ตอนที่ 12 Yam part

2272 Words
บทที่ 12 Yam Part 300 ของผมจบลงไปทั้งที่ได้ดูไปแค่ครึ่งเรื่องก็เผลอหลับไปซะอย่างนั้น แถมยังหลับซบอกอุ่น ๆ ของไอ้โหดซะด้วย มันก็ไม่ยอมปลุกผมนะ ส่วนเจ้าตัวก็นั่งกอดผมตลอดไม่ยอมหลับหรือว่าหลับด้วยแต่ผมไม่รู้ ผมตื่นมาอีกทีหนังก็จบไปเกือบชั่วโมงแล้วเลยลุกขึ้นไล่ธีร์ให้ไปนอนห้องไอ้โจ้ มันอิดออดนิดหน่อยจนผมต้องผลักเข้าไปแล้วปิดประตูไล่หลังแล้วกลับเข้าไปนอนต่อในห้องตัวเอง วันนี้ก็ยังคงมีการแข่งกีฬาสีกันต่อ ไอ้โจ้กลับห้องมาตอนเจ็ดโมงกว่าด้วยสภาพรอยแดงเต็มคอ คงจะผ่านค่ำคืนที่เร่าร้อนมาและจากสภาพอิดโรยแล้วดูท่าว่าเมื่อคืนอาจจะไม่ได้นอนด้วยซ้ำ ผมคุยกับมันนิดหน่อยดูเหมือนมันไม่ค่อยมีอารมณ์จะคุยกับใครเท่าไหร่ผมเลยเลิกเซ้าซี้แล้วไล่ให้มันไปนอน วันนี้มันเลยไม่ไปมหาวิทยาลัย ดีหน่อยที่มันไม่มีแข่งบาสวันนี้ ธีร์ยังต้องไปมหาวิทยาลัยทุกวันแม้ว่าตัวเองจะไม่มีแข่งก็ตาม เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของงาน ส่วนผมก็ต้องไปประจำเต้นท์พยาบาลในช่วงเช้าเหมือนเดิมวันนี้เลยออกมาพร้อมกันประหยัดน้ำมันช่วยชาติ “ไงวะ เมื่อคืนไอ้ธีร์นอนห้องมึงเหรอ” พอเดินย่างก้าวเข้าไปในเต็นท์พยาบาลไอ้มินก็ลากผมไปนั่งจุ้มปุ๊กบนเก้าอี้ว่างข้าง ๆ มันพร้อมเปิดประเด็นทันที ส่วนคนที่ถูกลากเข้าประเด็นนั้นได้แยกกับผมตรงหน้าห้องสโมฯ แล้วก่อนหน้านี้เพื่อเคลียร์เอกสารก่อนจะมาที่สนาม วันนี้ที่เต็นท์มีแก๊งสามนางคว้าครบทีมด้วย “นอนห้องไอ้โจ้” ผมตอบ แอบเห็นไอ้มินทำหน้าเสียดาย เสียดายอะไรของมัน ส่วนสาว ๆ แก๊งนางฟ้าถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายนั่นยิ่งทำให้ผมสงสัยมากยิ่งขึ้น “เป็นอะไรไอ้มิน ทำไมทำหน้าแบบนั้น แล้วสาว ๆ จะถอนหายใจทำไมหึ” ผมไล่ถามเรียงคนจนพวกนั้นยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วจริงพวกนี้เล่นเอาผมงง “ก็พวกมึงยังไม่ได้จึ๊ก ๆ กันอ่ะดิ กูอุตส่าห์ลุ้น แล้วเมื่อคืนไอ้โจ้ก็เปิดโอกาสให้แล้วนะเนี่ย พวกมึงเนี่ยไม่ทันใจกูเลยให้ตายสิ” ไอ้มินพูดออกมาเป็นชุดก่อนทำหน้าเซ็งอย่างผิดหวังที่พวกผมไม่ได้จึ๊ก ๆ กัน แล้วไอ้จึ๊ก ๆ นี่มันคืออะไร “นั่นสิ พวกเราก็นั่งลุ้นกันว่าแยมจะเสร็จไอ้ธีร์ไปหรือยัง ไอ้ธีร์นี่ก็ช้าเหลือเกิน เจ๊อารมณ์เสีย” เชอรี่พ่นลมออกจมูกอย่างขัดใจเมื่อเอ่ยถึงธีร์ “นั่นสิ จับมันมาเทรนด์ทำผัวก่อนไหมเจ๊ เผื่อมันไม่รู้วิธีทำ” มิ้ลล์เสนอความเห็นก่อนหัวเราะออกมาอย่างนึกสนุก ส่วนโรสนั้นจากที่นั่งเงียบแต่สายตากำลังสอดส่องหาหนุ่ม ๆ อยู่นั้นก็หันขวับมาเมื่อได้ยินมิ้ลล์พูด “ไอ้ธีร์มันคงยอมให้พวกมึงเทรนด์ให้หรอกนะ” ไอ้มินนั่งหัวเราะพลางเอามือกุมท้องตัวเองไปด้วยอย่างขบขัน “ฉันไม่อยากโดนตีนไอ้ธีร์ย่ะ แล้วนี่อีโจ้กับอีกิจไม่มาเหรอ” เชอรี่พูดขึ้นก่อนจะนึกได้ว่ายังไม่เห็นเพื่อนคนอื่น ๆ “ไอ้กิจไปทำธุระให้ป๊ามัน” ไอ้มินตอบ “ไอ้โจ้นอนตายอยู่ห้องเพิ่งกลับมาเมื่อเช้า สงสัยเมื่อคืนคงดุเดือดไปหน่อยคอนี่แดงเถือกเลย” ผมตอบพวกมันไปและดูเหมือนจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษเรื่องไอ้โจ้ ก็นะปกติมันเป็นพวกไม่ชอบให้ใครมาทำรอยตีตราใส่ตัวมันนอกจากติดใจจริง ๆ และสาวคนนั้นก็คงเด็ดจริงไอ้โจ้เลยปล่อยให้ทำรอยซะขนาดนั้น “พี่แยมครับ ไม่เจอกันหลายวันเลยนะครับ” ผมสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อมีมือมาจับมือผมพร้อมออกแรงดึงทำให้เซนิดหน่อยแต่ตั้งหลักได้ทัน ส่วนไอ้คนที่ดึงนี่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้น้องเฟิร์สนั่นแหละหลังจากที่มันหายหน้าหายตาไปหลายวันหลังจากที่เห็นผมจูบกับธีร์ตอนกลับจากรับน้อง “ปล่อยมือพี่ด้วย” ผมแหวออกมาแต่มันก็ยังเฉย พยายามดึงมือกลับแต่มันไม่ยอมปล่อยเลยต้องใช้วิธีการแงะซึ่งกว่าจะแงะออกมาได้นี่ข้อมือผมแดงเลย ตอนนี้ผมยังอยู่ในเต็นท์พยาบาลส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ แยกย้ายกันไปช่วยพวกเป็นลมกันหน้าเต็นท์บ้าง ตามซุ้มกีฬาบ้าง ตอนนี้กลุ่มของผมเลยมีแค่ผมคนเดียวในเต็นท์ส่วนคนอื่น ๆ ดูจะไม่ค่อยสนใจใครกันเท่าไหร่ “อย่าทำแบบนี้อีก พี่ไม่ชอบและมันไม่สมควร” ผมว่าพร้อมกับถอยหลังให้ห่างออกมาแต่มันก็ยังตามมาติด ๆ “เลิกตามสักทีเถอะ ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง” ผมถามเมื่อมันไม่มีทีท่าว่าจะสะทกสะท้านกับการถอยหนีของผม “ผมมีสิทธิ์นี่ บอกแล้วไงว่าพี่ต้องเป็นของผม” มันว่าพร้อมยักคิ้วและทำท่าว่าจะเอื้อมมือมาจับผมอีก “ก็รู้ว่าไม่ได้ผล เลิกทำตัวน่ารำคาญสักทีเถอะ” ผมแหวออกมาอย่างหมดความอดทน ไม่สนด้วยว่าใครจะได้ยินปกติผมเป็นคนใจเย็นกว่านี้นะ แต่นี่มันทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ หมับ อีกแล้ว ผมโดนมันจับไว้อีกแล้ว คราวนี้เป็นแขนแล้วมันก็ออกแรงกระตุกผมเลยเซไปตามแรงดึง ผมพยายามดึงแขนให้หลุดแต่ก็ไม่สำเร็จ “มันก็ไม่แน่หรอกครับ บอกแล้วไงว่าของที่ผมอยากได้ ผมต้องได้” มันก้มลงมากระซิบใกล้ ๆ หู ก่อนโฉบลงบนแก้มผมอย่างถือวิสาสะ ผมตกใจกับการกระทำนั้นก่อนตั้งหลักได้ผลักมันออกไปเต็มแรง ผลัวะ ผมต่อยมันไปทีนึง หมัดผมของผมคงเบาไปเพราะมันแค่หน้าหันนิดหน่อย แต่ก็ได้เลือดตรงมุมปาก มันจ้องหน้าผมดวงตาวาวโรจน์ มันไม่พูดอะไร คงโกรธแต่ผมไม่สนใจ ไม่สนด้วยซ้ำว่าใครจะเห็นว่าผมต่อยมัน ผมหันหลังแล้วเดินหนีออกมาจากตรงนั้น เพราะอารมณ์ของผมตอนนี้มันไม่คงที่แล้ว “ยังไงซะพี่ก็หนีผมไม่พ้นหรอก” มันยังตะโกนตามหลังแต่ก็ไม่ได้ตามมา ผมได้ยินเสียงเพื่อน ๆ เรียก แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะหันไปตอบใครได้ทั้งนั้น โกรธ! นั่นคือสิ่งเดียวที่ผมรู้สึกตอนนี้ เอามือถูแก้มข้างที่โดนหอมและตอนนี้มันคงจะแดงเถือกแล้ว ผมเดินอย่างไม่มีจุดหมาย รู้เพียงแค่ว่าออกไปให้ห่างจากตรงนั้นให้มากที่สุด ผมโดดงานที่เต็นท์พยาบาลทั้งที่ยังไม่ออกเวรด้วยซ้ำ ตอนนี้ก็เพิ่งจะสิบเอ็ดโมง ทั้งที่อีกแค่ชั่วโมงเดียวงานวันนี้ของผมก็จะเสร็จ แต่ตอนนี้อารมณ์ผมถูกกระชากไปหมดแล้ว ตลอดทางผมเดินคิดเรื่องที่ผ่านมาว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ชีวิตผมรวนไปหมดพอมาเจอกับไอ้เด็กนั่น มันอาจจะดีที่ทำให้ผมได้รู้ใจตัวเองเสียที แต่หลังจากนั้นล่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันไม่ใช่เรื่องดีเลย รังแต่จะสร้างปัญหาต่อไปเรื่อย ๆ ผมพยายามพูดดีกับมันแล้ว เพียงแค่ไม่อยากให้เกิดความบาดหมาง เพียงเพื่อไม่อยากให้ใครเสียน้ำใจ เพียงเพื่อเห็นแก่พี่ฟาร์มพี่เทคของผม แต่ดูเหมือนมันจะไม่มีประโยชน์เลย ผมเดินก้มหน้ามาตลอดทางจนมาหยุดอยู่หน้าห้อง ๆ นึงโดยไม่รู้ตัว ห้องสโมฯ นั่นเอง ผมเปิดประตูเข้าไปโดยที่ไม่ได้เคาะประตูด้วยซ้ำ ตอนนี้ผมไม่สนใจเรื่องมารยาทอะไรแล้ว ขอเพียงอย่างเดียว ขอเพียงได้เจอธีร์ อยากเห็นหน้า อยากได้คำพูดปลอบโยนเพื่อดับอารมณ์ร้อนที่มันคับแน่นอยู่ในอก อยากให้ธีร์ลบรอยที่คนอื่นทำไว้ ธีร์เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารมองผมพร้อมกับเลิกคิ้วด้วยด้วยความสงสัย ผมเลยเดินเข้าไปในห้องพร้อมล็อคประตู ในห้องมีแค่ธีร์คนเดียวนั่งทำงานอยู่ตรงโต๊ะตัวในสุด หน้าต่างทุกบานปิดด้วยบานเกร็ดป้องกันแดดส่องเพราะตอนนี้แดดข้างนอกแทบจะเผาร่างกายให้สุก แอร์เย็นฉ่ำในห้องช่วยให้ลดอารมณ์กรุ่นของผมได้แค่นิดหน่อย ผมหยุดยืนนิ่งอยู่กลางห้องเมื่อธีร์ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ นิ่งเพราะทำอะไรไม่ถูกกับรอยยิ้มนั้น นิ่งเพราะรู้สึกผิดที่ปล่อยตัวให้คนอื่นหอมเอาได้ “เป็นอะไรหรือเปล่าแยม ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ธีร์ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินตรงมาหาผมที่กลางห้อง “……” ผมไม่รู้จะบอกอย่างไรดี เริ่มต้นประโยคไม่ถูกเอาซะเลย ธีร์ก็เอาแต่จ้องมองมาอย่างสงสัย “แก้มไปโดนอะไรมา ทำไมมันแดงแบบนี้ล่ะ” ถามพร้อมมือแกร่งยกขึ้นเกลี่ยแก้มผมเบา ๆ อย่างกับกลัวว่ามันจะทำให้รอยแดงมันยิ่งแดงขึ้นถ้าเผลอจับต้อง ผมจับมือข้างนั้นไว้ให้แนบกับแก้มของผมอย่างกับว่ามันจะลบรอยอันไม่น่าจดจำนั้นได้ “เป็นอะไรหรือเปล่า บอกธีร์สิ ใครทำอะไรแยม” ธีร์เปลี่ยนท่าทีเมื่อเห็นว่าผมยังไม่ยอมพูดอะไรออกไป “เปล่า แค่อยากเจอ” ผมเลือกที่จะโกหก เพียงเพราะไม่กล้าที่จะบอกความจริงออกไป ไม่กล้าที่จะยอมรับผลของมันหากธีร์รู้ ผมดูเหมือนไม่ใช่แฟนที่ดี ปล่อยให้คนอื่นหอมแก้ม แม้มันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับใครหลาย ๆ คน แต่สำหรับผมมันทำให้จิตตกพอสมควร จะหาว่าผมหัวโบราณก็ได้ที่แค่โดนหอมแก้มก็คิดมากจนประสาทจะกิน แต่ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ แฟนคนแรกของผมที่ผ่านมาผมก็ให้เกียรติเธอมาตลอด อย่างมากก็แค่จับมือ จับแขน ไม่เคยเกินเลยไปมากกว่านั้น ตอนนี้ผมเลยรู้สึกว่าเหมือนตัวเองทรยศต่อความรักที่ธีร์มีให้ผมมาตลอด “ดีใจนะที่ได้ยินแบบนี้” ธีร์ยังคงยิ้มอยู่บนใบหน้า อดไม่ได้ที่ต้องยิ้มตอบกลับไป มือหนาเกลี่ยผมที่ปรกหน้าของผมออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนพาผมไปนั่งตรงโซฟาข้างตู้หนังสือ “หิวหรือยะ....” ไม่รอให้ธีร์พูดจบผมก็ยื่นหน้าเข้าไปจูบอีกฝ่ายเสียก่อน ไม่อยากรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ ธีร์ดูเหมือนจะตกใจนิดหน่อยแต่ก็ยอมให้ผมจูบและจูบตอบกลับมา เราสองคนจูบกันอย่างอ้อยอิ่งจนผมเริ่มรู้สึกหายใจติดขัดธีร์จึงละริมฝีปากออกแต่ยังเลาะเล็มแถวแก้มของผมทั้งสองข้างอย่างนิ่มนวล ก่อนวกกลับมาโฉบลงบนริมฝีปากของผมอีกครั้งอย่างเรียกร้องและหนักหน่วงจนผมต้องยกแขนเกาะรอบคออีกฝ่ายไว้ ธีร์ผละออกพร้อมกับมองผมยิ้ม ๆ เมื่อเห็นว่าผมเหนื่อยหอบ พร้อมกับกดจูบย้ำอีกสองสามรอบโดยไม่ได้รุกล้ำอะไร เราสองคนนั่งมองตากันนิ่ง ๆ โดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา และผมคิดว่าตอนนี้หน้าของผมคงจะแดง ปากก็คงเจ่อไปแล้วเพราะฤทธิ์จูบเมื่อกี้ อารมณ์ของผมกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ออกจะตื่นเต้นด้วยซ้ำ ผมลืมเรื่องที่ถูกไอ้เด็กนั่นหอมแก้มไปชั่วขณะ ลืมอารมณ์ขุ่นมัวที่ก่อนหน้านี้ทำเอาผมแทบมองหน้าใครไม่ติด ผิดมากไหมที่ผมทำเหมือนเอาจูบของคนรักมาลบรอยของไอ้เด็กนั่น ผิดมากไหมที่ผมไม่ยอมบอกความจริงออกไปเพียงเพราะกลัวผลที่จะตามมา ผิดมากไหมที่ผมไม่อยากให้สายตาที่ธีร์มองผมเปลี่ยนไป ผมชอบธีร์คนใหม่ที่อ่อนโยนกับผมแบบนี้ ผมไม่อยากให้คนรักของผมกลับไปเป็นคนอารมณ์ร้ายเหมือนเมื่อก่อน “ไม่เป็นอะไรแน่นะ” ธีร์ยังคงถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่ติดจะคาดคั้น “บอกแล้วไงว่าอยากเจอ คิดถึง” ผมยิ้มออกไปแม้ในใจจะยังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่เต็นท์พยาบาล “หึหึ ปากหวานนะเรา” ธีร์ขยี้หัวผมเล่นอย่างเอ็นดู แต่ผมดูออกว่าธีร์ไม่เชื่อเรื่องที่ผมพูดเพียงแต่ไม่ได้ถามต่อ และนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก แค่ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่อยากให้ไม่สบายใจเพราะเรื่องแค่นี้ นั่นเป็นคำตอบของผม ที่เป็นเพียงความคิดไม่มีเสียง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD