ตอนที่ 11 Tee part

2337 Words
บทที่ 11 Tee Part สัปดาห์แห่งการแข่งกีฬามหาวิทยาลัยเกิดขึ้นแล้วครับ เป็นการแข่งขันกีฬาภายในมหาวิทยาลัยเท่านั้น โดยแบ่งกันตามสีหรือที่เรียกว่ากีฬาสีนั่นแหละ วันนี้เป็นวันแรกโดยจัดกันเจ็ดวันจันทร์ยันอาทิตย์ งดการเรียนการสอน มีแต่แข่งกีฬากันอย่างเดียว ทั้งหมดมี 4 สี แดง ฟ้า เหลืองและเขียว ผมได้อยู่สีฟ้า เป็นทั้งประธานสีและนักกีฬา ผมลงเล่นแค่บาสเก็ตบอลอย่างเดียวเพราะงานเยอะลงเล่นอย่างอื่นไม่ทัน ทีมผมก็มีไอ้โจ้ ไอ้กิจ ไอ้เล็กและเพื่อนสาขาอื่นอีกหลายคน ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปตามสีที่ตัวเองจับฉลากได้ การแข่งขันวันแรกยังไม่มีอะไรมาก ผมแค่กล่าวเปิดงานและมีการแสดงนิดหน่อยจากนั้นก็เริ่มแข่งขันกีฬารอบแรกตามตารางที่จัดไว้ ส่วนบาสเก็ตบอลรอบแรกแข่งกันช่วงบ่าย สีฟ้าแข่งกับสีแดง และวันนี้ผมก็ลงแข่งด้วย “ไงมึง พร้อมนะ” ไอ้โจ้เดินมาตบไหล่ ตอนนี้ทีมผมนั่งกันอยู่ในห้องเก็บตัวนักกีฬาใต้อัฒจันท์รอเวลาลงแข่ง บ่ายนี้มีแข่งกันสองรอบ รอบแรกสีฟ้าแข่งกับสีแดง รอบสองสีเหลืองแข่งกับสีเขียว “ไม่ไปขอกำลังใจก่อนแข่งไงวะ” ไอ้กิจเงยหน้าจากการผูกเชือกรองเท้าถามผมพร้อมพยักเพยิดไปทางเต้นท์พยาบาล วันนี้น้องแย้มของผมกับไอ้มินรับหน้าที่เป็นหน่วยพยาบาลเพราะไม่ต้องไปตากแดดร้อนๆ เป็นกองเชียร์ ที่จริงจะบอกว่าสาวๆ ในเต้นท์พยาบาลเป็นคนเลือกสองคนนี้ไปทำหน้าที่นี้เองเลยครับ และที่สำคัญไอ้พวกนักกีฬาหนุ่มๆ ดูจะสำออยกันเป็นพิเศษ “ไปขอกำลังใจหรือไปคุมไอ้แยมวะไอ้กิจ มึงดูโน่น คนเยอะอย่างกะพยาธิ” ไอ้โจ้หันไปคุยกับไอ้กิจพร้อมบุ้ยปากไปทางที่น้องแย้มของผมยืนอยู่ “เออว่ะ ไอ้พวกนั้นแม่งสำออยเกินไปล่ะ” ไอ้กิจเออออตาม “ไม่เข้าไปหน่อยเหรอวะ เดี๋ยวก็โดนไอ้พวกหน้าหม้อหยอดเอาหรอก” ไอ้โจ้เดินมาสะกิดพร้อมชี้ให้ดูไอ้เด็กปีสองคนนึงเดินตรงไปหาแยมพร้อมกับทำท่าจะเช็ดเหงื่อให้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะปฏิเสธแล้วรับผ้าเย็นมาเช็ดเอง “กูเชื่อใจ” ผมตอบแต่สายตาก็คอยมองไม่ได้ห่าง ผมเชื่อใจและไว้ใจแยมนะแต่ไม่ไว้ใจคนอื่น “เออๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ ถึงเวลาลงแข่งแล้ว ไปเว้ยพวกเรา” ไอ้โจ้หันไปตะโกนเรียกคนอื่นๆ ให้ออกไปยังสนาม ถึงแดดจะร้อนไปหน่อยแต่เสียงเชียร์ก็ยังคงดังต่อเนื่อง เรียกกำลังใจนักกีฬาได้ดีทีเดียว ในสนามบอลก็เริ่มมีนักกีฬาต่างๆ ที่ต้องแข่งกันช่วงบ่ายออกมาวอร์มร่างกายกันบ้าง ส่วนพวกผมแข่งกันตรงสนามบาสข้างๆ อัฒจันทร์ ทีมผมมีไอ้โจ้เป็นกัปตันทีมเพราะมันเล่นเก่งสุด ฝ่ายตรงข้ามก็มีไอ้ปืนอยู่ปีเดียวกันแต่มันอยู่คณะนิเทศ สาวๆ กรี๊ดมันเยอะเพราะมันเคยเป็นเดือนมหาวิทยยาลัยมาก่อน “วันนี้แข่งเต็มที่นะ แข่งเสร็จค่อยไปกรึ๊บกัน” กัปตันทั้งสองทีมจับมือกันก่อนแข่ง พวกผมกับไอ้ปืนไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่เพราะว่าเรียนกันคนละคณะ แต่ตอนนี้มันมาทำงานกับสโมสรนักศึกษาด้วยเลยมีโอกาสได้ไปดื่มกันบ่อย จนตอนนี้เรียกได้ว่าสนิทกันจนสามารถแซวเล่นหัวกันได้เลย “เออ อย่าเอาจริงมากนะมึงอ่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้โจ้พูดไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี “ได้ไง สาวมาดูกูเยอะนะมึง แพ้กูก็เสียฟอร์มหมดสิวะ” ไอ้ปืนหันไปยิ้มให้สาวๆ ที่กรี๊ดเรียกชื่อมันอยู่ข้างสนามพร้อมโบกมือให้น้อยๆ แค่นั้นสาวๆ ก็หลงมันทั้งมหาวิทยาลัยแล้ว “เชอะไอ้หล่อ งั้นกูไม่แพ้ให้มึงหรอก กูอยากเห็นดาวตกว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้โจ้ยังเกทับไม่เลิก ขนาดทีมไอ้ปืนด้วยกันยังหัวเราะชอบใจถ้าดาวจะตก “เอาล่ะทั้งสองทีม เลือกฝั่งแล้วก็ฟังกติกากันก่อน” กรรมการสนามเรียกพวกผมเข้าไปฟังกติกาการแข่งขันกันก่อนจะเริ่มแข่งจริง การแข่งดำเนินไปอย่างสนุกสนาน มีปะทะกันบ้างแต่ไม่มีใครถือสาหาความเพราะรู้ดีว่านี่เป็นการแข่งกีฬา น้ำใจนักกีฬาสำคัญที่สุด ผ่านไปสองเกมส์สีฟ้าชนะทั้งสามเกมส์ด้วยแต้มที่สูสีกันมาก “น้ำ” ผมเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “นั่งนี่สิ” ผมตบลงบนที่ว่างข้างๆ ตัวให้อีกฝ่ายนั่งลง “เหนื่อยไหม เหงื่อเต็มเลย” แยมถามพร้อมกับเอาผ้าขนหนูที่คล้องคอผมอยู่ออกมาเช็ดหน้าให้ ที่จริงผมเช็ดไปรอบนึงแล้วนะแต่อากาศมันร้อนไปหน่อย “นิดหน่อย แล้วนี่ที่เต้นท์พยาบาลเป็นไงบ้างเห็นคนเยอะเลย” ผมถามเมื่อหันไปดูที่เต้นท์ก็ยังมีคนเยอะอยู่ แต่ไม่เท่าก่อนหน้านี้ “อือ ก่อนหน้านี้คนเยอะมากแต่ตอนนี้ลดลงแล้วล่ะ จะเอาอะไรไหม ยานวด แผ่นประคบ” แยมถามพร้อมกับเริ่มมองสำรวจร่างกายผมว่ามีส่วนไหนเป็นอะไรหรือเปล่า “ไม่เป็นไร นั่งนี่แหละ นั่งเป็นกำลังใจให้หน่อยนะ” ผมบอกแล้วดึงมืออีกฝ่ายมากุมไว้หลวมๆ แยมพยักหน้ารับ แก้มแดงๆ ก้มลงมองพื้นเมื่อเห็นว่าผมยังคงมองอยู่ นั่งคุยกันได้นิดหน่อยก็ต้องลงสนามแข่งอีกเกมส์ ถ้าสีฟ้าชนะเกมส์นี้ก็ถือว่าผ่านเข้ารอบ เกมส์นี้ถือว่าหืดขึ้นคอนิดหน่อยเมื่อสีแดงเล่นบุกตั้งแต่ต้นเกมส์บวกกับอากาศที่ร้อน แต่สีฟ้าก็คอยตั้งรับอย่างดีพร้อมกับหาโอกาสบุกตลอดเกมส์ ทำให้สีฟ้าชนะไปอย่างเฉียดฉิว “ห่าโจ้ สาวๆ กูเงียบเลย” ไอ้ปืนเดินมาจับมือกับไอ้โจ้กลางสนามก่อนทำหน้าเสียดายที่สาวๆ ทำหน้าผิดหวังหน่อยๆ “กูบอกแล้วว่าวันนี้กูจะสอยดาว” ไอ้โจ้พูดพลางยักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียนอีกฝ่าย เรียกเสียงหัวเราะได้ทั้งสองทีม “คืนนี้ไปกรึ๊บกันไหม ไปกันหมดนี่แหละ” หนึ่งในทีมสีแดงหันมาชวนพวกผม “รอเสร็จงานก่อนเถอะ เดี๋ยวแฮงค์ลุกไม่ขึ้น” ผมบอกไป หลายๆ คนพยักหน้ารับพร้อมทั้งคนชวนด้วย “เออๆ รอบหน้าอย่าแพ้เขานะพวกมึง” ไอ้คนเดิมพูดก่อนทั้งสองทีมจะแยกย้ายกันกลับสีตนเอง ผมเดินกลับเต็นท์อย่างอารมณ์ดี แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมีใครก็ไม่รู้มานั่งข้างแยม ระบุไม่ได้ว่าเป็นเด็กปีไหนเพราะวันนี้ใส่เสื้อสีเหมือนกันหมด ผมเดินตรงเข้าไปหาไอ้หน้าหวานเมื่อเห็นว่าคนแปลกหน้าชวนคุยแล้วทำท่าเขยิบเข้าไปนั่งใกล้กว่าเดิม “ดีใจด้วย” เดินไม่ทันถึงม้านั่งแยมก็ลุกเดินมาหาผมก่อนพร้อมน้ำเย็นๆ ในมือ และรอยยิ้มที่ผมไม่อยากให้ใครได้เห็นนอกจากผมคนเดียว “ขอบคุณครับ” ผมยิ้มตอบแล้วรับน้ำมาดื่ม ก่อนเหลือบไปมองข้างหลังก็เห็นไอ้คนแปลกหน้าลุกขึ้นจากม้านั่งแล้วเดินตรงมาหาแยม “พี่แยมกลับเต็นท์พยาบาลกันเถอะ ไปครับ” ไอ้เด็กนั่นยื่นมือมาจับมือแยมไว้แล้วดึงเข้าหาตัวเองโดยที่แยมไม่ทันได้ตั้งตัวเลยเซไปปะทะอกของมัน ผมเห็นมันยกยิ้มมุมปากเมื่อสามารถถึงเนื้อถึงตัวแยมได้ “ปล่อยครับน้อง แล้วพี่ก็ออกเวรแล้วนะ พี่อยู่แค่รอบเช้า” แยมพยายามดึงมือตัวเองออกจากมือไอ้เด็กนั่นแต่ก็ไม่สำเร็จ “ปล่อยมือแฟนพี่ได้แล้วครับน้อง แล้วก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองซะ พี่เตือนด้วยความหวังดี” ผมเข้าไปแกะมือไอ้เด็กนั่นออกแล้วดึงแยมเข้ามาหาตัวเอง แยมก็จับมือผมเอาไว้แน่นเหมือนเตือนให้สงบอารมณ์ “แฟน?” ไอ้เด็กนั่นทำหน้างงใส่ ก่อนเปลี่ยนเป็นจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อแยมพยักหน้ารับและผมโอบไหล่แยมดึงชิดอกไว้ “ปล่อยให้ห่างตาไม่ได้แล้วมั๊งเนี่ย” ผมก้มลงไปกระซิบข้างหู แยมสะดุ้งนิดหน่อยก่อนตบหน้าอกผมแก้เขิน “ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย เขาเข้ามาเองต่างหาก” แยมทำปากยื่นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อมีคนเข้ามาจีบ “เสน่ห์แรงเกินไปล่ะ ประกาศเลยดีกว่าว่าคนนี้มีเจ้าของแล้ว หึหึ” ผมว่าพลางขยี้ผมแยมเล่นอย่างมันส์มือ ไอ้หน้าหวานก็หลบเป็นพัลวัน ที่จริงแล้วพวกผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไรหรอกครับ เพียงแต่แยมบอกว่าปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้แหละดีแล้ว ไม่ได้ปิดบังแต่ก็ไม่ได้ป่าวประกาศ ใครถามก็บอกไปตรงๆ ก็แค่นั้น ผมก็ไม่อยากขัดทั้งที่ในใจอยากจะกู่ก้องร้องประกาศให้โลกรู้ว่าไอ้หน้าหวานคนนี้น่ะของผม หลังจากผมแข่งบาสเสร็จก็ออกไปเคลียร์งานที่ห้องสโมฯ นิดหน่อยพร้อมทั้งหนีบแยมไปด้วย กว่าจะเสร็จก็เกือบสี่โมงเย็นเลยพากันออกไปหาอะไรกิน ส่วนไอ้โจ้ออกไปหาสาวตั้งแต่แข่งเสร็จแล้วและวันนี้คงไม่กลับห้องแน่ ไอ้กิจก็ลากไอ้มินไปเป็นเพื่อนทำธุระให้พ่อมัน ขับรถออกมาหาไรกินกันตรงห้างแถวคอนโดของแยม ผมเลยชวนซื้อหนังไปดูต่อที่ห้องโดยให้แยมเป็นคนเลือกหนังที่อยากดูเอง จากนั้นก็ไปหาขนมขบเคี้ยวไปทานด้วยก่อนจะตรงกลับคอนโด “ซื้อเรื่องอะไรมา” ผมถามเมื่อขนของเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว ส่วนเจ้าของห้องกำลังจัดการกับเค้กที่เพิ่งซื้อมา “300 ภาคแรก” ชะงักนิดหน่อยกับชื่อหนัง ผมยังไม่เคยดูหรอกแต่เคยดูตัวอย่างมานิดหน่อย ไม่คิดว่าไอ้หน้าหวานจะชอบดูหนังแนวนี้ ช่างไม่เข้ากับหน้าตาเอาซะเลย “ไปอาบน้ำก่อนสิจะได้สบายตัวแล้วค่อยออกมาดู” ผมพยักหน้ารับแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำในห้องของแยม เจ้าของห้องก็เดินตามผมมาติดๆ ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูมาให้พร้อมเสื้อผ้าอีกหนึ่งชุด เป็นกางเกงขายาวเอวผูกกับเสื้อยืดคอกลมสีขาวตัวใหญ่ ผมเลิกคิ้วมองอย่างสงสัยเพราะมันเป็นเสื้อผ้าไซส์ใหญ่ซึ่งคาดว่าไม่น่าใช่ของคนตรงหน้า “อย่ามองอย่างนั้นสิ ของพ่อน่ะพ่อตัวใหญ่ ซื้อไว้ให้ท่านเวลาท่านมา” ผมยิ้มกว้างเมื่อได้ยินก่อนจะก้มไปหอมแก้มขาวๆ นั้นฟอดใหญ่จนแยมดันผมให้รีบๆ เข้าไปในห้องน้ำ ใช้เวลาในห้องน้ำไม่นานผมก็ออกมาเจอไอ้หน้าหวานเตรียมพร้อมเข้าไปอาบน้ำต่อ ผมเลยออกมารอตรงโซฟาหน้าทีวี ระหว่างนั้นเลยต่อซีดีดูหนังเตรียมพร้อม ตามด้วยเค้กที่แยมแบ่งใส่จานไว้ในครัวเมื่อกี้ออกมาวางไว้ตรงโต๊ะหน้าทีวี นั่งรอไม่นานไอ้หน้าหวานก็ออกมาพร้อมชุดอยู่บ้านสบายๆ เสื้อยืดสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นออกจะย้วยๆ นิดหน่อย แต่ดูท่าจะนิ่มใส่สบาย “หอมจัง” ผมหอมแก้มไปอีกฟอดเมื่อแยมทิ้งตัวลงตรงที่ว่างข้างๆ จนเจ้าตัวหันมาทำตาดุใส่ “เดี๋ยวไล่กลับบ้านเลย” แยมว่าก่อนตีลงบนแขนเมื่อผมโอบเอวแล้วดึงเข้ามาหา “ใจร้าย” ผมแกล้งว่าก่อนเกยคางลงบนไหล่บางๆ นั้น โอบเอวอีกฝ่ายให้แนบชิดมากขึ้น “ปิดเทอมไปเที่ยวบ้านธีร์กันนะ ชวนไอ้พวกนั้นไปด้วย” ผมเอ่ยชวนเมื่อหนังเพิ่งจะเริ่มฉายพวกตัวอย่างเรื่องอื่นๆ “กลับบ้านเหมือนกัน แต่เดี๋ยวค่อยบอกอีกทีละกัน” แยมทำท่าคิดนิดหน่อยก่อนจะยกเค้กบนโต๊ะขึ้นมากิน ป้อนผมด้วย ปกติผมไม่ค่อยกินของหวานหรอกแต่คนป้อนเป็นไอ้หน้าหวานตรงหน้าเลยไม่อยากปฏิเสธ หนังเล่นไปได้ครึ่งเรื่องผมก็รู้สึกว่าคนในอ้อมกอดทิ้งตัวพิงอกผมอย่างเต็มตัว พอก้มลงไปดูก็พบว่าหลับคาอกผมไปแล้ว ผมเลยปิดเสียงให้เบาลงก่อนจะหันกลับมามองคนหลับอย่างสบายอยู่กับอกผม แก้มขาวๆ ตรงหน้ายั่วตายั่วใจจนผมต้องก้มไปสูดดมความหอมอย่างเผลอไผล ไม่แปลกใจเลยว่าที่ผ่านมาทำไมถึงมีคนเข้ามาจีบแยมเยอะแยะ เพราะหน้าหวานๆ รอยยิ้มที่ใครได้มองแล้วต้องใจสั่น จนบางครั้งผมไม่อยากให้ใครได้เห็นด้วยซ้ำ ชวนให้คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เกินคาดที่คนในอ้อมกอดจะใจตรงกันทั้งที่เมื่อก่อนไม่แม้แต่จะเหลียวมอง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นดวงใจของกันและกัน ผมก้มจูบหน้าผากแผ่วเบาด้วยกลัวจะรบกวนคนกำลังหลับสบาย รับรู้ถึงอีกฝ่ายที่กอดตอบกลับมา แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว สุขที่ได้รักและสุขที่ได้รักกลับมาเช่นกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD