ตอนที่ 7 Tee part

3490 Words
เมื่อวันที่ต้องเดินทางไปรับน้องกันที่หัวหิน ผมรับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงประจำรถ หน้าที่โฆษกยกให้ไอ้ต้นไปเพราะมันเหมาะกับงานแบบนี้ที่สุด เรียกได้ว่าเป็นเจ้าพ่อโฆษกทุกกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นก็ว่าได้ เข้าเรื่องผมต่อดีกว่า หลังจากที่ไอ้โจ้นำใบรายชื่อพี่เลี้ยงประจำรถมาให้ผมเซ็นรับทราบ สายตาของผมก็สบเข้ากับรายชื่อบุคคลอันเป็นที่รัก ผมเลยใส่ชื่อตัวเองลงไปในรายชื่อพี่เลี้ยงประจำรถด้วย จัดการพาตัวเองให้ไปอยู่ในรถคันเดียวกันกับที่รักของผมซะเองเลยและผมก็ได้หอมแก้มขาวๆ ของมันด้วย มีความสุขครับ ส่วนศัตรูหัวใจของผมก็ถูกแก๊งนางคว้าคว้าไปตามระเบียบ เรียกว่าพระเอกไม่ต้องทำอะไรเลย กิจกรรมรับน้องที่พวกผมร่วมกันจัดขึ้นก็ไม่ได้มีอะไรมาก รอบกองไฟ เข้าฐาน ฝึกระเบียบ แล้วก็สันทนาการ ผมเป็นพี่ว้ากและพี่เลี้ยงกลุ่มเข้าฐานเลยต้องเก๊กขรึมกันหน่อย เดี๋ยวน้องๆ จะไม่กลัวกัน แต่มีอยู่คนนึงนะที่ไม่กลัวผมแถมยังท้าทายผมซะด้วย ไม่บอกก็รู้ใช่ไหมครับว่าผมหมายถึงใคร ศัตรูหัวใจของผมนั่นเอง ผมไม่ได้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรหรอกครับ เพียงแต่บางครั้งถ้าเยอะเกินไปก็ต้องสั่งสอนกันบ้าง อย่างตอนเข้าว้าก ผมก็ไม่ได้เอาอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ที่ลงโทษมันไปเพราะตัวมันเองที่ทำผิดกฎ ทำผิดกติกาที่ทุกคนยอมรับและต้องปฏิบัติ ส่วนการลงโทษก็ไม่ได้หนักหนาอะไร แค่ลุกนั่ง วิดพื้น ปั่นจิ้งหรีด หรือนั่งแช่น้ำทะเล เป็นต้น ผมไม่อยากให้มีปัญหาระหว่างสาขา เพราะนั่นจะทำให้คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องต้องพลอยวุ่นวายไปด้วย และที่สำคัญคนอื่นจะมองแยมไปในทางที่ไม่ดี และนั่นเป็นสิ่งที่ผมยอมไม่ได้ พ่อผมเคยบอกว่าสิ่งไหนสำคัญที่สุดสำหรับเรา เราจะเห็นค่าและจะปกป้องให้ถึงที่สุด จะว่าไปรับน้องครั้งนี้มีเรื่องดีดีเกิดขึ้นด้วยนะครับ ผมสารภาพความในใจของผมให้แยมรับรู้แล้ว ผมบอกว่าผมชอบเขา ทำไมถึงยังไม่ใช้คำว่ารัก ไม่ใช่ว่าผมไม่มั่นใจในความรู้สึกตัวเองหรอกนะ แต่เผื่อใจไว้ คล้ายๆ ปลอบใจตัวเองแหละครับว่าแค่ชอบยังไม่ได้รัก เผื่อเขาปฏิเสธกลับมาจะได้ไม่รู้สึกว่าถลำลึกเกินไป แต่ที่จริงไปไกลแล้ว ถ้าเป็นเมื่อสองปีก่อน ผมไม่ได้คาดหวังที่จะได้รับความรักตอบกลับมา แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ผมต้องการแยม ต้องการความรักจากมันด้วย ฟังดูเหมือนผมเห็นแก่ตัวนะที่ไม่ได้บอกรักแต่อยากได้ความรักตอบ คงต้องลาหัวหินแล้วครับวันนี้ เดินทางมุ่งสู่มหาวิทยาลัย เหมือนเดิมครับผมยังลากแยมมานั่งด้วยกันอีกตามเคย ดูมันเขินๆ ผมด้วยนะ ตอนไปจูงมือมาหน้าแดงเชียวและผมก็ตั้งใจให้ไอ้เด็กเวรนั่นเห็นด้วย ประกาศความเป็นเจ้าของเต็มที่ แต่แปลกมากครับรับน้องครั้งนี้มันไม่ค่อยรุกแยมเท่าไหร่ สงสัยจะถอดใจไปแล้ว ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องกลับไปสวมบทโหดเหมือนที่ผ่านมา “ง่วงก็นอนซะนะ พิงได้” ผมว่าพร้อมตบลงที่ไหล่ตัวเอง “อืม” แยมหันหน้ามาตอบก่อนหันกลับไปสนใจนอกหน้าต่างต่อ “สนใจคนข้างๆ แทนหน้าต่างบ้างก็ได้นะ” ผมแกล้งประชดและได้ผล แยมหันขวับมามองผมทันที มองแต่ไม่ยอมพูดอะไรแล้วอยู่ๆ หน้ามันก็แดง อยากรู้จังว่าคิดเรื่องอะไรอยู่ หรือว่าเขินเรื่องที่ผมสารภาพออกไป หรือว่าคิดเรื่อง...จูบ “เป็นอะไรหน้าแดงเขียว ร้อนเหรอ” แกล้งสักหน่อย “ห๊ะ...เอ่อ เปล่า” แยมดูตกใจนิดหน่อย ส่ายหน้ารัวๆ พร้อมกับปฏิเสธออกมาอย่างตะกุกตะกัก “เหม่ออะไรเนี่ย หึหึ” ผมเอื้อมมือไปปัดปอยผมให้ แยมจับมือผมไว้ก่อนเอียงหัวลงมาพิงบนไหล่ผมแล้วหลับตาลง “ง่วง หลับนะ” แยมบอกออกมา ผมเลยนั่งนิ่งๆ ให้แยมพิงไหล่ไปตลอดทาง เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นอีกทีตอนได้ยินเสียงเชอรี่ประกาศปลุกทุกคนให้เตรียมตัวเมื่อรถเลี้ยวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ส่วนไอ้หน้าหวานข้างตัวตื่นก่อนผมและนั่งจ้องผมอยู่ “จ้องทำไมแยม อะไรติดหน้าธีร์เหรอ” ผมถามยิ้มๆ “จ้องคนกรน ทำคนอื่นนอนไม่หลับ” แยมว่า ทำเอาผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน “เฮ้ย จริงดิ กรนเหรอ ดังไหม” ผมตกใจเลย ปกตินอนกรนซะที่ไหน “ฮ่า ฮ่า ฮ่า เชื่อด้วย” แยมหัวเราะแล้วรีบลุกลงจากรถไป ปล่อยให้ผมนั่งงงอยู่คนเดียว “โธ่ น้องแย้ม” ผมตะโกนตามหลังไป หลังจากขนของลงจากรถไปเก็บในห้องชมรมของมหาลัยเสร็จ พวกผมก็เตรียมตัวกันแยกย้ายกลับหอพัก ส่วนน้องๆ ปีหนึ่งส่วนใหญ่กลับกันเกือบหมดแล้วเพราะไม่ต้องอยู่ช่วยขนของ แต่ยกเว้นคนนึงที่ยังอยู่ “พี่แยมกลับกับผมไหม ทางเดียวกันเดี๋ยวผมไปส่ง” ไอ้น้องเฟิร์สถามแยมหลังจากที่แยมเดินออกมาจากห้องชมรม “ไม่เป็นไรครับพี่กลับกับพี่โจ้” แยมตอบ “แล้วแฟนพี่ไม่ไปส่งเหรอ” ไอ้น้องเฟิร์สจงใจย้ำคำว่าแฟนให้ผมที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้ยิน “มีอะไรหรือเปล่าเฟิร์ส” ไอ้หน้าหวานไม่ตอบคำถามแต่ถามกลับไป “ผมแค่รู้สึกว่าพวกพี่ไม่ได้เป็นแฟนกันเลย เหมือนจัดฉากกันผมมากกว่า” ไอ้เด็กนั่นพูดออกมา มันกระทบความรู้สึกผมเพราะแยมยังไม่ยอมรับคำสารภาพของผมเลย และดูเหมือนแยมจะอึ้งไป “สงสัยความสัมพันธ์ของพวกพี่เหรอ” ผมเดินเข้าไปถามเมื่อเห็นแยมนิ่ง “ก็อย่างที่ได้ยิน” ไอ้เด็กนั่นมันพูดไม่เคยเคารพผมในฐานะรุ่นพี่ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ “พี่คิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่กับพี่ธีร์นะ พี่คงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ใครฟังมั๊ง” แยมเริ่มจะอารมณ์เสีย “ถึงพี่แยมจะโกรธผม แต่ผมก็มีสิทธิ์ที่จะเดินหน้าจีบพี่ต่อ และอีกไม่นานพี่จะต้องเป็นของผมแน่ ผมมั่นใจ” ไอ้เด็กนั่นพูดออกมาทำเอาผมกับแยมเกือบไปไม่เป็น ผมนับถือมันนะที่เป็นคนชัดเจน กล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ แต่ผมก็คงไม่ยอมให้มันทำในสิ่งที่มันพูดมันคิดหรอก “ถ้าอย่างนั้นพี่คงต้องแสดงออกให้มากกว่านี้ใช่ไหม เฟิร์สถึงจะยอมเชื่อว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน” แยมพูดออกมาพร้อมกับดึงผมเข้าไปจูบ ไม่ผิดครับ แยมดึงผมเข้าไปจูบจริงๆ ต่อหน้าต่อตาไอ้เด็กนั่นและเพื่อนๆ ในกลุ่มบางส่วนที่อยู่สังเกตการณ์ด้านหลัง ผมยังได้ยินเสียงพวกมันผิวปากแซวเบาๆ จูบที่ไม่ได้ลึกซึ้งอะไร แค่ประกบปาก เป็นผมซะอีกที่เป็นคนเคลื่อนไหวเอง กดคลึงริมฝีปากบางเบาๆ จูบเม้มริมฝีปากล่างเหมือนหยอกเย้าก่อนจะหละออกมาก่อนจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เพราะเรายังอยู่ในมหาวิทยาลัยกันอยู่ “พอใจหรืยังครับน้อง ทีนี้ก็เลิกยุ่งกับแฟนพี่ได้แล้ว” ผมหันไปบอกไอ้เด็กนั่น “ชิ ก็แค่จูบ ยังไงซะพวกพี่ก็ห้ามผมไม่ได้หรอก” มันบอกแค่จูบ แต่ตามันวาวโรจน์บ่งบอกว่าโกรธผมมาก ส่วนแยมยังนิ่งอยู่ จนไอ้เด็กนั่นผละจากไปจึงเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว “เอ่อ…” เหมือนแยมมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา “เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วง “เปล่า กลับกันเถอะ พวกนั้นรอนานแล้ว” แยมชวน ผมก็พยักหน้ารับก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันกลับที่พัก แยมกลับกับไอ้โจ้ ไอ้ต้นกับมิลล์ติดรถผมไปลงปากซอยคอนโดของมัน ไอ้กิจกลับกับไอ้มิน วันนี้ผมมีเรียนเช้า เรียนเสคเดียวกันกับแยมด้วย จะเรียกว่าบังเอิญก็ได้ที่ผมลงเรียนวิชาเลือกภาษาญี่ปุ่น ส่วนแยมโดนไอ้โจ้ลากมาเรียนเป็นเพื่อนด้วยเหตุผลที่ว่ามันจะได้มีคนให้ลอกการบ้าน ผมเลยได้มานั่งเรียนร่วมกัน และก็บังเอิญที่วิชานี้ดันมีไอ้ต้น กับแก๊งสามนางคว้ามานั่งเรียนเสคเดียวกันด้วย กลุ่มของผมเลยเสียงดังกันนิดหน่อย “ไงมึงไอ้ประธาน จูบโชว์หวานพวกกูเลยนะเมื่อวาน” มาแล้วครับไอ้ต้นปากเปราะ ไม่รู้มันตั้งใจแซวผมหรือเปล่า แต่แยมหันกลับมามองผมทันที “อิจฉาล่ะสิมึง” ไอ้โจ้ตอกกลับให้ “เออสิ กูไม่มีให้หวานใส่นี่” ไอ้ต้นว่าพร้อมทำหน้าเศร้าประกอบ “ตอแหลนะมึง เมื่อวานตอนเย็นชะนีที่ไหนดอดมาหามึงถึงห้องยะถามหน่อย” มิลล์จากที่ไม่ค่อยมีบทบาทมากนักพูดขึ้น แก๊งสามนางคว้านี่เขาแยกกันอยู่ด้วยเหตุผลที่ว่าอยู่ด้วยกันแล้วกลัวแย่งกันเอง มิลล์อยู่คอนโดเดียวกับไอ้ต้น ชั้นเดียวกันห้องติดกันด้วย ในแก๊งมิลล์ตัวเล็กสุด เล็กกว่าแยมอีก เลยกลายเป็นน้องเล็กของแก๊ง ไม่ค่อยมีปากเสียงกับใครเท่าไหร่ แต่เชอรี่กับโรสหวงมิลล์มาก “โห ตาดีนะมึง กูอุตส่าห์ให้น้องเขาปลอมตัวมา” ไอ้ต้นว่า “แล้วมึงจะให้เด็กมันปลอมตัวทำซากอะไรห๊ะ อ้อ แล้วไอ้สายเดี่ยวกับกางเกงในที่ใส่มาเขาเรียกปลอมตัวเหรอ กูว่าคนมองจากปากซอยยันท้ายซอยล่ะไม่ว่า” มิลล์ยังคงใส่ไอ้ต้นต่อ ดูท่าพวกมันคงลืมหัวข้อที่ไอ้ต้นพูดกับผมแล้วล่ะ เพราะคู่นี้ได้กัดกันที่ไร ยาวทุกที “ถ้าอย่างนั้นคราวหลังกูให้น้องเขาใส่เอสกิโมเลย จะได้ไม่มีคนมอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้ต้นยังคงตลกไปเรื่อยจนมิลล์รำคาญ ต่างคนจึงเลิกกัดกัน “เออ ไอ้ธีร์ตอนบ่ายอย่าลืมเข้าประชุมนะมึง วันนี้อาจารย์วิฑูรย์เข้าด้วย” ไอ้ต้นหันมาบอกผม “เออ มึงเตรียมโครงการของมึงพร้อมแล้วใช่ไหม” ผมถามไอ้ต้นเรื่องโครงการที่มันเคยบอกว่าจะขอไปทำค่ายอาสา แล้วผมก็เห็นด้วยเลยให้มันไปเขียนร่างโครงการมาเสนอ “เสร็จแล้ว เดี๋ยวตอนเที่ยงกูเอาไปปริ้นก่อน แล้วจะซีร็อกซ์มาเผื่อมึง” ไอ้ต้นบอกก่อนจะลุกไปนั่งที่ของตัวเองเพราะอาจารย์เดินเข้ามาในห้องแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวานผมกับแยมยังไม่ได้คุยกันเลย จะมีก็แค่เมื่อคืนผมส่งข้อความไปบอกว่าฝันดี แล้วมันก็ตอบกลับมาว่าฝันดีเช่นกันก็แค่นั้น ผมไม่รู้ว่าแยมคิดอะไรอยู่ทำไมถึงเงียบแบบนี้ หรือผมจะรุกมากไปจนตั้งรับไม่ทัน และตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าผมควรจะรอให้มันพร้อมก่อนหรือว่ารีบเดินหน้าต่อดี ชั่วโมงนี้ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยครับ มัวแต่คิดเรื่องของไอ้หน้าหวานอย่างเดียวเลย รู้ตัวอีกทีตอนไอ้ต้นสะกิดบอกให้จดหัวข้อรายงานที่อาจารย์สั่งนั่นแหละ สงสัยผมจะเหม่อมากไป “เป็นไรวะ นั่งเหม่ออยู่ได้” ไอ้ต้นถาม “เปล่า” ผมปฏิเสธพร้อมกับหันไปมองแยม ปรากฏว่าแยมมองผมอยู่ก่อนแล้วแต่ไม่ได้พูดอะไร “เหรอออออ” ไอ้ต้นกับไอ้โจ้พร้อมใจกันลากเสียงยาวใส่ผม ส่วนแยมนั่งยิ้มอยู่ข้างๆ ไอ้โจ้ “ไปๆ กินข้าว เดี๋ยวต้องกลับมาประชุมอีก” ไอ้โจ้ชวนทุกคนก่อนนำทัพออกไปจากห้องคนแรก พวกผมที่เหลือก็ทยอยกันออกไป ร้านข้าวแกงหลังมหาวิทยาลัยคือที่หมายของพวกผม พอถึงร้านก็จับจองที่นั่งก่อนลุกไปสั่งเมนูที่ต้องการให้แม่ค้า วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่เพราะยังไม่เที่ยงดี พวกผมเลยมีที่นั่งกันครบคน “เดี๋ยวแยมกลับหอไงอ่ะ ไอ้โจ้เข้าประชุมนี่” ไอ้ต้นถาม แต่ผมไม่สงสัยหรอก “เอารถมา กินเสร็จก็กลับห้องเลย” แยมตอบ ที่ผมไม่สงสัยเพราะเมื่อเช้าผมเห็นมันขับรถมา นานๆ ทีที่จะเห็นมันขับรถเอง นั่งรอไม่นานกับข้าวที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ พวกผมกินไปคุยกันไปเรื่อยๆ แต่ผมกับแยมก็ยังไม่ได้คุยกันอยู่ดี หลังจากกินข้าวเสร็จพวกผมก็เดินไปส่งแยมที่รถก่อนจะเดินไปยังห้องสโมสรนักศึกษาเพื่อเตรียมตัวเข้าประชุม ส่วนไอ้ต้นขอแยกไปปริ้นงานก่อนตามไปทีหลัง “มาช้านะพวกมึง กูกับไอ้กิจนั่งรอกันรากงอกแล้ว” ไอ้มินโวยวายใส่พวกผมทันทีที่ก้าวขาเข้าไปในห้องสโมฯ “ไหนดูหน่อยสิ รากหรือริดสีดวง” ไอ้โจ้สวนกลับไปพร้อมกับทำท่าจะจับก้นไอ้มิน “ไปไกลๆ ตูดกูเลยไอ้โจ้” ไอ้มินกระโดดหลบไอ้โจ้อย่างไว “ฮ่า ฮ่า ฮ่า กลัวกูทำไม กูไม่เอาตูดมึงหรอก ให้ไอ้กิจโน่น” ไอ้โจ้พูดไปหัวเราะไป ไอ้กิจก็ร่วมด้วย “หุบปากเลยพวกมึงสองตัว กูยิ่งเซ็งๆ อยู่” ไอ้มินโวยวายกลับ ก่อนจะกระแทกตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม “เซ็งเรื่องอะไรของมึงวะ” ไอ้โจ้ถามหลังจากหยุดหัวเราะได้ “อ๋อ กูรู้ ก็ข่าวลือมั่วๆ อ่ะสิ ดันมีใครไม่รู้ปล่อยข่าวว่ากูกับไอ้มินแดกกันเอง ทำเอาสาวๆ กูหายเกือบหมด” ไอ้กิจแย่งพูดก่อนทำหน้าเซ็งในตอนท้าย ส่วนไอ้มินนั่งถอนหายใจไปหลายเฮือกแล้ว “แล้วใครเป็นรุก ใครเป็นรับวะ” ไอ้โจ้ยังไม่วายถาม ทำเอาพวกมันสองคนมองหน้ากันทันที “ไอ้เชี่ยโจ้ อย่าอยู่เลยมึง” ไอ้มินลุกจากเก้าอี้วิ่งไล่เตะไอ้โจ้ไปรอบห้อง ไอ้โจ้ก็วิ่งหนีไปหัวเราะไป ก่อนทั้งคู่จะหยุดวิ่งไล่กันเมื่อรู้สึกเหนื่อย “กูว่ามึงเป็นรับแน่เลยไอ้มิน ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้โจ้ยังแกล้งไม่เลิก “กูต้องเป็นรุกสิไอ้เชี่ยนี่” ไอ้มินตาขวางใส่ แต่ไอ้โจ้หาสนใจไม่ ส่วนไอ้กิจนั่งหัวเราะตัวงออยู่บนเก้าอี้ “มึงหัวเราะทำไมไอ้กิจ” ไอ้มินหันไปถามเมื่อเห็นไอ้กิจยังไม่เลิกหัวเราะ “ก็หัวเราะมึงไง มึงก็บ้าจี้ไปตามไอ้โจ้มัน ฮ่า ฮ่า ว่าแต่อย่างมึงอ่ะนะจะเป็นรุก รับของมึงไม่ตัวเท่ามดเหรอวะ” ไอ้กิจพูดแซวไอ้มิน ที่จริงไอ้มินมันตัวเล็กกว่าพวกผมนะ ตัวพอๆ กับแยมนั่นแหละ แต่ไอ้มินมันเจ้าชู้และมีสาวเยอะกว่าแยม “นั่นสิ กูว่าหุ่นอย่างมึง เป็นรับอ่ะเหมาะแล้ว” ไอ้โจ้ยังสนุกกับการแกล้งไอ้มิน “กูรักษาเอกราชเว้ยพวกมึงสองตัวหยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว มึงด้วยไอ้ธีร์นั่งเงียบอยู่ได้ ไม่ช่วยกูเลย” ไอ้มินว่าก่อนหันมาโวยผมที่นั่งดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ “เกี่ยวอะไรกับกูล่ะ ทำไมกูต้องช่วยมึงด้วย ที่จริงกูว่าไอ้กิจกับไอ้โจ้พูดถูกนะ” อยากโวยผมดีนักเลยแกล้งมันกลับซะหน่อย “ไอ้เชี่ยธีร์ กูขอให้มึงอกหัก กูขอให้ไอ้แยมได้คนอื่น กูขอให้ของมึงใช้การไม่ได้ กูขอให้...” “พอๆ แค่ข้อแรกกูก็จี๊ดแล้วไอ้มิน” ผมรีบห้ามไอ้มิน ก่อนที่มันจะนึกคำแช่งอะไรมากมายมาแช่งผมอีก “มึงก็ไปแช่งไอ้ธีร์มัน ตอนนี้มันก็กลุ้มเรื่องไอ้แยมมากพอแล้ว” ไอ้โจ้รีบบอกไอ้มิน เมื่อเห็นไอ้มินทำท่าจะพูดอะไรต่ออีก “ทำไมวะ กูก็เห็นมึงจูบโชว์พวกกูกับไอ้เด็กนั่นแล้วนี่ หรือแยมมันยังไม่ยอมรับมึง” ไอ้มินเลิกแช่งก่อนหันมาถามผมจริงจัง “เออ มันขอเวลา กูเลยไม่ได้เซ้าซี้ต่อ ให้เวลามันคิดนิดนึง” ผมตอบพร้อมบอกเหตุผลให้พวกมันฟัง “มึงให้เวลามันคิด แล้วมึงก็มานั่งเป็นหมาหงอย หมาเหม่อเนี่ยนะ” ไอ้โจ้ว่า “หมาเหม่ออะไรของมึงวะไอ้โจ้” ไอ้กิจถาม “ก็เมื่อเช้าน่ะสิ ไอ้นี่นั่งเหม่อทั้งคาบ อาจารย์สั่งงานมันยังไม่รู้ตัวเลย” ไอ้โจ้ชี้มาที่ผมก่อนหันไปบอกไอ้กิจ “แล้วมึงจะทำไงวะ รอไปอย่างนี้น่ะเหรอ” ไอ้มินลากเก้าอี้มานั่งใกล้ก่อนนั่งลงแล้วถามผม “ก็มันขอเวลากู แล้วมึงจะให้กูทำไงวะ ไปเร่งมันหรือไง” ผมถามมันกลับ “มึงก็วางแผนสิ อะไรก็ได้ที่ให้ไอ้แยมมันยอมรับรักมึงอ่ะ” ไอ้กิจเสนอขึ้นมา “เฮ้ย วางแผนอะไรกันวะ ประชุมลับหรือไง” ไอ้ต้นโผล่มาจากประตูพร้อมกับเอกสารปึกใหญ่ “รีบมาเลยมึง มาช่วยไอ้ธีร์วางแผนเลย” ไอ้มินเรียกไอ้ต้นมาใกล้ แต่ก่อนที่พวกผมจะได้คุยอะไรกันต่อ อาจารย์วิฑูรย์พร้อมกับกรรมการนักศึกษาอ**บางส่วนก็เดินเข้ามาในห้อง ในนั้นมีไอ้ทศกับน้ำรวมอยู่ด้วย พวกผมจึงเลิกคุยเรื่องนี้กันแล้วหันมาประชุมเรื่องกิจกรรมที่ทางมหาลัยกำหนดให้นักศึกษาเข้าร่วม และเรื่องโครงการต่างๆ ที่หัวหน้าแต่ละชมรมขอทำเรื่องอนุมัติทำกิจกรรมโครงการต่างๆ ภายในชมรมของตัวเอง กว่าจะประชุมเสร็จก็กินเวลาร่วมสี่ชั่วโมง เมื่อตกลงเรื่องต่างๆ กันได้ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับ ส่วนพวกผมนัดกันไปหาอะไรกินก่อนจะแยกย้ายกันกลับที่พัก “มึงจะเอาไงต่อวะไอ้ธีร์” ไอ้โจ้เปิดประเด็นถามหลังจากหาที่นั่งในร้านข้าวหลังมหาลัยได้แล้ว “เรื่องอะไรวะ” ผมงง “ก็เรื่องไอ้แยม แล้วยังเรื่องไอ้เด็กเวรนั่นอีก กูว่ามันไม่หยุดง่ายๆ หรอก” ไอ้โจ้ว่า “ยังไม่รู้ว่ะ กูอยากรู้นะแต่ไม่อยากเร่งมัน” ผมบอกไปตรงๆ “เอ้า น้ำคิดว่าตกลงกันได้แล้วซะอีก” น้ำหันมาถามผม “ยังเลยน้ำ ไอ้แยมมันยังไม่ได้ตกลงปลงใจกับไอ้ธีร์เลย” ไอ้โจ้ตอบแทน “ถึงว่าแยมดูเครียดๆ” น้ำว่า ก่อนพวกผมจะพยักหน้ารับ “กูว่ากว่าจะรอให้ไอ้แยมมันบอกนะ มึงได้อกแตกตายก่อนแน่ว่ะ” ไอ้กิจว่า “เอาเถอะ พวกมึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก กูหาทางจัดการเองได้ กินข้าวๆ” ผมบอกพวกมันเมื่อแม่ค้ายกอาหารมาเสิร์ฟ พวกมันก็พยักหน้ารับก่อนตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับอาหารตรงหน้า “เดี๋ยวแยกกันตรงนี้ก็แล้วกันนะ กลับดีดีล่ะพวกมึง” ไอ้กิจว่าก่อนลากไอ้มินกลับด้วยกัน ไอ้ทศไปส่งน้ำก่อนกลับบ้านตัวเอง ส่วนผมกับไอ้โจ้เดินกลับไปเอารถที่ตึกเรียน “กูว่าไอ้แยมมันก็ชอบมึงนะ เพียงแต่มันไม่กล้าบอกมึง” ไอ้โจ้บอกผมระหว่างเดินกันไปเรื่อยๆ “กูรู้ แต่กูก็อยากได้ยินจากปากมันเอง กูจะได้มั่นใจว่ากูไม่ได้คิดไปเองคนเดียว” ผมบอกออกไป “กูเห็นใจมึงนะ ไอ้แยมมันก็ปากแข็งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ไอ้โจ้ตบบ่าให้กำลังใจผมเบาๆ “เออ ขอบใจ นั่นรถมึงนี่ รถกูจอดฝั่งโน้น ไปล่ะไว้เจอกัน” ผมบอกเมื่อมาถึงที่จอดรถของไอ้โจ้ ส่วนรถผมจอดอยู่ฝั่งตรงข้าม ผมเลยเดินข้ามถนนหน้าตึกอีกฝั่งไปยังรถของตัวเอง และก่อนที่จะทันได้ก้าวถึงฟุตบาทอีกฝั่ง ผมก็ได้ยินเสียงรถยนต์ขับตรงมาหาผม “ไอ้ธีร์ ระวัง” โครม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD