ตอนค่ำหลังเลิกงาน
เสียงเข็มนาฬิกาเดินช้า ๆ ท่ามกลางความเงียบในห้องญาดานั่งนิ่งอยู่ตรงขอบเตียง มือวางบนตัก
การ์ดเชิญสีดำยังวางอยู่ข้างแล็ปท็อปมันเหมือนสิ่งมีชีวิตที่กำลังกระซิบถามเธอซ้ำ ๆ ว่า...
“คุณจะมา...ไหม?”
เธอลุกขึ้นเปิดตู้เสื้อผ้าอย่างเงียบ ๆปลายนิ้วไล้ไปตามชุดทำงานสีเรียบหลายตัว
แต่สุดท้าย...หยุดอยู่ที่ชุดหนึ่งที่เธอไม่เคยคิดจะใส่ออกงานจริงเดรสสายเดี่ยวรัดรูปสีกรมเข้ม
เรียบ ไม่มีลวดลายแต่ผ้าซาตินเนื้อดีสะท้อนแสงเบา ๆเน้นเส้นโค้งบนร่างกายอย่างนุ่มนวล
...และเผยผิวขาวของเธอให้ยิ่งดูเปล่งประกายยามแสงกระทบญาดาถอดลมหายใจยาว
ก่อนจะดึงมันออกมาอย่างแน่วแน่เธอเลือกจะไม่ถามอีกแล้วว่า “เขาเป็นใคร”
เพราะตอนนี้...คำถามเปลี่ยนเป็นว่า
“ถ้าฉันไป...ฉันจะได้อะไรกลับมา?”
เธอสวมเดรสลงช้า ๆเนื้อผ้ารัดร่างพอดีอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแผ่นหลังขาวนวลที่โผล่เหนือขอบเดรสดูเปลือยเปล่าแต่กลับมีอำนาจในแบบที่ผู้หญิงรู้ตัวว่าคืนนี้...เธอไม่ใช่คนที่ใครจะสั่งได้อีกต่อไป
เธอแต่งหน้าเบา ๆ เพียงแค่พอให้ริมฝีปากดูน่ามองไม่หวาน ไม่ยั่วยวน
แต่ “มั่นใจ” มั่นใจในแบบที่ผู้หญิงเลือกจะไปโต๊ะดินเนอร์ด้วยเท้าของตัวเอง ไม่ใช่เพราะถูกดึง
เธอหยิบกระเป๋าใบเล็กถือการ์ดเชิญใบนั้นแนบข้างตัวแล้วเปิดประตูห้องออก...ช้า ๆ
ในขณะเดียวกันที่ห้องกระจกชั้นบนสุดของ LUNA TOWER
เวหามองจอภาพที่แสดงใบหน้าของเธอในลิฟต์คอนโดเขาไม่ยิ้ม
ไม่พูด แต่หลับตาลงเบา ๆก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
"เธอมาแล้ว..."
ญาดายืนหน้ากระจกเงาที่ยาวจรดพื้นแสงไฟสีขาวส่องลงบนผิวเนียนจนเกือบสะท้อน
ชุดเดรสสายเดี่ยวสีน้ำเงินเข้มแนบไปกับร่างทุกสัดส่วน
เส้นผมปล่อยยาวเป็นลอนเบา ๆ ชายกระโปรงแตะเข่าในจังหวะเดินริมฝีปากเธอเม้มแน่นนิด ๆ
ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ให้ตายเถอะ...”
“ฉันจะทำอะไรอยู่เนี่ย”
ไม่มีใครตอบมีเพียงความเงียบกับการ์ดสีดำในมือที่บอกเวลาชัดเจนว่าโต๊ะนั้น “ถูกจองไว้แล้ว” และคืนนี้…คือคืนของเธอเธอหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับคว้ากระเป๋าใบเล็กแล้วเปิดประตูห้องออกรถแท็กซี่สีเทาจอดอยู่หน้าคอนโดโชเฟอร์ชายสูงวัยเงยหน้ามองเธอ แล้วลดกระจกลงเล็กน้อย
“LUNA TOWER ใช่ไหมครับคุณผู้หญิง?”
เธอชะงักนิดหนึ่งแต่พยักหน้าช้า ๆ
“ค่ะ”
ไม่มีการแจ้งรถ ไม่มีการเรียกล่วงหน้า ไม่มีชื่อเธอในระบบ แต่เขารู้ว่าเธอจะไป
รถเคลื่อนตัวออกสู่ถนนที่เริ่มบางตาแสงไฟเมืองยามค่ำสาดเป็นเส้นยาวตามหน้าต่าง
ญาดานั่งนิ่งหลังพนักพิงมือหนึ่งวางบนหน้าตัก อีกข้างถือการ์ดเชิญแนบอก
เธอยังไม่รู้ว่าเขาคือใครไม่รู้ว่าคืนนี้จะจบลงยังไงแต่ที่เธอรู้คือ—เธอเหนื่อยพอที่จะหยุดถาม
…และพร้อมจะฟังบางอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเธอ
เมื่อรถเลี้ยวเข้าสู่ถนนด้านหลังของ LUNA TOWER
ไฟหน้าอาคารสูงระยิบระยับรับกับแสงดาว
ประตูทางเข้าไม่ได้เปิดไว้สำหรับแขกทั่วไป
แต่คืนนี้…แสงไฟจากประตูนั้นเปิดรอเธออยู่เพียงคนเดียว
รถแท็กซี่จอดสนิทหน้าทางเข้าด้านในของ LUNA TOWER
บานกระจกสูงแวววาวเปิดรับทันทีที่เธอก้าวเท้าลงจากรถ
ไม่มีเสียงเรียก ไม่มีพนักงานมาต้อนรับแบบโรงแรมหรูทั่วไป
มีเพียงผู้ชายในชุดสูทดำ ยืนอยู่เงียบ ๆ ตรงหน้าประตู
เขาไม่ได้พูดแค่พยักหน้าเบา ๆ ให้เธอ
“คุณญาดาใช่ไหมครับ?”
เสียงทุ้มเรียบดังขึ้นหลังจากที่เธอเดินเข้ามาใกล้
“ผมได้รับคำสั่งให้พาคุณขึ้นไปโดยตรง”
เธอพยักหน้าเล็กน้อยไม่มีคำถามไม่มีความลังเล
เพราะแค่กลิ่นอากาศในล็อบบี้…ก็ไม่เหมือนตึกใดที่เธอเคยเข้า
มันสะอาด หรู เงียบเงียบจนเสียงส้นสูงของเธอดังสะท้อนทุกก้าว
พนักงานกดลิฟต์ด้านในสุดของอาคารประตูเปิดออก เผยภายในที่บุด้วยผ้ากำมะหยี่สีดำ
ด้านในมีเพียงปุ่มเดียวไม่มีหมายเลข ไม่มีป้ายชื่อเธอไม่รู้ว่าลิฟต์จะพาไปชั้นไหน
แต่รู้สึกเหมือนหัวใจ...กำลังถูกดึงให้เต้นแรงขึ้นช้า ๆ
“เชิญครับ”
ชายคนนั้นเปิดประตูลิฟต์ให้เธอญาดาก้าวเข้าไปเงียบ ๆประตูปิดลงเบื้องหลัง
เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงเบา ๆเป็นเพลงเดียวกับเสียงที่เธอได้ยินในสายโทรศัพท์เมื่อคืน…
เธอกำมือแน่นเล็กน้อยสายตาไม่ได้หวาดกลัวแต่จดจ่อนี่ไม่ใช่การล้อเล่น
ไม่ใช่เซอร์ไพรส์จากใครสักคน
แต่คือ “จุดเริ่มต้นของเกมที่เธอเลือกจะเดินเข้ามาเอง”
ในชั้นบนสุดของอาคาร
โต๊ะอาหารถูกจัดไว้ใต้แชนเดอเลียร์คริสตัล
ไฟสีทองหรี่ลงพอดีกับจังหวะประตูลิฟต์ที่จะเปิดในอีกไม่กี่วินาที
และเวหา…
ยืนพิงขอบหน้าต่างกระจกใส
สายตาแนบนิ่งอยู่กับภาพกล้องวงจรปิดที่ฉายภาพผู้หญิงคนหนึ่ง
ในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้ม
กำลังจะก้าวออกมาหาเขา
“เธอมาแล้ว...ในแบบที่ฉันหวังไว้ทุกอย่าง”