ตุ๊กตาหมีตัวเก่าที่ยาหยีมักจะพกไว้กับตัวเสมอ อายุของมันน้อยกว่ายาหยีไม่กี่ปี ของขวัญวันเกิดจากพี่ชายคนที่เธอเพิ่งต่อว่าว่าเขาใจร้ายไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อสักครู่นี้เอง
แต่เมื่อหลายปีก่อน เขาเป็นคนที่อบอุ่น ใจดี เจอกันทุกครั้งเขามักจะมีของอร่อยๆ มาฝากและไม่ลืมที่จะลูบหัวเธอเบาๆ ด้วยสายตาอ่อนโยนที่ปนไปด้วยความเอ็นดูอยู่เสมอๆ ในทุกครั้งที่เจอกัน
ตุ๊กตาหมีน้อยถูกดึงออกมาจากใต้หมอน
"ใจร้าย ใจร้ายนักใช่มั้ย นี่แหน่ะ ๆ ๆ"
ยาหยีทุบมันเบาๆ อย่างระบายอารมณ์ จากนั้นน้ำตาก็ไหลปรี่ลงมาไม่ขาดสาย รู้สึกว้าเหว่เปล่าเปลี่ยว...ความรู้สึกอ้างว้างแบบนี้ไม่ได้ห่างหายไปกับกาลเวลาเพียงแต่เธออดทนกับมันมาเนิ่นนาน
"ไม่อดทนงั้นหรือ พี่มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินว่าหยีไม่อดทน ความอดทนของหยีมันมากพอและคู่ควรสำหรับเรื่องที่หยีควรอดทน ฮึก ๆ"
เสียงสะอื้นดังออกมาเบาๆ พร้อมกับบิดบ้างก็ทุบตัวของตุ๊กตาหมีตัวเล็กไม่ยั้งมือราวกับมันคือตัวแทนของใครบางคนที่ทำให้เธอเสียใจ เมื่อหนำใจแล้วก็ซุกเอาไว้ใต้หมอนดังเดิม จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบรูปครอบครัวที่เคยถ่ายร่วมกันเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนก่อนที่ความพลัดพรากจะมาเยือนเธอและครอบครัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"พ่อจ๋า แม่จ๋า พี่ภู หนูเหงาเหลือเกิน หนูไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของหนูคือที่ไหนและนับจากนี้หนูจะอยู่ไปเพื่ออะไร"
ยาหยีไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เธอสะอึกสะอื้นอยู่คนเดียว โดยไม่มีแม้แต่คนตามมาปลอบโยนใส่ใจอะไรเลยแม้แต่น้อย ร่างที่อ่อนเพลียก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว หลับไปในขณะที่กอดรูปของครอบครัวเอาไว้ในอ้อมกอด
"หลับไปแล้วค่ะนาย"
ขวัญใจเดินถือถาดอาหารลงมาโดยที่ยังมีอาหารครบทุกเมนูทุกจาน
"ช่างเถอะ เอาไปเก็บแล้วเธอก็กลับไปทำงานเถอะ"
อคินถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะโบกมือไล่ให้ขวัญใจเอาถาดอาหารไปเก็บ ก่อนหน้าเขาเดินไปสองสามรอบแล้วตั้งท่าจะเคาะประตูห้องแต่ก็ตัดใจไม่เคาะ ปล่อยให้ยาหยีคิดได้เองไม่อยากให้คำพูดที่เขาพูดสั่งสอนเธอออกไปเป็นคำพูดที่ออกจากปากแล้วเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปเฉยๆ
"คุณคิน"
คุณทนายจรงค์เดินเข้ามาพร้อมกับหอบเอกสารกองใหญ่เข้ามาด้วย
"อะไรอีกล่ะ เวลานี้จะไม่ให้ผมพักเลยเหรอครับคุณจรงค์?"
"เลขาของคุณคินบอกว่าพรุ่งนี้คุณคินจะบินไปฮ่องกง ผมเลยรีบเอามาให้เซ็นก่อน มีเอกสารเกี่ยวกับที่ดิน...ผมตรวจสอบให้แล้วคุณสามารถเซ็นอนุมัติได้บางส่วนเลยครับ พอดี..ฝ่ายการตลาดต้องการเอกสารส่วนนี้ไปประกอบกับโปรเจคผมเลยต้องรีบเอาเข้ามาให้คุณเซ็นก่อน พรุ่งนี้เช้าคุณเลขาจะมารับเอกสารเองครับ"
"ขยันขันแข็งจริงๆ แต่ล่ะคนไม่ปล่อยให้ผมได้พักจริงๆ"
"ก็ให้คุณยาหยีมาช่วยสิครับ ในอนาคตคุณยาหยีก็ต้องมาเป็นภรรยาของคุณอยู่ดี ได้ช่วยตอนนี้ถือเสียว่าได้ฝึกงานไปในตัวด้วย"
"รู้เสียที่ไหนกันว่ามีงานใหญ่รออยู่ ทุกวันนี้แค่ปัญหาเล็กๆ ก็งอนใหญ่โต โน่นเข้าไปหลบอยู่ในห้องข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน"
อคินสะบัดหน้า ก่อนจะหยิบปากกาออกมาเซ็นเอกสารไปลวกๆ เพราะเป็นการตรวจสอบมาหลายขั้นตอนแล้วเขาเลยไม่ต้องอ่านอะไรมากมาย คุณจรงค์เข้มงวดกว่าเขาหลายเท่า แน่นอนว่าไม่มีวันพลาด
"ดูเหมือนว่าชีวิตของคุณจะเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นแล้วสินะครับ"
ชายอายุสามสิบหกอมยิ้มใส่เขา ทำเอาอคินรีบดึงสติกลับมา รู้ตัวว่าพูดมากไปแล้ว เรื่องงานที่ว่ามากมายและหนักหนาไม่เท่าเรื่องยาหยีเรื่องเดียวที่ทำให้เขาหนักใจเป็นเดือดเป็นร้อนอยู่ในขณะนี้
"พูดมากไปแล้วครับคุณจรงค์"
จริงๆ สองคนนี้อายุไล่เลี่ยแทบจะเป็นเพื่อนกันได้แต่อคินและจรงค์ยังคงเว้นระยะระหว่างเจ้านายกับลูกน้องไว้เสมอเพื่อจะไม่ให้เสียการปกครอง แม้บางครั้งจะหลุดๆ ไปบ้างเพราะลืมตัว
"มีเมียเด็กก็ต้องหมั่นเอาอกเอาใจหน่อยครับ สวัสดีครับ!"
จรงค์กล่าวจบรีบถอยร่นออกไปก่อนที่จะเจอสายตาเข้มๆ ส่อแววอำมหิตกลับมาใส่เขารัวๆ
"เห้อ..กลายเป็นเพื่อนเล่นไปแล้ว ให้มันได้อย่างนี้สิวะ"
อคินยกมือขึ้นกุมขมับก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบน ไม่คิดว่าเด็กสาวจะงอนขนาดนี้ เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีเมื่อเห็นถาดอาหารที่ข้าวไม่พร่องหรือเป็นที่เขาที่ทำแรงเกินไปจริงๆ
"ใครอยู่แถวนี้บ้างเอาบรั่นดีมาให้ฉันหน่อย"
เขานั่งอยู่ตรงมุมเอาท์ดอร์ ริมสระน้ำพุที่สร้างเอาไว้ติดกับตัวตึกเพื่อเป็นมุมพักผ่อนหย่อนใจ หลังๆ มานี้เขาเห็นยาหยีขนงานออกมานั่งทำตรงนี้บ่อย เรียกว่าแทบจะทุกวันแต่..วันนี้ไม่เห็นแม้แต่เงา..อืม จะว่าไปชีวิตเรียบง่ายของเขาในตอนนี้เริ่มจะไม่ง่ายแล้วจริงๆ สินะ อคินถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกหนักใจเพราะเกิดมาเขาแทบจะไม่เคยเอาอกเอาใจใครเลย ยิ่งเป็นผู้หญิงแล้วยิ่งไม่..จะเริ่มตรงไหนอะไรยังไงมันดูแสนจะยากเย็นไปหมด
รุ่งอรุณของวันใหม่
วันนี้ยาหยีเมคอัพหน้านิดหน่อยเพื่อปกปิดร่องรอยบวมช้ำ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเมื่อวานถึงได้ฟูมฟายขนาดนั้น พอได้สติขึ้นมาในตอนเช้าถึงได้รู้ว่าออกอาการมากเกินไปช่างน่าอับอายสิ้นดี
ยาหยีเดินลงมาจากชั้นบนช้าๆ ในชุดนักศึกษาเพื่อรับประทานอาหารเช้าเช่นทุกๆ วัน
"พี่คินอ่ะคะ คุณขวัญ"
มองซ้ายมองขวากวาดสายตาหาผู้ปกครองหนุ่ม เช้านี้นึกจะมาขอโทษขอโพยเหตุการณ์เมื่อวาน แม้คิดว่าไม่ได้ผิดแต่คำพูดที่เธอต่อว่าเขาออกไปมากมายคิดว่า...ก็น่าจะผิดหลายประตูอยู่
"ออกไปตั้งแต่ตีห้าแล้วค่ะ วันนี้คุณคินไปฮ่องกง"
"อ้าว เหรอคะ"
ดวงตาวูบหม่นลงเล็กน้อย ถ้ารู้ว่าวันนี้เขาไม่อยู่เมื่อคืนคงไม่ชิงนอนหลับไปซะก่อน
"พรุ่งนี้ก็น่าจะกลับค่ะ"
ขวัญใจที่มีอุปนิสัยนิ่งเคร่งขรึมแต่เมื่อเห็นสายตาผิดหวังจากเจ้านายสาวก็อดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้
"พรุ่งนี้กี่โมงคะ?"
"กลับถึงไทยประมานสี่โมงเย็นค่ะ ส่วนจะมาภูเก็ตวันไหนต้องไปถามเลขาของคุณคินอีกทีค่ะ เพราะบางทีอาจจะมีประชุมที่สำนักงานในกรุงเทพฯด้วยค่ะ"
ยาหยีพยักหน้ารับทราบ มีความรู้สึกว่าเธอเริ่มจะสนใจและตั้งตาเวลารอการกลับมาของเขามากเกินไป ปกติเวลาเขาไม่อยู่มันเป็นช่วงเวลาที่เธอหายใจหายคอคล่องที่สุด ทว่า วันนี้อาจจะเกิดขึ้นจากความรู้สึกผิดเลยตั้งตารอพบเขาเป็นพิเศษ
"วันนี้คุณหนูไปเรียนกี่โมงคะ?"
"สิบโมงค่ะ "
"งั้นพี่ไปบอกคนรถให้เตรียมรถค่ะ"
ยาหยีพยักหน้าอีกครั้ง ปกติถ้าอคินอยู่เขาไม่เคยพลาดที่จะมาทานอาหารร่วมโต๊ะ พูดคุยถามไถ่เรื่องเรียนในตอนเช้า แม้จะเป็นคำพูดและน้ำเสียงที่ดูเคร่งครัดไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าตื่นมาในตอนเช้าแบบนี้แล้วไม่มีใครอยู่เลยสักคน
'หนูขอโทษที่เอาแต่ใจ อย่าทิ้งหนูไปไกลๆ อีกคนเลยนะคะพี่คิน'