เอาเถอะครับ ถ้าพี่คิดว่าจะหยุดคนอย่างผมได้ล่ะก็ คิดผิดแล้วนะครับ ผมบอกแล้วไงว่าพี่ต้องเป็นของผม” พูดเสร็จมันก็เดินจากไปเลย ผมยังยืนอึ้งอยู่ นอกจากจะสลัดมันไม่หลุดแล้วดูท่าเรื่องจะยุ่งกว่าเดิมอีก ส่วนไอ้คนข้างผมมันยังเอามือโอบไหล่ผมอยู่ไม่ยอมปล่อยสักที แต่หน้ามันดูเครียดมากเลยครับ เครียดแทนผมหรือไง กว่าจะได้กินข้าวกันก็เที่ยงกว่า ผมเห็นไอ้โจ้คุยอะไรกันก็ไม่รู้กับไอ้ธีร์หน้าเครียดเชียว แต่ผมก็ไม่ได้เข้าไปถามเผื่อกำลังปรึกษาความลับส่วนตัว หลังจากแยกกับไอ้น้องเฟิร์สแล้วผมก็ยังไม่เห็นมันจนสตาฟฟ์เรียกรวมตัวตอนบ่ายกว่าๆ เพื่อไปถ่ายรูปกันนอกสถานที่ โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มตามจำนวนของพี่ตากล้องซึ่งพอดีกับจำนวนสถานที่ที่ใช้เป็นถ่ายแบบ มีห้องสมุด สนามกีฬา แล้วก็สวนตรงป้ายมหาวิทยาลัย ผมอยู่กลุ่มห้องสมุดซึ่งมีไอ้ธีร์กับไอ้เด็กปีนเกลียวรวมอยู่ด้วย น่าฆ่าทิ้งคนแบ่งกลุ่มมากเลยครับ ดันเอาตัวปัญหามารวมอยู่ด้วยกันซะได้ ส่วนสตาฟฟ์กลุ่มผมก็ไอ้โจ้กับไอ้ต้น เมื่อถึงห้องสมุดผมได้ถ่ายเป็นเซตที่สอง เป็นแนวว่ากำลังอ่านหนังสือกับกับเพื่อนแล้วก็คอยปรึกษากันถึงเนื้อหาในหนังสือ คู่ผมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แฟนกำมะลอของผมนั่นเอง ระหว่างที่ตากล้องกำลังจัดตำแหน่งให้ ผมก็เหลือบไปเห็นไอ้น้องเฟิร์สกำลังจ้องพวกผมด้วยสีหน้าที่ผมก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ “สนใจมันมากหรือไง มองอยู่ได้” ไอ้ธีร์ก็อีกคน ไม่รู้ไปหงุดหงิดอะไรมา ตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้มันมองผมตาเขียวเชียว วันนี้มีแต่คนแปลกๆ ตามอารมณ์ใครไม่ค่อยทันเลย ผมไม่ตอบเพียงแค่หันไปมองมันเท่านั้น วันนี้ไม่เหมาะแก่การชวนทะเลาะไม่ว่าเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น เพราะผมยังต้องอาศัยมันเป็นแฟนกำมะลออยู่ เดี๋ยวแผนแตกกันพอดี “ว่าไง ชอบมันหรือไง จะได้หลีกทางให้” แต่ดูเหมือนไอ้หน้าโหดนี่มันจะไม่ยอม “เปล่า แค่เห็นมันมอง ไม่รู้มันคิดอะไรอยู่จะได้รับมือถูก” ผมคิดอย่างนี้จริงๆ ครับ รู้เขารู้เราดีที่สุด “ไม่ต้องห่วง คนอย่างไอ้ธีร์รับมือได้ทุกสถานการณ์อยู่แล้ว” มันพูดก่อนลุกขึ้นเอามือซ้ายเท้าโต๊ะส่วนมือขวาวางไว้บนไหล่ขวาผม เหมือนคล่อมตัวผมเอาไว้ ท่านี้พี่ตากล้องไม่ได้เป็นคนจัด มันจัดเองแล้วพี่ตากล้องก็พอใจกับท่านี้ซะด้วย “นิ่งๆ นะครับ น้องธีร์ก้มลงอีกนิดครับ ส่วนน้องแยมเงยหน้าขึ้นนิดนึงครับ ทำเหมือนว่ากำลังคุยกันนะครับ” พี่ตากล้องสั่งไปกดชัตเตอร์ไปโดยไม่สนใจเลยว่าตอนนี้หน้าผมกับไอ้ธีร์มันใกล้กันมากจนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ของมัน ผมไม่กล้ามองตามันเลยเพราะตอนนี้มันกำลังยิ้ม แล้วผมก็ทำหน้าทำตัวไม่ถูกด้วย กว่าจะผ่านฉากนั้นไปได้เล่นเอาผมเกือบตายเพราะไม่กล้าหายใจแรง แต่คุณพี่ตากล้องแกยังไม่พอใจเท่าไหร่ครับ ขอถ่ายเพิ่มอีกชุดนึง ท่าเดิมแต่ผมไม่ต้องเงยหน้า ให้ไอ้ธีร์ก้มหน้าลงแทน แล้วพวกเราต้องยิ้มเหมือนกำลังมีความสุขที่ได้อ่านหนังสือ เอาอีกแล้ว ถึงไม่ต้องสบตา แต่แก้มผมร้อนเลยครับ ไอ้ธีร์มันเอาจมูกมาเฉียดแก้มผม ผมต้องนั่งนิ่งไม่กล้าขยับ เพราะถ้าผมขยับแม้แต่นิดเดียวแก้มผมชนกับจมูกมันแน่นอน ผมล่ะสงสัยเหลือเกินว่าตอนนี้ผมถ่ายแบบให้กับมหาวิทยาลัยหรือว่าถ่ายพรีเวดดิ้งกันแน่ และดูเหมือนพี่ตากล้องแกพอใจกับรูปเซตนี้แล้วเพราะสั่งนายแบบนางแบบถ่ายเซตอื่นต่อเลย กว่าจะเสร็จจากการถ่ายแบบเล่นเอาเหนื่อย วันนี้หัวใจผมทำงานหนักมาก ดันเต้นแรงกับไอ้ธีร์ซะได้ ดูท่าผมจะมีอะไรไม่ปกติซะแล้ว แล้วเหมือนผมจะลืมเรื่องไอ้เด็กปีนเกลียวนั่นไปแล้วด้วย หลังจากถ่ายแบบไปได้สองวันพี่ตากล้องก็ส่งรูปให้มหาวิทยาลัยเลือก พี่เขาทำงานเร็วมาก ผมเห็นผลงานแล้วต้องขอชมฝีมือเลย สวยมาก แสงและเงากำลังดี อีกอย่างได้นายแบบหล่อด้วยครับ วันนี้เป็นวันแรกของการรับน้องสาขาของคณะวิศวะฯ สาขาของผมนัดรวมตัวกันแถวลานหน้าห้องสโมสรนักศึกษาตอนหลังเลิกเรียน พวกผมมาก่อนถึงเวลานิดหน่อยเพื่อเตรียมตัวเตรียมสถานที่ให้พร้อม สาขาผมมีน้องปีหนึ่งเกือบร้อยคนได้ พวกเพื่อนผมกะว่าวันนี้จะแค่ให้น้องๆ แนะนำตัวกันก่อนแล้วค่อยจัดหนักวันหลัง หน้าที่รับน้องจะให้ปีสามอย่างพวกผมเป็นหลัก โดยมีไอ้ต้นเป็นเฮดว๊าก ไอ้ทศเป็นรองเฮดว๊าก และปีสองจะอยู่ในส่วนของฝ่ายสันทนาการ ส่วนพี่ปีสี่ไม่ขอเข้าร่วมเพราะต้องเริ่มทำโปรเจคจบกันแล้ว ในการรับน้องครั้งนี้ ผมได้รับหน้าที่อันทรงเกียรติให้อยู่ฝ่ายสวัสดิการ เพียงเพราะไอ้ต้นให้เหตุผลกับผมแค่ข้อเดียวว่า “หน้าหวานๆ แบบมึง ขู่ให้ตายน้องมันก็ไม่กลัวมึงหรอก” ผมเลยต้องไปอยู่กับสาวๆ ฝ่ายสวัสดิการแทน หน้าที่ผมก็ไม่มีอะไรมาก แค่เอาน้ำ เอาขนมแจกน้องๆ กับเพื่อนๆ ตอนพักแค่นั้น ผมเลยมีเวลาว่างนั่งให้แก๊งสามนางคว้าแทะโลมเล่น “นี่พี่แยมสุดหล่อของโรส ได้ข่าวว่ามีเด็กปีหนึ่งกล้าปีนเกลียวหรือคะ โรสไม่ยอมนะ” นางคว้าคนแรกเริ่มด้วยการเกาะแขนพร้อมกับพยายามเอาหน้ามากระแซะไหล่ผม “นี่นังโรส พี่แยมไปเป็นของหล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ ของฉันต่างหาก” เชอรี่ นางคว้าคนที่สองดึงแขนอีกข้างของผมไปครอบครอง แล้วก็เกิดศึกย่อมๆ เมื่อสองนางคว้าทะเลาะกันแย่งผม ผมควรจะดีใจใช่ไหมเนี่ย ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมแก๊งนางคว้าที่มีสมาชิกสามคนถึงมีแค่โรสกับเชอรี่ที่คอยแทะโลมผมตลอดเวลาเมื่อมีโอกาส ยกเว้นมิลค์เพราะนางคว้าอีกคนบอกว่าชอบผู้ชายล่ำๆ ซึ่งผมหมดสิทธิ์ เลยรอดตัวไป “ข่าวไวจังเลยนะ ใครบอกล่ะ” ผมก็สงสัยสิครับ เพราะรู้กันแค่ไม่กี่คนเอง “ก็นังโจ้ฝากพี่แยมให้พวกเราคอยดูแล เผื่อมีใครมาเกาะแกะก็ให้พวกเรากำจัดได้ตามสะดวก” เชอรี่เป็นคนตอบข้อสงสัยให้ผม “ว่าแต่เด็กนั่นเป็นใครล่ะ หน้าตาดีไหม” โรสถาม “ก็หล่อนะ ตัวสูงพอๆ กับไอ้โจ้ อ้อ ไม่สิ สูงกว่านิดหน่อยเท่าไอ้ธีร์เลย” ผมอธิบายไปเท่าที่เห็น ก็ยอมรับนะว่าไอ้เด็กนั่นหน้าตาดีใช้ได้ หล่อแบบร้ายๆ ดูเจ้าเล่ห์น่ากลัว แต่ผมว่าไอ้ธีร์ตอนตัดผมโกนหนวดแบบตอนนี้หล่อกว่าเยอะ “เดี๋ยวต้องไปแอบส่องสักหน่อย กล้าดีอย่างไรมาปีนเกลียวพี่แยมที่น่ารักของฉัน” เชอรี่พูดพลางมือทุบโต๊ะ ก่อนชวนมิลค์กับโรสไปยังสาขาไฟฟ้า แล้วทิ้งให้ผมนั่งเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว กิจกรรมรับน้องวันนี้ใช้เวลาไม่นานนัก พวกปีสามทั้งหมดช่วยกันเก็บของ เก็บกวาดสถานที่กันเสร็จเร็วเลยได้แยกย้ายกันก่อนค่ำมืด แต่ผมต้องรอไอ้โจ้ก่อน นัดกันไว้ว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน วันนี้ผมอาศัยรถมันมาเรียนอีกแล้ว ขี้เกียจขับเอง ส่วนพวกไอ้ต้น ไอ้ทศตรงไปร้านข้าวแล้วครับ ช่วงเย็นๆ คนเยอะ ต้องรีบไปจองโต๊ะกับสั่งข้าวไว้พลางๆ กว่าพวกผมจะไปถึงก็คงได้กินพอดี ใกล้ค่ำแบบนี้มหาลัยเงียบมากโดยเฉพาะใต้ตึกที่ผมนั่งอยู่แทบไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน บรรยากาศวังเวงน่ากลัวมาก นี่ถ้าไอ้โจ้ไม่โทรบอกว่าใกล้เลิกแล้วผมคงไม่มานั่งให้บรรยากาศวังเวงนี้หลอกหลอนผมแน่ หมับ ผมสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาสัมผัสที่บ่า แต่ก็ไม่กล้าหันไปมองข้างหลัง และไอ้สิ่งแปลกปลอมนั่นก็ยังวางอยู่บนบ่า ผมได้แต่นั่งนิ่งไม่กล้าขยับ กลัวก็กลัว หลอนก็หลอน ใช่แล้วครับ ผมกลัวผี คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย “พี่แยม มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียวครับ” เสียงนี่มัน ไอ้เด็กปีนเกลียวนั่นเอง ผมนี่ถอนหายใจโล่งอกเลย กลัวแทบฉี่ราด ไอ้นี่ก็แทนที่จะให้สุ้มให้เสียงก่อนก็ไม่ได้ น่าตบให้คว่ำเสียจริง แค่คิดนะครับ คงทำจริงไม่ได้เพราะน้องมันตัวใหญ่กว่าผม ถ้าผมตบน้องมันคงไม่สะเทือน แต่มือผมอาจหักได้ “พี่มารอเพื่อน” ผมตอบกลับไป แล้วไอ้เด็กนี่ก็ถือวิสาสะนั่งเก้าอี้ข้างผม “พี่แยมไปกินข้าวกับผมนะ ผมหิวมากเลย นะครับนะ เดี๋ยวผมเลี้ยง” แน่ะ มีอ้อนด้วย แต่มันใช้ไม่ได้ผลกับพี่นะน้อง “พี่นัดเพื่อนไว้แล้ว น้องเฟิร์สไปกินเถอะ” ผมปฏิเสธออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่บ่งบอกอารมณ์ “เพื่อนหรือแฟนครับ” น้องมันจ้องหน้าผมนิ่งอย่างคาดคั้น คงยังไม่ลืมเรื่องแฟนกำมะลอของผม “แฟนสิครับน้อง” ทั้งผมและไอ้เด็กนั่นหันขวับไปตามเสียงเสียง ทายสิครับว่าใคร “รอนานไหมแยม” ไม่ได้มาแค่เสียงแต่มีท่าทางประกอบฉากด้วยการโอบเอวผมด้วย คงรู้แล้วนะครับว่าใคร จะขัดขืนก็ไม่ได้เดี๋ยวแผนแตก พวกไอ้โจ้ ไอ้เล็กก็เดินตามมา “ไม่นานหรอก ไปเถอะหิวแล้ว พี่ไปนะ” ผมหันไปตอบแฟน (กำมะลอ) ของผม ก่อนหันไปลาน้องเฟิร์ส ซึ่งคนหลังนี่หน้าเสียนิดหน่อยครับเมื่อเจอไอ้ธีร์ แต่ก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้ไว “ผมไปด้วยสิพี่แยม วันนี้ไม่มีเพื่อนกินข้าว” น้องมันพูดกับผมนะ แต่ตามันจ้องไอ้ธีร์เขม็งเลย ผมเลยหันไปดูไอ้ธีร์มันก็จ้องกลับไม่ลดละ “หึ ได้สิ แต่ไปเองนะรถเต็มแล้ว เจอกันร้านป้าไหมหลังมหาวิทยาลัยแล้วกัน” ไอ้ธีร์ตอบออกไป น้องมันก็พยักหน้าตอบรับ ส่วนผมได้แต่ยืนดูพวกมันอย่างงงๆ นี่พวกมึงคิดอะไรกัน ปรึกษากูบ้างนะ เมื่อไปถึงร้านป้าไหม พวกไอ้ต้น ไอ้ทศและแก๊งสามนางคว้าก็นั่งคอยอยู่แล้ว ไอ้ต้นกับไอ้ทศจ้องหน้าน้องเฟิร์สด้วยความแปลกใจต่างกับสามนางคว้าที่มองด้วยความสนใจจนออกนอกหน้า แม้จะไปสอดส่องหน้าตามาก่อนแล้วก็ตาม ระหว่างนั่งรอกับข้าวของพวกผมและของน้องเฟิร์สที่เพิ่งสั่งใหม่ ไอ้ต้นก็เปิดประเด็นขึ้นมาทันที “ไงน้อง ได้ข่าวว่าตามจีบแยมหรือ” “ครับ น่าเสียดายนิดหน่อยที่พี่แยมดันมีแฟนซะแล้ว แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับ ถ้ามีโอกาสผมคว้าไว้แน่” ไอ้น้องเฟิร์สมันทำท่าถอนหายใจนิดหน่อยก่อนหันมามองที่ผมสลับกับมองไอ้ธีร์แบบประกาศความเป็นศัตรู “ไอ้แยมนี่มึงมีแฟ... โอ๊ย” ไอ้ต้นยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ต้องร้องเสียงหลง “ไอ้โจ้ มึงเตะ...โอ๊ย” อีกครั้งกับเสียงร้องของไอ้ต้น ความนี้คงจะเจ็บกว่าครั้งแรก ถึงกับซี๊ดปาก “เป็นอะไรไอ้ต้น ร้องทำไม” ไอ้โจ้ถามออกไปก่อนส่งซิกขยิบตาให้ไอ้ต้นเงียบไว้ ไอ้ต้นก็เข้าใจทันทีเลยเงียบไม่พูดต่อ เกือบไปแล้วไหมล่ะ ผมนี่นั่งเกร็งเลย ก็ท่าทางไอ้น้องเฟิร์สมันฉลาดน้อยซะเมื่อไหร่ แต่ดูท่าจะไม่มีอะไรน่าสงสัยครับ น้องมันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรือถามอะไรต่อ จนกับข้าวมาเสิร์ฟ ทุกคนต่างกินไปพูดคุยกันไป โดยสามนางคว้าแย่งกันยิงคำถามใส่ไอ้น้องเฟิร์สจนพรุน ผมก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แต่ไอ้ธีร์มันเล่นละครได้สมบทบาทมาก “กินเลอะ” ไอ้ธีร์หันมามองผมแล้วพูดขึ้น “หือ” งงสิครับ แต่ก็งงได้ไม่นานเมื่อมันเอาทิชชูมาเช็ดมุมปากให้ผม เห็นสายตามันหวานๆ เยิ้มๆ สงสัยเมาข้าว “หวานเกรงใจพวกกูบ้าง นั่งหัวโด่กันทั้งโต๊ะเนี่ย หึหึ” ไอ้โจ้แซวก่อนหัวเราะออกมา “กูหวานกับแฟน มึงยุ่งอะไรด้วยวะ” ไอ้ธีร์หันไปยักไหล่ใส่ไอ้โจ้ก่อนหันไปมองไอ้น้องเฟิร์สก็เห็นน้องมันนั่งจ้องพวกผมอยู่ก่อนแล้ว สีหน้าน้องมันไม่บ่งบอกอะไรเลย ผมไม่รู้ว่าน้องมันคิดอะไรอยู่ บรรยากาศน่าอึดอัดชะมัด พอกินกันเสร็จไอ้ทศก็เดินไปจ่ายเงิน หารเท่ากันครับยกเว้นของน้องเฟิร์สพวกผมออกให้ ตอนแรกน้องมันปฏิเสธบอกจะจ่ายเอง แต่ปฏิเสธแค่ครั้งเดียวก่อนที่น้องมันจะพูดขึ้น “ครั้งนี้พี่แยมเลี้ยง ครั้งต่อไปผมเลี้ยงเองนะ” นั่น ยังมีครั้งต่อไปด้วยหรือนี่ ถ้าอย่างนั้นครั้งนี้ผมให้มันจ่ายเองซะก็ดี พอจ่ายเงินเสร็จก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับที่ซุกหัวนอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD