ตอนที่ 5 Yam part

3310 Words
รับน้องนอกสถานที่ หัวหิน คือที่หมายของกิจกรรมครั้งนี้ หลังจากรับน้องสาขาเป็นเวลาสองสัปดาห์ก็ถึงกำหนดการณ์รับน้องรวมนอกสถานที่ เป้าหมายที่พวกรุ่นพี่อย่างพวกผมใช้เป็นข้ออ้างในการท่องเที่ยวโดยใช้การรับน้องนอกสถานที่เป็นฉากบังหน้า วันนี้เป็นวันเดินทางครับ พวกผมนัดรุ่นน้องทั้งหมดไว้ตีสี่ตอนเช้ามืดที่ใต้ตึกอาคารเรียนรวมเพื่อความสะดวกและสถานที่ก็กว้างจุพวกผมกับรุ่นน้องทั้งหมดได้สบาย ผมมาถึงมหาลัยตั้งแต่ตีสามก็มีเพื่อนๆ มากันบ้างแล้ว ที่มาก่อนเวลานัดเยอะก็เพื่อตรวจดูสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นว่าขาดตกบกพร่องอะไรตรงไหน บางส่วนก็ไปตรวจดูรถที่จะใช้โดยสารกัน ครั้งนี้ใช้รถทัวร์ทั้งหมด 10 คัน คันละ 50 กว่าคน เบียดๆ กันไป เพราะพี่ปีสี่ไม่ได้ไปร่วมด้วย ปีสามไปกันทุกคนเพราะคนเหลือน้อยแล้ว ส่วนปีสองก็ตัวแทนสาขาละ 30 คน ไม่รวมน้องๆ สันทนาการ ส่วนปีหนึ่งสาขาผมเยอะสุดเกือบร้อยคน แต่เชื่อเถอะว่ามันจะลดลงเรื่อยๆ ทุกการเลื่อนชั้นปี เพราะปีสามรุ่นผมจาก 80 กว่าคนเหลือไม่ถึงครึ่ง และเป็นแบบนี้ทุกสาขาของคณะวิศวกรรมศาสตร์เกือบทุกมหาวิทยาลัย ระหว่างที่ผมตรวจดูสิ่งของของสาขาอยู่นั้นไอ้โจ้กับไอ้ต้นที่รับอาสาไปตรวจดูความเรียบร้อยของรถทัวร์ก็เดินเข้ามาหาผม “อ่ะ นี่กำหนดการณ์ทั้งหมดแล้วก็รายชื่อน้องๆ และรุ่นพี่ประจำแต่ละคันรถ” ไอ้ต้นยื่นกระดาษสองใบมาให้ก่อนผมจะก้มลงตรวจดูรายชื่อ ก็เห็นชื่อตัวเองอยู่บนกระดาษที่ระบุว่าผมเป็นพี่เลี้ยงประจำรถทัวร์คันที่สามร่วมกับไอ้ธีร์ “ใครจัดรายชื่อวะ” ผมถาม “ที่รักมึงไง” ไอ้โจ้ตอบผมก่อนหัวเราะลั่น มีไอ้ต้นผสมโรงด้วย “ไอ้โจ้ ไอ้ต้น อยากตายหรือพวกมึง” ผมขู่พวกมัน ก็ได้แค่ขู่ล่ะครับ พวกมันกลัวผมซะที่ไหน “เอาน่ามึง ซ้อมไว้” ไอ้โจ้บอกพร้อมตบบ่าผมเบาๆ แต่สายตามันกรุ้มกริ่มมาก ซ้อมอะไรของมัน “เออ ไอ้แยม เดี๋ยวนี้ไอ้เด็กปีหนึ่งนั่นยังมาวอแวมึงอีกไหม” ไอ้ต้นถาม “ไม่นะ สองอาทิตย์ที่ผ่านมากูสบายใจมาก ไม่เจอทั้งไอ้น้องเฟิร์ส ไม่เจอทั้งไอ้ธีร์ รวมทั้งมึงด้วยไอ้โจ้” จริงครับ สองอาทิตย์ที่ผ่านมาชีวิตผมสงบสุขมาก ไอ้สองคนเจ้าปัญหานั่นสงสัยจะรับน้องหนักเลยไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายกับผม ขนาดไอ้โจ้อยู่คอนโดเดียวกันผมยังไม่เจอมันเลย “งั้นมึงก็เตรียมรับมือดีดีล่ะ กูว่ารับน้องครั้งนี้มึงโดนไอ้เด็กนั่นรุกแน่” ไอ้ต้นเตือนผมด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง “ระวังตัวหน่อยนะมึง พวกกูก็ยังไม่แน่ใจว่าจะช่วยเป็นไม้กันหมาให้ได้แค่ไหน” ไอ้โจ้ยังไม่วายเตือนผม เพราะที่ผ่านมาผมมีเพื่อนๆ คอยช่วยเรื่องแบบนี้อยู่ตลอดเลยไม่ค่อยห่วงอะไรเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ดูท่าจะเจอฝ่ายตรงข้ามหินซะแล้ว พวกมันเตือนผมก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน กำหนดการณ์ครั้งนี้คือ 3 วัน 2 คืน ล้อหมุนตอนตีห้าเช้ามืด กะว่าไปถึงที่หมายก่อนเที่ยงเพราะจะไม่เน้นความเร็วเพื่อความปลอดภัยของทุกคน และเพื่อให้ถึงที่หมายโดยพร้อมเพรียงกันจึงเผื่อเวลาไว้พอสมควร แผนการรับน้องวันแรกยังไม่มีอะไรมากเพราะพวกผมต้องเตรียมสถานที่และอุปกรณ์กันนิดหน่อย ที่จริงก็มีเพื่อนๆ ผมบางคนเป็นตัวแทนคณะมาดูลาดเลาสถานที่ก่อนแล้วจึงคิดว่าน่าจะใช้เวลาเตรียมตัวไม่นานมากนัก ตอนนี้ใกล้เวลารวมตัวกันแล้ว ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ต่างมากันเกือบครบเหลือพวกที่ไปซื้อเสบียงน้ำเมาที่ยังไม่กลับมาจากร้านค้าหลังมหาวิทยาลัยและแน่นอนในกลุ่มนั้นมีไอ้โจ้ ไอ้ต้น ไอ้กิจ และไอ้มินรวมอยู่ด้วย ไอ้คู่หลังนี่ไม่เคยเห็นพวกมันแยกจากกันสักที จนไอ้โจ้ให้ฉายาว่าคู่หูคู่หื่น เพราะพวกมันสองคนขึ้นชื่อเรื่องหลีหญิงฟันสาว ระหว่างรอถึงเวลาขึ้นรถกับรอพวกไปซื้อน้ำเมา ผมเดินขึ้นไปตรวจความเรียบร้อยบนรถคันที่ผมต้องเป็นพี่เลี้ยงและได้เจอกับไอ้ประธานหน้าหล่อกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงช่องเก็บของด้านบนท้ายๆ รถ ชิ่งลงดีกว่า “น้องแย้ม เดี๋ยวสิ” “มีอะไร” ผมหันกลับไปมอง “คิดถึงไม่ได้หรือจ๊ะน้องแย้ม” ไอ้เสี่ยวนี้เป็นใคร “เล่นอะไรของมึง ตอนนี้ไม่มีน้องเฟิร์ส ไม่ต้องแสดงละคร อ้อ ขอบคุณนะที่ช่วยรับสมอ้างให้” ตั้งแต่ได้ไอ้ธีร์ช่วย ผมยังไม่มีโอกาสขอบคุณมันเลย พูดตอนนี้ไปเลยละกัน คงไม่สายไปหรอก “ไม่อยากได้คำขอบคุณอ่ะ อยากได้อย่างอื่นมากกว่า” ธีร์ยิ้มทำหน้าเจ้าเล่ห์ ดูไปดูมาวันนี้มันดูดีมากครับ ขนาดใส่ชุดลำลองมันยังดูดีเลย ทีก่อนหน้านี้ไว้ผมยาว ไว้หนวดไว้เคราอย่างกะโจร ผมว่าถ้ามันถอดรูปเร็วกว่านี้สาวคงติดตรึมแน่ “จะเอาอะไรล่ะ” ได้คืบจะเอาศอก ผมคิดในใจ “ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ ติดไว้ก่อนละกัน ถึงเวลาเดี๋ยวบอก” “อืม อย่านานล่ะ เดี๋ยวมึงจะไม่ได้อะไรเลย” ผมตอบรับทั้งที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่มันจะขอผมจะมากน้อยแค่ไหน หรือว่าผมจะให้ได้หรือไม่ แต่เอาเถอะ มันคงไม่ขออะไรที่ยากมากหรอก “พูดไม่เพราะเลยน้องแย้ม” ธีร์ยิ้ม “แล้วจะทำไมไม่ทราบ” ผมยักคิ้วล้อเลียน นานแล้วที่ไม่ได้กัดกับมัน “ก็ไม่ทำไม แทนตัวเองว่าแยมสิ น่ารักดี” ธีร์ยังคงยิ้มและยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อพูดเสร็จ “เรื่องสิ” ทำไมจะต้องทำตามที่มันบอกด้วย แฟนก็ไม่ใช่ ผมคิด “หัดพูดไว้ จะได้ชิน” ธีร์ยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ “เอ้า พี่แยม” ผมหันไปตามเสียงเรียก “น้องเฟิร์ส” ผมทักออกไป น้องมันยิ้มกลับมา แต่ตามันเหล่ไปมองธีร์ “ไอ้เด็กเวร” เสียงธีร์เอ่ยลอดไรฟัน แต่ผมที่อยู่ใกล้ได้ยินชัดเจน “มาทำอะไรครับน้อง เขายังไม่เรียกให้ขึ้นรถเลย” ธีร์ถามพร้อมกับเอามือมาโอบไหล่ผมไว้หลวมๆ “แล้วพี่ล่ะครับ” ไอ้น้องเฟิร์สย้อนกลับ “พอดีพี่กับพี่แยมเป็นพี่เลี้ยงคุมรถคันนี้ครับน้อง เราสองคนเลยขึ้นมาตรวจดูความเรียบร้อย จริงไหมจ๊ะแยม” ธีร์ตอบไอ้น้องเฟิร์สก่อนหันมาทางผมพร้อมกับกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น เนียนเกินไปแล้วนะไอ้โหด “น้องเฟิร์สล่ะมีอะไรหรือเปล่า ไม่ไปรวมกับเพื่อนล่ะ นี่ยังไม่ถึงเวลาขึ้นรถเลย” ผมถามเพราะยังไม่ได้คำตอบเลยว่าไอ้เด็กนี่ขึ้นมาทำอะไรบนรถก่อนเวลา “ก็พี่ต้นให้ผมเอากล่องยามาเก็บ ผมก็นั่งคันนี้นะครับพี่แยม” ไอ้น้องเฟิร์สพูดก่อนส่งยิ้มหวานมาให้ผม ใครเป็นคนเลือกให้ไอ้คู่นี้มาอยู่คันเดียวกับผมเนี่ย ขอตื้บทีเถอะ “เหรอ ขอบใจมากนะ วางไว้เบาะหน้านั่นแหละ แล้วก็ลงไปรวมกับเพื่อนได้แล้ว จะถึงเวลารวมตัวแล้ว” ธีร์สั่งเสร็จสรรพพร้อมจ้องหน้าเป็นเชิงว่าให้รีบด้วย “ผมนั่งเบาะเดียวกับพี่แยมนะ” ไอ้น้องเฟิร์สอ้อนพร้อมทำตาหวาน มุขนี้ใช้กับพี่ไม่ได้ครับน้อง ไม่ต้องพยายาม “คงไม่ได้หรอกครับน้อง พี่แยมเขานั่งกับแฟนเขาสิ” ธีร์ยื่นหน้าเข้ามาตอบ “ผมคุยกับพี่แยม พี่เกี่ยวอะไรด้วย” ไอ้น้องเฟิร์สตอบกวนตีนใส่ “ก็พอดีว่าพี่เป็นแฟนพี่แยม พี่แยมเป็นแฟนพี่ แล้วเราสองคนก็จะนั่งด้วยกันไงล่ะ ทีนี้เก็ทหรือยังครับไอ้น้อง” ธีร์พยายามระงับอารมณ์ที่เริ่มกรุ่นจนผมรู้สึกได้ และตอนนี้มันเพิ่มแรงโอบผมเข้าไปใกล้ตัวมันกว่าเดิมผมได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ จากตัวมัน หอมดีจนเผลอสูดเข้าไปเต็มปอด ไอ้เด็กนั่นล่าถอยไปแล้วแต่ธีร์ก็ยังโอบผมอยู่ ดูเหมือนตั้งแต่ไอ้เด็กนั่นเข้ามาวุ่นวายในชีวิตผม ผมกับธีร์จะใกล้ชิดกันมากขึ้น ถึงเนื้อถึงตัวกันบ่อยขึ้น และผมก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วยเพราะเราต้องแสดงว่าเป็นแฟนกัน จะกัดกันต่อหน้าไอ้เด็กนั่นไม่ได้ เดี๋ยวโดนจับได้ว่าโกหก “สั่งซ่อมซะดีไหมเนี่ย ไอ้เด็กเวร” ธีร์มันยังบ่นกระปอดกระแปด แต่มือยังไม่ยอมออกจากไหล่ผม ยังเนียนได้อีก “ช่างมันเถอะ พอเหนื่อยเดี๋ยวมันก็หยุดเอง” ผมบอก ที่จริงผมก็รำคาญน้องมันแล้วนะ เยอะเหลือเกิน “สงสัยต้องจัดหนักสักหน่อย” ธีร์พูด แต่ทำซะผมระแวง กลัวมันจะทำอะไรแผลงๆ “คิดจะทำอะไร” ผมถามด้วยความระแวง “ถึงเวลาก็รู้เอง เฉยๆ ไว้ก็พอ” ธีร์ยิ้มอย่างมีเลสนัยที่ทำเอาผมร้อนๆ หนาวๆ “เอาล่ะน้องๆ ยืนให้ตรงแถวหน่อย เดี๋ยวจะได้ไปขึ้นรถก่อนจะเลยเวลา” ไอ้ต้นประกาศผ่านโทรโข่ง “เอ้า เอ้า ยืนดีๆ” ไอ้กิจลงไปช่วยด้วยอีกคนพร้อมหนีบไอ้มินติดไปด้วย “เอาล่ะ พี่เลี้ยงประจำรถขึ้นรถไปก่อน ตรวจดูความเรียบร้อยด้วย อีก 5 นาทีจะปล่อยน้องๆ ขึ้นรถ” เสียงไอ้ต้นประกาศก่อนพวกผมจะแยกย้ายกันขึ้นไปประจำรถของตัวเอง “ไอ้แยมมึงนั่งนี่กับไอ้ธีร์นะ ขอกูกับไอ้มินนั่งหน้าสุดละกัน เมื่อคืนหนักไปหน่อย กูกลัวเมารถว่ะ” ไอ้กิจพูดเสร็จก็ลากคู่หูคู่หื่นไปนั่งแถวหน้าสุดแบบไม่รอฟังผมด้วย แถมยังเนรเทศผมไปนั่งกับไอ้ประธานโหดนั่นอีก “แล้วทำไมกูต้องนั่งกับไอ้ธีร์ด้วย” ผมบ่นเบาๆ “ก็เราเป็นแฟนกันก็ต้องนั่งด้วยกันสิน้องแย้ม” “เฮ้ย มาเมื่อไหร่” ผมสะดุ้งก่อนถามกลับ เมื่อกี้ก็มั่นใจว่าพูดเบาๆ แล้วยังจะอุตส่าห์ได้ยินอีก “ก็มาตอนที่น้องแย้มกำลังสงสัยสถานะตัวเองอยู่น่ะสิ ลืมแล้วหรือว่าเราเป็นแฟนกันนะจ๊ะน้องแย้มของพี่ธีร์” ธีร์พูดก่อนยกแขนโอบผมแล้วกึ่งลากผมไปนั่งริมหน้าต่างเบาะแถวหลังสุดแล้วมันก็นั่งปิดทางออกผมไว้ “ใครบอกกูจะนั่งกับมึง” ก้นถึงเบาะผมก็เริ่มโวยวาย ฟอด “เฮ้ย ไอ้ธีร์ทำอะไรของมึง” ผมจับแก้มตัวเองข้างที่โดนหอมก่อนตะโกนถามมัน “พูดจาไม่เพราะ ต่อไปถ้าพูดไม่เพราะกูจะหอมแก้มมึง” ธีร์ตอบพร้อมยิ้มหวานส่งมาให้ผม “ทีมึงไม่เห็นพูดเพราะกับกูเลย” ผมย้อน “งั้นกูให้มึงหอมกูกลับ จะได้เท่าเทียมกันดีไหม” ธีร์พูดหน้าระรื่น “ไอ้เชี่ยธีร์ กูเสียเปรียบน่ะสิ” ผมโวยวายเสียงดัง “เฮ้ย ไอ้ผัวเมียคู่หลังเงียบๆ หน่อย น้องๆ จะขึ้นรถแล้ว” ไอ้มินตะโกนข้ามมาจากเบาะแถวหน้าสุด “อย่ายุ่งไอ้มิน” ผมกำลังโมโหเลยปากพล่อยใส่ไอ้มิน “โดนผัวหอมแก้มแค่นี้ก็โมโห แล้วท่าโดนมากกว่านี้จะเป็นอย่างไรจ๊ะน้องแย้ม ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้มินไม่โกรธแถมยังล้อเลียนหัวเราะลั่น “ฮ่า ฮ่า ฮ่า พอๆ ไอ้มิน เดี๋ยวน้องแย้มของกูไม่มีเลือดเลี้ยงหัวใจ ดูสิเนี่ยหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้ว เขินหรือ” ธีร์แซวผมก่อนพูดประโยคหลังเสียงเบา “มึงอ่ะตัวดี หุบปากได้แล้ว” ผมยังไม่เลิกโวยวาย ฟอด “อยากตายมากหรือมึงห๊ะ” ผมพูดพลางบีบคอมันเพราะมันหอมแก้มผมอีกแล้ว “โอ๊ย จะฆ่าแฟนตัวเองหรือน้องแย้ม บาปนะ” ธีร์ร้องโวยวายแบบสำออยและไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใดแต่กลับรวบตัวผมเข้าไปใกล้มันมากขึ้น “มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวใครมาเห็นมันจะไม่ดี” ผมเริ่มเย็นลงเมื่อเห็นว่ามันออกแรงดึงผมมากขึ้น “ก็ได้ ถึงหัวหินเมื่อไหร่ทบต้นทบดอก หึหึ” ธีร์ว่าก่อนปล่อยผมเป็นอิสระแต่ก็ยังไม่วายนั่งเบียดผมอยู่ดี “เอาล่ะน้องๆ ขึ้นรถได้ เลือกที่นั่งกันตามสบายเลย อ้อ ใครปวดเยี่ยว ปวดฉี่ ปวดขี้รีบเข้าห้องน้ำให้เสร็จนะ ให้เวลา 5 นาที ไม่งั้นไม่รอ” ไอ้ต้นตะโกนบอก น้องๆ ทยอยกันขึ้นรถคันที่ผมนั่งอยู่โดยมีไอ้คู่หูคู่หื่นยืนต้อนรับอยู่เบาะหน้า “อีกิจ อีมิน ทำไมมึงสองตัวอยู่คันนี้ย๊ะ” เสียงเชอรี่ร้องได้แสบแก้วหูผมมาก “อ้าว ก็ชื่อพวกกูอยู่คันนี้ มึงจะให้พวกกูไปคันไหนล่ะครับคุณมึง” ไอ้กิจไม่ยอมแพ้จีบปากจีบคอพูด “ชิ แล้วนี่แยมของเชอรี่ไปไหนเนี่ย นั่งคันเดียวกันนี่นา” เชอรี่ชะเง้อคอมองหา คือผมไม่ได้เตี้ยนะแต่เบาะมันสูงแถมผมยังนั่งเบาะหลังสุดอีก “ต๊าย เห็นแล้ว พี่แยมขาเชอรี่มาแล้วค่า” เสียงแหลมบาดหูของเชอรี่ทำให้ไอ้คนข้างตัวผมเอามืออุดหูแทบไม่ทัน น้องๆ ที่ขึ้นรถมาก่อนมองตามเชอรี่ก่อนอมยิ้ม บางคนก็หัวเราะออกมาเบาๆ คงเกรงใจรุ่นพี่อย่างผมและตอนนี้ผมก็เริ่มอายน้องๆ มันแล้วด้วย “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนังเชอรี่ เป้าหมายมึงอยู่โน่น” ไอ้มินรีบเบรกเชอรี่ก่อนที่จะถึงเบาะที่ผมนั่งและบุ้ยปากไปทางคนที่เพิ่งขึ้นรถมาใหม่ ผมเห็นพวกมันขยิบตาใส่กันด้วย ไม่รู้วางแผนอะไรกันอยู่ “โอเคค่า เจ๊จัดให้” เชอรี่เดินกลับไปเบาะหน้าทันทีพร้อมกับคล้องแขนบุคคลที่เพิ่งขึ้นรถมาใหม่นั่นก็คือ ไอ้น้องเฟิร์ส น้องมันทำหน้าเหรอหราเลยคงจะตกใจที่มีสาวไม่แท้ร่างยักษ์คล้องแขนก่อนพยายามลากไปนั่งด้วยกันใกล้ๆ แถวที่ไอ้กิจกับไอ้มินนั่งอยู่ น้องมันชะเง้อมองมาแถวเบาะที่ผมนั่งอยู่ พอมันเห็นผมก็พยายามจะลุกเดินมาหาแต่ติดที่มีเชอรี่นั่งขวางทางออกอยู่ ซึ่งดูท่าแล้วคงจะออกมายากมากเพราะเชอรี่ตัวใหญ่กว่าน้องมันอีก มันเลยทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจใส่เชอรี่ ส่วนเชอรี่ก็หาได้สนใจน้องมันไม่ นั่งขวางทางออกไม่พอยังโทรตามสองเพื่อนซี้แก๊งนางคว้ามาสมทบเพิ่มอีก “อยากไปนั่งกับมันรึไง เห็นมองมันอยู่ได้ กูจะได้หลีกทางไปนั่งคันอื่นให้” ธีร์เสียงเข้มขึ้นอย่างคนอารมณ์เสีย “เปล่า” ผมปฎิเสธ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันจะอารมณ์เสียประชดผมทำไม “แต่กูเห็นมึงมองมันตั้งแต่มันก้าวขึ้นรถแล้ว” ธีร์ยังเสียงเข้มไม่เลิก แถมหน้าตาก็แสดงออกว่าไม่พอใจมากด้วย “กูแค่มองไม่ได้คิดอะไรกับมันสักหน่อย ไม่งั้นกูจะหนีมันทำไม” ผมตอบ “จะไปรู้เหรอ ก็กูเห็นมึงมองมัน คิดว่าเปลี่ยนใจไปชอบมันแล้ว” “แล้วมึงมาอารมณ์เสียใส่กูทำไมเนี่ย ทำเสียงแข็งใส่อีก กูสิต้องโกรธที่มึงหอมแก้มกู” ผมใส่มันกลับ “ไม่ได้อารมณ์เสีย ก็แค่พูดตามที่เห็น” ธีร์ว่าก่อนปรับเบาะให้เอนไปด้านหลังนิดหน่อยให้เท่ากับเบาะผม “แล้วมึงจะทำเสียงแข็งใส่กูทำไม ชิ” ผมบ่นออกมาเบาๆ ก่อนหันหน้าเข้าหาหน้าต่างหนีมัน “ไม่ได้แข็งแค่เสียงนะ อย่างอื่นก็แข็งด้วย อยากลองดูไหมล่ะ หึหึ” ธีร์หันมากระซิบชิดใบหู “ไอ้เชี่ยธีร์ ไอ้ลามก ไอ้หื่น ไอ้บ้า ไอ้...ไอ้” ไม่รู้จะด่ามันอย่างไรดี “คิดอะไร ยังไม่ได้บอกเลยว่าอะไรแข็ง ลามกนะเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ธีร์ว่าก่อนหัวเราะออกมาจนตัวโยน “กูจะฆ่ามึง” ผมแกล้งบีบคอมันแก้เขิน มันกลับรวบมือผมไว้ ก่อนดึงมือผมไปวางตรงหน้าอกมัน รับรู้ได้ถึงชีพจรที่เต้นแรง “เอาไปสิ ยกให้” ธีร์ว่าก่อนเลื่อนมือผมที่ทาบหน้าอกมันอยู่ให้เลื่อนไปทางซ้ายมากขึ้น “อะไร” ผมถาม ที่ว่ายกให้ ให้อะไร “ไอ้ซื่อบื้อ” ธีร์ว่าก่อนยิ้มออกมา “มึงสิซื่อบื้อ พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง” ผมว่าก่อนดึงมือกลับ มันก็ยอมปล่อยแต่โดยดี ตามอารมณ์มันไม่ทันจริงๆ เมื่อกี้มันเพิ่งจะโมโหอยู่แท้ๆ ตอนนี้กลับนั่งหัวเราะผมซะงั้น ท่าจะบ้า ตอนนี้น้องๆ ขึ้นรถกันครบหมดแล้ว รถคันแรกเริ่มเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัย คันที่เหลือก็ขับตามออกไปเป็นขบวนโดยเว้นระยะห่างกันไม่มากเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ช่วยๆ กันทัน รถวิ่งไปได้สักพักผมก็เริ่มง่วงแต่นอนไม่หลับ ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะไอ้บ้าที่นั่งข้างผมมันหลับไปแล้วและตอนนี้มันเอาหัวมาพิงไหล่ผมอยู่ หนักนะแต่ไม่กล้าขยับ กลัวมันตื่น เขาบอกว่าคนหลับสบายห้ามปลุกมันเป็นบาป ผมกลัวบาปเลยไม่ได้ปลุก ผมว่าหน้าตามันตอนหลับนี่ดูดีกว่าตอนมันตื่นอีก ไม่มีดวงตาแพรวพราว ไม่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ มีแต่หน้าตาของเด็กน้อยน่ารักดูไร้เดียงสา น่ารักเหรอ ผมชมมันน่ารักเหรอ สงสัยจะบ้าไปแล้ว ผมเผลอจ้องหน้ามันนานไม่หน่อยจนมันเริ่มขยับตัวผมเลยตกใจรีบหันไปทางอื่นแล้วแกล้งทำเป็นหลับ แต่มันก็ยังเงียบอยู่ สงสัยขยับเพราะเมื่อย ผมเลยหันกลับไปดู มันยังคงหลับตาพริ้มอยู่เหมือนเดิม ผมมองหน้ามันเพลินๆ ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอแสดงว่ามันหลับจริงๆ และผมก็ง่วงเต็มที เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ผมรู้สึกตัวตอนรถจอดเพื่อเปลี่ยนคนขับ กำลังจะหลับต่อแต่ก็ต้องตกใจเมื่อสังเกตเห็นว่าตัวเองได้พิงไหล่ใครบางคนอยู่ ถึงว่าหลับสบายเชียว ผมรีบผละตัวเองออกกลัวมันเห็นว่าผมพิงไหล่มันหลับ รถเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง ผมลองก้มดูเห็นมันยังคงหลับอยู่ มันคงไม่รู้ว่าผมเผลอพิงไหล่มันหลับด้วย “หลับหรือตายวะ” ผมว่าเบาๆ กลัวมันได้ยิน ก่อนผมขยับตัวให้เข้าที่แล้วก็หลับไปอีกรอบ ตื่นอีกทีตอนที่ได้ยินเสียงเชอรี่ปลุกทุกคนผ่านโทรโข่งเมื่อใกล้จะถึงที่หมาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD