ตอนที่ 14 Yam part

2837 Words
บทที่ 14 Yam Part “อ้าวชน!” เกร้ง เสียงกระทบกันของแก้วน้ำหลายใบที่ข้างในบรรจุน้ำสีอำพันดังก๊องแก๊งภายในร้านหมูกระทะใกล้กับคอนโดไอ้มิน วันนี้ผมรับหน้าที่เป็นเจ้ามือ เนื่องจากได้ให้สัญญาไว้กับเพื่อน ๆ ว่าถ้าชนะการแข่งขันบาสเก็ตบอลรอบชิงชนะเลิศในงานกีฬาสีจะพาไปเลี้ยงฉลอง เลยตกลงกันว่าจะไปฉลองกันที่ร้านหมูกระทะ ธีร์เลือกโต๊ะที่ห่างจากโต๊ะอื่น ๆ พอสมควร จะได้ไม่ไปรบกวนลูกค้าท่านอื่นมากนัก โต๊ะที่พวกผมนั่งเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมต่อกันสามโต๊ะเพราะสมาชิกเยอะพอสมควร มีผม ธีร์ โจ้ กิจ มิน ทศ เล็ก ต้น แก๊งสามนางคว้าและปืน ไอ้คนหลังนี่ติดสอยห้อยตามมาเพราะกิจบอกว่าอาจารย์ประจำสีฟ้าขอให้ปืนมาช่วยซ้อมและร่วมวางแผนการเล่นบาสเก็ตบอลให้ บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่ม ตรงกลางของแต่ละโต๊ะมีเตาและกระทะที่เต็มไปด้วยเนื้อ กลิ่นเนื้อย่างลอยหอมออกมายั่วน้ำลายของแต่ละคนได้เป็นอย่างดีบวกกับเครื่องดื่มมึนเมาและกับแกล้มที่มีเยอะ ทุกคนต่างส่งเสียงพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาด จะมีก็แต่ไอ้โจ้ที่นั่งหน้าบึ้งซดเหล้าอย่างเอาเป็นเอาตายจนไอ้มินต้องแย่งแก้วเหล้าในมือไอ้โจ้ไปซ่อนมันถึงได้หยุด ผมสนิทกับโจ้ก็จริงแต่บางเรื่องถ้ามันไม่พร้อมจะเล่าต่อให้ผมเซ้าซี้ให้ตายมันก็ไม่ยอมเล่าออกมา เพราะฉะนั้นเวลาแบบนี้ผมควรจะปล่อยมันไปก่อน แก๊งสามนางคว้าเป็นตัวสร้างสีสันต์ได้ดีในกลุ่ม เสียงพูดคุยจีบปากจีบคอเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อน ๆ ในโต๊ะได้เป็นอย่างดี พวกเรากินไปดื่มไปจนอาหารและเครื่องดื่มเริ่มพร่อง แต่ละคนเริ่มออกอาการมึน ๆ กันแล้ว ส่วนผมก็นิดหน่อยครับ ดื่มไม่เยอะเพราะมีสายตาพิฆาตคอยห้ามไม่ให้กระดกเยอะตลอดเวลา “อย่าดื่มเยอะนะพวกมึง เดี๋ยวพรุ่งนี้ขึ้นไปรับเหรียญแล้วเวลาถ่ายรูปจะไม่หล่อ” ไอ้มินที่ผมคิดว่าตอนนี้มันมีสติดีที่สุดทั้งโต๊ะพูดเตือนคนอื่นที่เริ่มจะมึน ๆ เมา ๆ ไปแล้ว “เขาส่งตัวแทนขึ้นไปรับคนเดียวเว้ย เพราะงั้นพวกกูหล่อไม่หล่อไม่เกี่ยว ตอนนี้ขอเมาลูกเดียวเพราะของฟรี” ไอ้ต้นที่หัวเราะจนหน้าแทบทิ่มโต๊ะ คนอื่น ๆ เลยพลอยหัวเราะขำไปกับคำพูดและท่าทางของมัน “พรุ่งนี้ใครขึ้นไปรับวะ กูว่าไอ้เชี่ยโจ้ท่าจะไม่รอด เมาดิ้นไปแล้ว” ไอ้มินถามต่อ สายตาหันไปมองไอ้โจ้ที่ตอนนี้เมาหัวทิ่มไปแล้ว “ไอ้ธีร์ไง มึงเป็นประธาน มึงขึ้นไปรับแทนไอ้โจ้เลย” ไอ้กิจหันไปพยักเพยิดใส่ธีร์ คนอื่นก็พยักหน้าเห็นด้วย ส่วนเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่พยักหน้ารับส่ง ๆ ไป พรุ่งนี้เป็นพิธีปิดการแข่งขันและมอบเหรียญรางวัลให้แก่นักกีฬา จัดขึ้นแค่ช่วงเช้าก็จะเสร็จสิ้นเทศกาลกีฬามหาวิทยาลัย ส่วนผมพรุ่งนี้กะว่าจะโดดงานสักหน่อยเพราะหน่วยพยาบาลหมดหน้าที่แล้ว “พรุ่งนี้กูกับแยมโดดนะ บอกไว้ก่อน” ไอ้มินที่ใจตรงกับผมเอ่ยขึ้น ที่จริงเราสองคนนัดกันไว้แล้วครับว่าพรุ่งนี้จะโดดพิธีปิด “อ้าว” เสียงร้องอ้าวรอบโต๊ะก่อนจะหันมามองผมกับไอ้มินสลับกันไปมาแล้วเริ่มสวดในความขี้เกียจของพวกผมสองคน “เมียมึงขี้เกียจว่ะไอ้ธีร์ เป็นเมียท่านประธานจะขี้เกียจไม่ได้นะครับคุณหญิงแย้ม” ไอ้ปืนที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้นจนผมต้องหันไปด่าสวดมันที่พูดจาทำให้ผมอาย คนอื่นพลอยขำไปรับเราสองคนไปด้วย ส่วนไอ้คนที่นั่งข้างผมนี่นั่งยิ้มปากจะฉีกอยู่แล้ว “ทำไมไม่ไปล่ะ” ธีร์หันมาถามผมเมื่อมีหัวข้อสนทนาอื่นเข้ามาในกลุ่ม “ขี้เกียจอ่ะ ไม่อยากตื่นเช้า” ผมว่า ธีร์เลยขยี้หัวผมซะแรงอย่างหมั่นเขี้ยว “คืนนี้ค้างคอนโดธีร์นะ” ไอ้หน้าหล่อก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของผม ทำเอาผมขนลุกซู่เมื่อลมหายใจร้อนรินรดลงที่ใบหู “ไม่เอา จะกลับห้อง” ผมเสตาหลบสายตากรุ้มกริ่มที่อีกฝ่ายส่งมาให้ ก่อนทำเป็นคีบเนื้อย่างมากินกลบเกลื่อนความเขิน ได้ยินเสียงหัวเราะขำในลำคอของอีกฝ่ายลอยมาเข้าหูทำให้ต้องหันไปมอง ซึ่งนั่นเป็นความผิดพลาดเมื่อสบเข้ากับสายตาคมคู่นั้น “อย่าลืมของรางวัลนะครับ” “อือ ไม่ลืมหรอกน่า” ผมอ้อมแอ้มตอบออกไปเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายเริ่มเบียดตัวขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าโอบเอวและจับมือ แต่แค่นั้นก็ทำเอาผมไปไม่เป็นแล้ว “ใช่น้องแยมหรือเปล่าครับ” ผมหันไปตามเสียงเรียกที่แปลกหู ก่อนจะแปลกใจกับบุคคลที่เรียกชื่อผม ธีร์ผละมือออกจากเอวแต่ยังคงจับมือผมอยู่ “พี่วิน?” ผมพูดชื่ออีกฝ่ายออกมาอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจนัก แต่ฝ่ายตรงข้ามยิ้มออกมาแสดงว่าผมเดาถูก “คิดว่าจะจำพี่ไม่ได้เสียแล้ว ไม่เจอน้องแยมตั้งนานเลย สบายดีนะครับ” “สบายดีครับ พี่วินล่ะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วนี่มากับใครครับ” “พี่ก็เรื่อยๆ ครับ พอดีพี่มากับไอ้เจ โต๊ะโน้นน่ะ” พี่วินชี้ไปยังโต๊ะที่พี่แกนั่ง ผมกับพี่วินคุยกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนพี่วินจะขอตัวกลับไปที่โต๊ะตัวเองเพราะกลัวเพื่อนด่า ก่อนไปพี่วินขอเบอร์ผมไว้เพื่อติดต่อ ผมก็ให้ไปเพราะไม่ได้คิดอะไรกับพี่วินไปมากกว่าเพื่อนของพี่ชาย “หว่านเสน่ห์ใส่คนอื่นเหรอวะ ต่อหน้าต่อตาพระสวามีเลยนะนั่นน่ะ” ไอ้มินที่ผมคิดว่าตอนนี้มันเมาแล้วพูดออกมา แต่สายตาของมันกำลังล้นเลียนผมกับธีร์อยู่ “นั่นเพื่อนพี่ชายกู กูไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขา” ผมว่า “มึงอาจไม่คิด แต่เพื่อนพี่ชายมึงอาจจะคิด” ไอ้โจ้ที่ก่อนหน้านี้ฟุบหน้าไปแล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดใหม่ด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยจะเหมือนคนเมาหนักสักเท่าไหร่ ผมว่ามันแกล้งเมาชัวร์ ธีร์เงียบไปตั้งแต่พี่วินมาทักผม ใช่ว่าผมจะไม่รับรู้ถึงแรงบีบที่ฝ่ามือเพิ่มขึ้น ผมรู้ว่าธีร์คิดไปตามที่เพื่อน ๆ พูด เพียงแต่เจ้าตัวยังไม่ได้แสดงออกอะไรออกมา หันไปมองก็เห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมองผมอยู่ก่อนแล้ว สายตาคู่นั้นไม่ได้ฉายแววกรุ้มกริ่มเหมือนก่อนหน้านี้แต่ธีร์ก็ยังคงยิ้มให้ผม ผมรู้สึกว่าในสายตาคู่นั้นมีแววสั่นระริกเหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่ กลัวอะไรล่ะ สิ่งที่ผมเฝ้าถามอยู่ในใจ ผมบริสุทธิ์ใจนะและมั่นใจเลยว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่วินแน่นอน “เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อน” ไอ้โจ้ลุกขึ้นเดินโซเซไปเข้าห้องน้ำ ไอ้ปืนก็ลุกตามไปด้วยอีกคน คนที่เหลือก็เริ่มดื่มเริ่มกินกันอีกรอบ เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนานก็กลับมาเริ่มขึ้นอีกครั้ง “ธีร์” ผมเรียกอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่ายังไม่ยอมพูดอะไรออกมา “หือ” ธีร์หันมารับคำในลำคอ ผมบีบมืออีกฝ่ายที่ยังคงจับกันอยู่ใต้โต๊ะแน่นขึ้น ธีร์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “พี่วินเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพี่โยพี่ชายแยม เขาแค่ขอเบอร์ไว้ติดต่อกับพี่โยน่ะ เพราะพี่โยไปอยู่อังกฤษนานเลยไม่ได้ติดต่อกับเพื่อน ๆ” ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงต้องมาอธิบายเรื่องนี้ด้วย แต่ผมก็กลัวนะ กลัวว่าธีร์จะเข้าใจผิดแล้วคิดมาก “ไม่เป็นไรครับ ธีร์ไม่ได้ว่าอะไร ไม่เป็นไรนะ” กลายเป็นว่าผมต้องให้ธีร์ปลอบแทนที่ผมจะเป็นคนปลอบ ธีร์ลูบหัวผมไปมาเบา ๆ ก่อนตักอาหารมาใส่ในจานของผมแล้วเราก็เริ่มลงมือทานกันอีกรอบ “เดี๋ยวมานะไปเข้าห้องน้ำก่อน จะไปตามโจ้กับปืนด้วยไม่รู้ตกส้วมไปหรือยัง” ผมว่าเมื่อเริ่มรู้สึกปวดเบาและกะว่าจะไปตามไอ้สองคนที่หายไปเข้าห้องน้ำกันเกินสิบนาทีแล้ว “ให้ไปเป็นเพื่อนไหม” ธีร์เสนอขึ้น ผมทำท่าคิดนิดหน่อยก่อนพยักหน้ารับ เราเลยเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่หลังร้าน ห้องน้ำอยู่ลึกเข้าไปทางด้านหลังร้านพอสมควร แยกตัวออกมาจากส่วนของตัวร้านแยกชายหญิงไว้คนละซีกของร้าน ผมกับธีร์เดินไปตามทางหินกรวดมนที่ปูทางไปยังห้องน้ำ ตามทางเดินมีไฟสลัวพอให้มองเห็นทาง “ปล่อยกู อื้อ อ๊ะ อื้ม” ผมกับธีร์หยุดยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าห้องน้ำ ยังไม่ทันได้ย่างก้าวเข้าไปก็ได้ยินเสียงครางที่ทำเอาขาของผมหยุดนิ่ง เราสองคนมองหน้ากันซึ่งบนหน้าทั้งผมและธีร์คงมีแต่เครื่องหมายคำถาม “เอ่อ” ผมพูดอะไรไม่ออก ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเสียงที่ได้ยินมันคือเสียงอะไร เงยหน้าไปมองอีกคนข้างตัวที่ตอนนี้ก็หยุดยืนนิ่งอยู่ข้างผมแต่สายตาพราวระยับจนผมไม่อาจสู้สายตาได้ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการสื่อถึงอะไร เราสองคนยืนนิ่งกันอยู่ด้านหน้าห้องน้ำ ไม่กล้าเข้าไป ผมเองแหละที่ไม่กล้า แค่คิดภาพตามเสียงที่ได้ยินก็เขินจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว “เอ่อ กลับโต๊ะกะ เฮ้ย” พูดได้แค่นั้นเมื่อธีร์ออกแรงดึงตัวผมให้หลบไปด้านหลังของห้องน้ำ มือหนายกขึ้นมาปิดปากของผมไว้กันเสียงเล็ดรอดออกมาเมื่อสายตาของผมมองเห็นว่ามีใครเดินออกมาจากห้องน้ำ “เลิกตามกูสักที” ไอ้โจ้สะบัดมือออกจากการกอบกุมของปืน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล หน้าตาแดงก่ำ ริมฝีปากบวมเจ่อแม้ว่าตรงนั้นแสงจะน้อยแต่ผมมั่นใจว่าตาผมไม่ได้ฝาด “ตราบใดที่มึงไม่ยอมคุยกับกูดีดี กูก็จะตามมึงแบบนี้” ไอ้ปืนออกแรงดึงทำให้ไอ้โจ้เซไปชนกับอกของมันดังอั๊ก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้สึกอะไรกลับกอดรัดไอ้โจ้ไว้แน่น “นี่มันที่สาธารณะ ปล่อยกูไอ้สัส” ไอ้โจ้สบถออกมาอย่างหัวเสีย “กูจะทำให้คนทั้งโลกรู้ว่ามึงเป็นของกู” ไอ้ปืนพูดแค่นั้นก่อนที่มันจะทำในสิ่งที่ผมตกตะลึง ตัวชาวาบด้วยความตกใจจนช็อค “อื้อ อื้ม” เสียงครางประท้วงเมื่อคนที่เป็นเพื่อนสนิทกำลังถูกจูบอย่างจาบจ้วงเร่าร้อน และคนที่กำลังมอบจูบอันน่าตกใจนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เดือนมหาวิทยาลัยเมื่อสามปีก่อนนั่นเอง ไอ้โจ้ดิ้นรนจนเป็นอิสระก่อนมันจะต่อยเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายจนหน้าหัน ก่อนจะตั้งท่าเดินหนีแต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากอุ้งมือไอ้ปืนไปได้ มันลากไอ้โจ้ไปอย่างทุลักทุเลไปยังที่จอดรถ ก่อนทั้งคู่จะหายออกไปจากร้าน ผมยืนนิ่งไปกับภาพเหตุการณ์ที่เจอ ทำอะไรไม่ถูก สมองเริ่มประมวลผลกับสิ่งที่เห็น มีแต่คำถามเต็มไปหมด เหมือนผมจะนิ่งไปนานจนธีร์ต้องเขย่าตัวผมถึงได้รู้สึกตัว “เป็นอะไรหรือเปล่าแยม” ธีร์ถามผมอย่างเป็นห่วง “ตกใจ” ผมพูดได้แค่นั้นจริง ๆ ธีร์หัวเราะเบากับคำตอบของผมก่อนจูงมือผมเข้าไปในห้องน้ำที่ตอนนี้ไม่มีใครเหลืออยู่ “ไปเข้าห้องน้ำก่อนไป ปวดฉี่อยู่ไม่ใช่เหรอ” ธีร์ดันหลังให้ผมเข้าไปห้องในสุด ผมก็เข้าไปทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมาเจอธีร์คิ้วขมวดยืนกอดอกพิงขอบอ่างล้างมืออยู่ ผมเลยเดินไปล้างมือแต่สายตาก็ยังเหลือบมองคนข้าง ๆ ตลอด “มานี่สิ” ธีร์เรียก ผมก็เดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย “จะลงโทษ” ธีร์พูดแค่นั้นก่อนดึงผมเข้าไปหาแล้วก้มลงจูบปิดปากผมอย่างรุนแรง ก่อนสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปาก กวาดต้อนลิ้นของผมอย่างเร่าร้อนดูดดุนรุนแรง ผมเจ็บจนต้องทุบอกอีกฝ่ายประท้วง ธีร์ปล่อยปากผมให้เป็นอิสระ นิ้วเรียวลูบไปมาตรงริมฝีปากของผมที่ตอนนี้มันคงจะแดงและบวมเจ่อ “อย่าให้เบอร์ใครอีก อย่าหว่านเสน่ห์ให้ใครอีก อย่ายิ้มให้ใครอีก” ผมเข้าใจในทันทีถึงจูบลงโทษเมื่อกี้ แม้มันจะทำให้ผมเจ็บแต่ผมก็ไม่โกรธ ผมยิ้มให้กับคำสั่งของอีกฝ่าย ผมรู้ว่ามันออกจะเป็นคำสั่งที่งี่เง่าไปหน่อย แต่นั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายรักและหวงผมมาก “ถ้าคราวหน้าทำอีกจะจับปล้ำซะให้เข็ด” ผมอึ้งไปกับคำขู่นั้นและคงทำหน้าตาตลก ๆ ออกไปแน่เพราะอีกฝ่ายยิ้มล้อเลียนผมอยู่ “ไม่ได้ขู่นะ จะเอาให้เดินไม่ได้ ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” ธีร์ก้มมากระซิบชิดริมฝีปากผมพร้อมกดจูบย้ำหนัก ๆ สามสี่ครั้งแล้วผละออก หน้าของผมร้อนฉ่าเมื่อนึกถึงคำขู่ที่แสนวาบหวิวนั้น ผมว่ามันน่ากลัวกว่าถูกขู่ฆ่าซะอีก เราสองคนเดินกลับไปที่โต๊ะอีกครั้งก็พบว่าคนอื่นๆ เมาดิ้นกันไปหลายคนแล้ว ทุกคนเลยตกลงกันว่าจะกลับบ้านกัน ผมเลยสั่งเช็คบิล แน่นอนมื้อนี้ผมเป็นคนจ่ายเพราะสัญญาที่ให้ไว้ ไม่มีใครถามถึงไอ้โจกับไอ้ปืนที่หายตัวไปเพราะธีร์บอกทุกคนเมื่อมาถึงโต๊ะว่าทั้งคู่รีบกลับก่อนเพราะไอ้โจ้เมาแล้วอ้วก คนอื่น ๆ เลยไม่ติดใจอะไร ผมค้างที่ห้องธีร์เพราะเจ้าตัวไม่ยอมไปส่งผมที่คอนโด ส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันไปทางใครทางมัน ใครที่ไปไม่ไหวก็ไปนอนค้างที่คอนโดไอ้มิน กีฬาสีผ่านพ้นไปด้วยดีด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย ทีนี้ก็เหลือเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบระหว่างภาคอีกสองอาทิตย์ วันนี้เป็นวันแรกของการนัดติวหนังสือกันของคณะผม นัดกันที่ตึกคณะ ห้องสาขา มีรุ่นพี่ปีสี่นำเอกสารกับหนังสือบางเล่มที่เป็นประโยชน์สำหรับพวกผมมาติวให้ ใช้เวลาติวกันครึ่งวันบ่าย เลิกตอนหกโมงเย็น ผมขับรถกลับคอนโดอย่างเพลียหน่อย ๆ เจอตัวหนังสือเยอะแล้วมันชวนให้หลับและหมดแรง วันนี้ไอ้โจ้ไม่อยู่ห้อง เพื่อนคณะมันนัดกันไปเตะบอลที่คณะ ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นไอ้โจ้ก็กลับห้องมาอีกทีตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้นด้วยสภาพหมดเรี่ยวหมดแรง มันไม่ยอมบอกอะไรผม และผมก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มถามมันอย่างไรเหมือนกัน ตึ่ง ตึ้ง ตึ๊ง เสียงเตือนของข้อความในโทรศัพท์ดังเดือนขึ้นมาว่ามีข้อความเข้า ผมกดอ่านก่อนแปลกใจหน่อย ๆ เมื่อเห็นเนื้อหา มาเจอพี่ที่ร้าน xxx ตอนสองทุ่ม มีหนังสือจะให้ พี่ฟาร์ม ผมไม่แปลกใจคนส่ง แต่แปลกใจเนื้อหาของข้อความนั่นมากกว่า พี่ฟาร์มเป็นพี่เทคของผมและเป็นคนดีมาก คอยช่วยเหลือผมมาตลอด ที่ผมแปลกใจก็คือ ปกติแล้วพี่ฟาร์มจะไม่นัดผมก่อนสอบเลยสักครั้ง เพราะพี่แกต้องเตรียมตัวก่อนสอบนานพอสมควร ตี๊ด เสียงเตือนว่าแบตโทรศัพท์ของผมกำลังจะหมดพร้อมกับที่หน้าจอจะดับไป ผมเลยจดโน๊ตแปะไว้ที่หน้าตู้เย็นกับหน้าห้องเพื่อให้ไอ้โจ้เห็นก่อนเดินออกจากคอนโดไปขึ้นรถแท็กซี่เพราะขี้เกียจขับรถเพื่อไปยังร้านเป้าหมาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD