ความเดิม- ด้านนวนนท์เมื่อกลับมาถึงห้องเขานึกถึงคำพูดของหญิงสาวก่อนที่เขาจะกลับออกมา ‘เดินทางปลอดภัยนะคะ’ คำพูดนี้ฟังแล้วมันรู้สึกอบอุ่นเข้ามาในหัวใจ เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดข้อความบางอย่างแล้วส่งไปให้คนที่อวยพรให้เขาแล้วเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย เพราะตอนนี้ร่างกายของเขาต้องการพักผ่อนแล้ว
………………………………………..
@เช้าวันใหม่
นวนนท์ตื่นขึ้นมาในเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้ารู้สึกมีพลังอย่างบอกไม่ถูกเขาคิดว่าคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วชายหนุ่มรีบอาบน้ำแต่งตัวและขับรถออกมาเพื่อไปทำงานตามปกติอย่างไม่เร่งรีบ เพราะจากคอนโดของเขาถึงโรงแรมก็เป็นระยะทางที่ไกลนัก
@ออฟฟิศห้องปฏิบัติการ
..อ้าว..นิว..มาเช้าจังนี่ยังไม่แปดโมงเลย.. จิรายุเอ่ยทักทายเพื่อนรักหลังจากนั่งจิบกาแฟได้สักพักเพื่อเตรียมตัวออกเวรเช่นกันเพราะเมื่อคืนเขาเป็นเวรออดิทออกเวรเช้า และสามารถพักเวรได้โดยให้มาทำงานในช่วงบ่ายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของที่นี่
..ไปพักเถอะ เดี๋ยวดูต่อเอง เดี๋ยวนายปอนด์ก็มา..ดูในล็อคเหตการณ์ก็ปกติดีนิ่..
..อือ..งั้นไปก่อนนะ.. จิรายุพูดจบก็เดินออกไปอย่างชิลล์ ๆ
หลังจากเพื่อนรักออกจากห้องปฏิบัติการไป นวนนท์ก็นั่งตรวจตาดูกล้องวงจรปิดต่อจากเพื่อนรักอย่างมีสมาธิจนต้องได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินตรงเข้าหาเขาอย่างอุกอาจจากด้านหลัง
พรึ่บ!! นวนนท์รับจับแขนของอีกแล้วหมุนตัวกลับไปด้านหลังแล้วไพล่แขนของอีกคนไว้ทางด้านหลังบ้าง
"เก่งนิ่ สมาธิยังดีอยู่ เหมาะแล้วที่เป็นมือซ้ายของนาย รองจากเฮียเกม" ปริวัฒน์เอ่ยยิ้ม ๆ แล้วตบไหล่เพื่อนรักเบา ๆ
"ก็ใครบอกให้มาทางด้านหลังล่ะ ไม่ได้มีตาหลังจะได้รู้ว่าใคร ก็ต้องป้องกันตัวไว้ก่อนซิ"
"อืม..มาทำงานแต่เช้าเลย เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ" ปริวัฒน์เอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนรัก
"เปล่าหรอก ไม่ค่อยได้มีเวลาหลับด้วยมั๊ง เมื่อคืนไปส่งใบตองที่บ้าน น้องก็เลยแวะกินข้าวต้มรอบดึกน่ะ"
"ห๊ะ!! ยังไง ข้าวต้มรอบดึก" ปริวัฒน์เอ่ยซักเสียงกระชั้น
"ไม่ใช่แบบนั้น..ข้าวต้มจริง ๆ ผัดผักบุ้งไฟแดงควันนี่โหมเชียวแต่อร่อยดีว่ะ เสร็จแล้วก็ไปส่งน้องที่บ้านก็แค่นั้น ไม่มีอะไร"
"ไม่มีน่ะแปลว่ามี บอกมะมันเป็นยังไง"
"ก็เข้าใจกันมากขึ้น ฉั๊นมีความกล้าที่จะเข้าหาน้องมากขึ้นเพราะน้องคอยเป็นกำลังใจให้ฉั๊นว่ะ"
"เพิ่งรู้? ใคร ๆ เค้าก็รู้กันหมดทั้งบาง เหลือแต่คุณนี่แหละครับไอ้พระเอก ไม่อยากคุยด้วยแล้วไปทำงานดีกว่า" ปริวัฒน์พูดจบก็เดินออกไปจากห้องปฏิิบัติการไปเลย เพราะอีกหน้าที่ของพวกเขาก็คือคอยดูแลช่วยเหลือนายในเรื่องเอกสารที่นายมอบหมายให้ทำ ส่วนชายหนุ่มหลังจากเพื่อนรักออกไปแล้วเขากลับมามีสมาธิกับการสังเกตการณ์จากกล้องวงจรปิดพร้อม ๆ กับเช็คระบบต่อไปจนเวลาล่วงเลยไปและใกล้จะได้เวลาที่ใครบางคนจะเข้างาน
@เวลา 14.30 น.
นวนนท์ลุกขึ้นบิดขี้เกียจและมองไปที่อาคารจอดรถของพนักงานซึ่งอยู่อีกด้านของตึกส่วนหลัง ชายหนุ่มเดินไปตามทางเชื่อมอาคารไปเรื่อย ๆ และไปหยุดที่ลิฟท์ที่เชื่อมไปยังฟร้อนออฟฟิศ ไวกว่าความคิด เมื่อได้ยินเสียงลิฟท์เปิดเขาก้าวออกมาก็เป็นทางเดินไปหลังของฟร้อนออฟฟิศแล้วและได้เจอกับใครบางคนที่คิดถึงเสมอ
"อ้าวพี่นิว มาทำอะไรเหรอคะ ยังไม่ใช่เวลาเลิกงานของแบ็คออฟฟิศนิ่" ณรรรดาเอ่ยทักทายชายหนุ่มอย่างนึกห่วงกังวลกลัวว่าจะมีใครมองชายหนุ่มไม่ดี
"นั่งทำงานที่ห้องปฏิบัติการตั้งแต่ก่อนแปดโมงเช้า ยังไม่ได้พักสักกะแอะเดียว ก็เลยมาเดินยืดเส้นยืดสายน่ะ เป็นการเดินออดิทไปในตัว" พร้อมกับยื่นสมุดตารางเวรออดิทให้หญิงสาวดู
"เหรอคะ แสดงว่าพี่นิวจะต้องอยู่จนถึงแปดโมงเช้าของอีกวันเหรอคะ แล้วทำไมไม่พักบ้าง พี่เคยป่วยเป็นปอดอยู่นะคะเดี๋ยวก็กลับมาป่วยอีกหรอก"
"อืม..เดี๋ยวจะไป เข้างานเถอะ เดี๋ยวกะเช้าเค้าจะรอส่งรอบ ขอให้ราบรื่นนะ พี่ไป.." ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นระดับอกแล้วหันหลังกลับเพื่อมาปฏิบัติงานต่อในที่ของตนต่อไป
ส่วนณรรดาได้แต่ยืนมองชายหนุ่มอย่างรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ ความรู้สึกของเธอคล้ายกับชายหนุ่มมีอะไรในใจแต่ไม่พูดออกมา บางครั้งก็ดูกระตือรือร้นที่จะมีเธอ บางครั้งก็ดูเฉื่อยชา เยือกเย็นจนยากเกินจะคาดเดา เธอได้แต่หายใจเข้าลึก ๆ แล้วตัดมันทิ้งไปก่อนเพื่อมีสมาธิกับการทำงานที่เธอรักต่อไป แต่ทันใดนั้น หูของเธอก็ได้ยินเสียงใครบางคนที่บอกเธอมาจากที่ไกล ๆ ไกลเหลือเกิน
//หนักแน่นนะลูก คู่แล้วไม่แคล้วกัน//
ณรรรดาได้แต่แปลกใจตัวเองพยายามเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อมองหาที่มาของเสียงแต่ก็ไม่พบใครเลย จึงเข้าใจว่าตัวเองคงหูแว่วไปเอง จึงเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์รีเซฟชั่นเพื่อรับรอบต่อไป
อีกด้านของคนที่แอบสังเกตการณ์อยู่
//..มึงจะเย็นเกินไปหรือเปล่าไอ้หนู..อย่างงี้ไม่ไหวนะ..สู้ดิโว้ย..//
ด้านนวนนท์ที่เดินเรื่อยเปื่อยจนมาถึงออฟฟิศห้องปฏิบัติการเขานั่งพักสายตาอย่างรู้สึกเหนื่อยหน่ายแต่ความรู้สึกกลับดับวูบไป และได้ยินเสียงใครบางคนที่พูดเชิงเตือนสติและตำหนิเขาในคราวเดียวกันจึงสะดุ้งตื่นจากห้วงความฝันหรือนิมิตก็ไม่อาจรู้ได้จนใครอีกคนที่เข้ามาเอ่ยถามขึ้นจึงหลุดจากห้วงสงสัยนั้นมาได้
"เป็นอะไรนายนิว นั่งทำหน้าทำตาสงสัยอะไรเหรอ" แดนไตรเอ่ยทักทายลูกน้องหนุ่มยิ้ม ๆ