บ้านเพนเฮ้าส์สไตล์ยุโรปทาสีขาวทั้งหลังบนเนินเขาติดกับโรงแรมหรูเดินเลียบมาข้างล่างเป็นหาดทรายสีขาวตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าคราม ยาหยีไม่อยากจะเชื่อว่าที่พักของเธอจะอยู่ติดกับทะเลสวยเหมือนในฝัน
ตึกสามชั้นห้องของเธออยู่ชั้นที่สองของตึก ส่วนชั้นบนจะเป็นของพี่อคินทั้งหมด
"สวัสดีค่ะคุณหนูยาหยี"
หญิงสาววัยยี่สิบห้าถึงสามสิบปีเห็นจะได้ ยาหยีเดาเอาจากหน้าตา ผิวพรรณของหล่อนสีน้ำผึ้งจนยาหยีนึกอิจฉา มันสวย สวยมากในสายตาของเด็กสาวอายุสิบแปดอย่างยาหยี
"คะ เรียกหนูเหรอ?"
"คุณอคินโทรมาสั่งว่าถ้าคุณหนูอยากจะรับประทานอะไรเป็นพิเศษสามารถสั่งได้เลยค่ะ "
ทำไมพี่อคินถึงไม่โทรหาเราโดยตรงนะ อยู่ที่นี่มาเป็นอาทิตย์แล้วเขาหายไปไหน
"ขอบคุณค่ะแต่ว่าหนูยังไม่หิวเลยค่ะ เอ่อ.. เอาแบบไหนก็ได้หนูทานได้หมดค่ะ"
"ค่ะ"
สาวต้อนรับในชุดยูนิฟอร์มของโรงแรมพยักหน้ารับทราบก็เดินกลับไป
เพราะบ้านของอคินเป็นตึกอยู่บนเนินถัดขึ้นไปจากโรงแรมทำให้สามารถมองเห็นวิวทั้งรอบๆของที่นี่ สังเกตจากการออกแบบที่เป็นแนวยุโรปแบบเดียวกัน ยาหยีเดาว่าโรงแรมแถบนี้น่าจะเป็นของพี่อคินทั้งหมด
พี่ภูริชเคยโม้ไว้ว่าพี่อคินไม่ต่างอะไรกับผู้มีอิทธิพลในจังหวัดภูเก็ตนอกจากจะเป็นคนในพื้นที่แล้วอคินยังกว้างขวางมากๆ
ธุรกิจส่วนใหญ่เลยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ภูเก็ต แต่ก่อนยาหยีไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ถึงตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว ถ้าให้เลือกยาหยีก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่เหมือนกัน
เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ยาหยีคิดไม่ตกถึงเรื่องการเรียนต่อ...ในที่สุดก็สรุปได้
ยาหยีเลือกเรียนต่อแบบออนไลน์ กับ มสธ. หรือมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เพราะตอนนี้ยาหยีอยากจะทำงานไปด้วยคงต้องคุยกับพี่อคินอีกทีหลังจากที่เขากลับมาเพราะเขาคือผู้ปกครองของเธอก่อนที่ยาหยีจะบรรลุนิติภาวะอีกสองปีถัดจากนี้
ก๊อก! ๆ ๆ
"มาแล้วค่ะ"
ยาหยีรีบออกมาเปิดประตู เจอผู้หญิงคนเดิม
"คุณอคินเชิญที่ซุ้มรับแขกตรงสระว่ายน้ำค่ะ"
"พี่คินกลับมาแล้วเหรอคะ"
ยาหยีคลี่ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ
"ค่ะ เชิญค่ะ"
แต่พี่สาวคนนี้ไม่ได้ยิ้มตอบ ทำไมสีหน้าสีตาถึงได้เย็นชานักก็ไม่รู้
'ราวกับหุ่นยนต์เอไอ'
ยาหยีแอบนินทาก่อนจะเดินตามหลังไป ซุ้มที่ว่ายาหยีชอบไปนั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลาเลยรู้ดีว่ามันอยู่ตรงไหน ตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะได้พบเจอกับพี่อคินอีกครั้ง ตอนงานศพพี่ภูริชพี่อคินก็ติดอยู่ฝั่งยุโรปได้แต่ส่งตัวแทนที่เป็นคุณทนายมาดูแล
จะพูดไปเธอเจอพี่อคินครั้งสุดท้ายก็หลายปีมาแล้วตอนนั้นยาหยียังเป็นแค่เด็กน้อยไม่ได้เป็นสาวเต็มตัวเหมือนตอนนี้
คนที่เจอกันบ่อยก็คงจะเป็นพี่ชายของเธอ ซึ่งถ้าพี่ภูริชไม่พามาที่บ้านก็ยากที่ยาหยีจะเจอพี่เขา หลังจากที่พี่อคินกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวก็แทบจะไม่ได้เจออีกเลย
"เชิญค่ะ"
ขวัญใจผายมือเชิญก่อนจะเดินออกไป ยาหยีรีบเดินเข้าไปหา
ทว่า
ทันทีที่พี่อคินหันมา ทำเอายาหยีถึงกับตะลึงในความหล่อและดูสะอาดสะอ้านราวกับอาบน้ำวันละสามเวลาของเขา
ท่าทางก็ดูเป็นผู้ใหญ่ดูสุขุมน่าเกรงขาม ทรงแดดดี้กร้าวใจสาวชัดๆ
"จะยืนมองอีกนานมั้ย?"
คำแรกที่อคินถามขึ้นเมื่อเห็นว่ายาหยียังยืนมองจ้องเขานิ่งราวกับไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน
"สวัสดีค่ะพี่คิน"
"นั่งลงสิ"
ยาหยีรวบกระโปรงยาวนั่งลง ทำไมไม่รู้พี่อคินถึงดูเย็นชามองเธอราวกับเป็นคนแปลกหน้า
"ที่นี่เป็นอย่างไรบ้างหวังว่าเธอคงจะชอบที่นี่.."
"ชอบค่ะ"
ท่าทางเคร่งขรึมของพี่อคินทำให้ยาหยีรู้สึกเกร็งอย่างบอกไม่ถูก
"ชอบก็ดีแล้ว..เลือกสาขาที่จะเรียนมา จะได้ไปจัดการเรื่องเรียนให้เรียบร้อย "
"แต่หนูสมัครเรียนออนไลน์ไว้แล้วค่ะ"
ยาหยีแย้ง
"ไม่ได้! ต้องเรียนในมหาวิทยาลัยเท่านั้น"
ยื่นคำขาดอย่างผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า
"เลือกเองไม่ได้เหรอคะ?"
อคินยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ สีหน้าเขาขรึมและดุขึ้นกว่าเดิมไปอีกเมื่อเห็นว่ายาหยีกำลังขัดใจ
"พี่คือผู้ปกครองของเธอ เธอมีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่ง..สิ่งเดียวที่เธอเลือกได้คือสาขาที่จะเรียนเท่านั้น"
ยาหยีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะภาพของพี่อคินที่เธอวาดไว้ดูใจดีมากกว่านี้
"งั้นก็ได้ค่ะ หนูเลือกเรียนบริหารธุรกิจค่ะ"
"ดี เรียนสาขาที่มีประโยชน์กับการทำงานในอนาคต"
น้ำเสียงเยียบเย็นไร้ซึ่งชีวิตชีวาของเขาทำเอายาหยีรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เขาทำตัวเป็นผู้ปกครองหรืออาจารย์ห้องปกครองกันแน่นะ สลัดภาพผู้ชายอบอุ่นอย่างตอนที่เธอเคยสัมผัสในวัยเด็กหายไปหมดเลย ก็นะ เวลาตอนนั้นมันผ่านมาเนิ่นนานแล้ว เธอเองก็เพิ่งเจอกับเขาเป็นครั้งแรกหลังจากโตเป็นสาวรุ่น
"ไม่มีอะไรแล้วล่ะ วันจันทร์นี้ก็เตรียมตัวไปเรียนได้ จะมีคนขับรถรับส่งให้ทั้งเช้าเย็น เอาโทรศัพท์มือถือมา"
ฝ่ามือหนาถูกยื่นมาต่อหน้า ยาหยีรู้สึกงงเล็กน้อยว่าเขาจะต้องการของส่วนตัวแบบนั้นไปทำไม ถ้าจะมายึดไม่ให้ใช้ ให้ตายเธอก็คงจะไม่ยอมแน่ๆเพราะมันละเมิดสิทธิส่วนตัวกันมากเกินไป
"คะ?"
"โทรศัพท์มือถือไม่มีเหรอ?"
อคินถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเข้มๆ ยาหยีพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะจำใจล้วงเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงหยิบมือถือไอโฟนออกมายื่นให้เขา
อคินรับไปพิมพ์บางอย่างอยู่หน้าจอก่อนจะยื่นกลับมาให้ทำเอาหญิงสาวถึงกับโล่งอก..เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ยึดไป
"ไลน์กับเบอร์มือถือพี่เซฟไว้หมดแล้ว"
ร่างสูงยังคงยืนเต็มความสูง ยาหยีเดาว่าเขาสูงร้อยแปดสิบบวกๆๆก่อนจะหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ ทุกท่วงท่าของเขาดูดีไปหมด
ให้ตายเถอะคนอายุสามสิบห้าทำไมถึงได้ดูดีเหมือนเพิ่งจะอายุยี่สิบห้า อ้อ คงจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ใครมันเป็นคนบอกนะว่าคนใต้ตัวดำวันนี้ยาหยีประจักษ์แก่สายตาแล้วว่ามันไม่เป็นความจริงเลยสักนิดพี่อคินดูขาวสะอาดกลิ่นตัวก็หอมแบบผู้ดี
'กำลังคิดอะไรอยู่วะอิหยี'
ยาหยีนึกตำหนิตัวเองที่เผลอคิดลึกคิดไปไกล
"ค่ะ"
"ไม่มีอะไรแล้วไปเถอะ"
อคินยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างก่อนจะหันมาสนใจกับหน้าจอโน้ตบุ๊คขนาดกะทัดรัดตรงหน้าต่อ ยาหยีหันซ้ายหันขวาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ อยากจะถามคำถามต่อก็ต้องกลืนลงคอไป การที่หลีกเลี่ยงไม่เสวนากับเขาต่อเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุดในตอนนี้แล้ว..เพราะมันรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก ยามที่อยู่ใกล้กันเพียงสองต่อสองเพราะพี่คินในตอนนี้กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอไปแล้วอย่างสิ้นเชิง