เสียง ติ๊ง เบา ๆ ดังขึ้นเมื่อประตูลิฟต์ถึงจุดหมายบานประตูเปิดออกช้า ๆ เผยโถงกว้างสีทองอ่อน
แสงจากแชนเดอเลียร์หรูหราสะท้อนกับพื้นหินอ่อนลายขาวเทากลิ่นหอมของกุหลาบแดงและไวน์ขาวอ่อน ๆ ลอยคลออยู่ในอากาศพนักงานชุดดำที่ยืนรออยู่หน้าประตู ก้าวเข้ามาทันที
เขาไม่พูดมาก เพียงโค้งเล็กน้อย แล้วผายมือเชิญ
“เชิญครับ...แขกของค่ำคืนนี้”
ญาดาก้าวตามไปช้า ๆเสียงส้นสูงกระทบพื้นหินดังก้องในหัวใจของตัวเอง
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้โต๊ะที่ถูกจัดไว้เพียง สำหรับสองคนเท่านั้น
จังหวะเต้นในอกก็ยิ่งเร็วขึ้น…เหมือนร่างกายรับรู้ก่อนเหตุผล
โต๊ะกลมปูผ้าสีดำสนิท จุดเทียนกลางโต๊ะสองเล่มจานทองขลิบขาววางอยู่ตรงข้ามกัน
…และเขาชายคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วสูทสีดำเรียบพอดีตัวผิวเข้มอุ่นเล็กน้อย
นิ้วเรียวยาวถือแก้วไวน์เบา ๆ ข้างหนึ่งอีกมือวางบนโต๊ะอย่างสงบ เขาเงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ
ไม่พูด ไม่ยิ้ม แต่สายตา...นิ่งและแน่นิ่งราวกับเขาเห็นเธอมานานกว่าที่เธอจะรู้ว่าเขาคือใคร
ญาดาชะงักเพียงเสี้ยววินาทีมือที่ถือกระเป๋าแน่นขึ้นเล็กน้อยหัวใจเต้นรัว ร้อนผ่าวอย่างไม่มีเหตุผล
เธอไม่รู้จักเขาไม่เคยเห็นหน้าชัด ๆแต่แค่แววตานั้น...ทำให้เธอรู้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา
ชายหนุ่มลุกขึ้นช้า ๆก่อนเดินเข้ามาไม่เร็ว ไม่ช้าแต่มั่นคงและลึกจนเธอรู้สึกว่า “ถูกจ้องทะลุใจ”
“คุณมาแล้ว...”
เสียงทุ้มต่ำและเรียบเย็นเอ่ยขึ้น
“ผมดีใจที่คุณเลือกจะมาด้วยตัวเอง”
ญาดาเม้มริมฝีปากแน่นใจยังคงสั่นไม่หยุดแต่เธอยังยืนนิ่ง ไม่ก้าวถอย
...แม้จะไม่รู้เลยว่า เขาคือใครแต่เธอกลับรู้แน่ชัดว่าคืนนี้...เธอจะไม่มีวันลืมเขา
เวหาเลื่อนเก้าอี้ให้เธออย่างสุภาพเสียงผ้ากำมะหยี่เสียดสีเบา ๆ ดังท่ามกลางความเงียบของห้อง
แสงเทียนไหวระริกสาดแสงบนแก้มเนียนของญาดาจนเกิดเงาร้อน ๆ ที่เธอเองยังไม่รู้ว่าเกิดจากไฟจริง...หรือไฟในอกตัวเอง
“เชิญนั่งครับ”
น้ำเสียงของเขานุ่มทุ้ม แต่มีกำลังขึงขังในถ้อยคำเหมือนทั้งห้องจะสั่นเล็กน้อยในใจของเธอ
ญาดาก้าวไปอย่างสงบ
แต่ภายในอกของเธอเหมือนมีบางอย่างกำลังเต้นระรัว…จนเธอแทบไม่แน่ใจว่าได้ยินตัวเองหายใจหรือยัง
เขาไม่ใช่คนที่หล่อที่สุดแต่เป็นคนที่นั่งเฉย ๆ แล้วทั้งห้องก็เป็นของเขา
ทุกการเคลื่อนไหว ทุกกิริยา…เหมือนผ่านการฝึกเพื่อดึงดูดเท่านั้นเธอวางกระเป๋าเล็ก ๆ ข้างตัว
ยกแก้วน้ำที่ถูกจัดไว้ขึ้นจิบเบา ๆ เพื่อลดความประหม่าแต่สายตาคมเข้มนั้น…ยังไม่ละจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว
“ถ้าคุณจะถามว่าผมเป็นใคร...”
เขาพูดขึ้น ก่อนจะยิ้มช้า ๆ
“ผมยังไม่พร้อมตอบตอนนี้”
ญาดาเลิกคิ้วนิดหนึ่งแต่ไม่พูดอะไรเพราะสิ่งที่เธอกำลังแพ้…ไม่ใช่คำพูดของเขา
...แต่คือแววตาคู่นั้น
มันไม่ได้จ้องแบบเจ้าชู้ไม่ได้หวานหรืออ่อนโยนแต่มัน นิ่ง จนเธอรู้สึกว่า
ตัวเองถูกมองเหมือนเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาเคยอ่าน…และกำลังเปิดกลับมาอ่านซ้ำ
อาหารจานแรกถูกเสิร์ฟอย่างเงียบงันเป็นเพียงซุปใสในถ้วยกระเบื้องขาวขลิบทอง
แต่เธอแทบไม่ได้รู้รสเพราะทุกคำที่ยกขึ้นจิบ…สายตาของเขาก็ยังคงอยู่ที่เธอ
“คุณไม่ถามเลยหรือ…ว่าผมรู้จักชื่อคุณได้ยังไง?”
เขาเอ่ยขึ้นเบา ๆญาดาหยุดช้อนในมือสบตาเขานิ่งก่อนจะตอบเรียบ ๆ
“ฉันเดาว่าคนอย่างคุณ...ไม่น่าจะมีเรื่องไหนที่คุณ ไม่รู้”
เขาหัวเราะเบา ๆหัวเราะแบบที่เธอไม่เคยได้ยินจากใครมาก่อน
...เย็น สุภาพ และ น่ากลัวนิด ๆ
“คุณเริ่มเข้าใจเกมแล้ว”
เขากระซิบเสียงต่ำ
“และนั่นแหละ…คือเหตุผลที่ผมเชิญคุณมา”
มือของเขายกขวดไวน์แดงจากฝั่งตัวเองขวดถูกเปิดไว้แล้ว อุณหภูมิพอดี
เขารินลงแก้วของเธอด้วยจังหวะมั่นคง แววตายังไม่ละจากเธอเลยแม้เสี้ยววินาที
ไวน์แดงรินเอื่อยลงแก้วคริสตัลแสงเทียนสะท้อนกับผิวไวน์เป็นสีแดงสดราวเลือด…
เขาเลื่อนแก้วมาทางเธอนิ้วยาวแตะขอบแก้วเบา ๆ เหมือนเชื้อเชิญ
“คุณเคยดื่ม...กับคนที่คุณไม่รู้จักมาก่อนหรือเปล่า”
ญาดาหยุดเล็กน้อยริมฝีปากแตะขอบแก้วไวน์กลิ่นหอมเฉพาะตัวแตะปลายจมูก
เธอจิบเพียงนิดเดียว...แต่นั่นก็พอให้ใจเธอร้อนขึ้นอย่างแปลกประหลาด
“เคยค่ะ แต่ไม่เคยกับคนที่...ทำให้ฉันอยากรู้จักไปเสียหมดขนาดนี้”
เขาหัวเราะเบา ๆเสียงนั้นไม่ได้แสดงความพอใจหรือเย้ยหยัน
แต่เหมือนพึงใจใน “ความกล้า” ของเธอมากกว่าเวหาวางแก้วตัวเองลง
เอนตัวเล็กน้อย เข้าหาแต่ยังรักษาระยะที่เหมาะสมระหว่างเหยื่อและนักล่า
“งั้นเริ่มกันด้วยคำถามง่าย ๆ ก่อน”
“คุณเชื่อใน ‘สายตาแรกพบ’ ไหม”
ญาดาชะงัก…คำถามเรียบง่าย แต่กลับทิ้งแรงสั่นไว้ในอก
เพราะสายตาคู่นี้…คือสิ่งที่เธอจำได้แม่นที่สุดตั้งแต่มาถึง LUNA TOWER
“แล้วคุณล่ะ…”
เธอถามกลับ
“คิดยังไงกับผู้หญิงที่รับคำเชิญโดยไม่รู้แม้แต่ชื่อเจ้าภาพ?”
เวหานิ่งสายตาไม่ไหวแม้แต่น้อยก่อนเขาจะตอบช้า ๆ ด้วยเสียงต่ำ
“ผมคิดว่าเธอมีเหตุผลของเธอ”
“และเหตุผลนั้น...อาจจะดึงดูดยิ่งกว่ารูปร่างหน้าตาหรือคำพูด”
ญาดาเอนหลังพิงพนักพยายามคุมอารมณ์ที่แล่นวูบในอก
คนคนนี้…พูดน้อย แต่ทุกคำเหมือน แทงตรงใจ
“ถ้างั้น...ต่อไปคุณจะถามอะไรคะ?”
เขายกแก้วขึ้นอีกครั้งริมฝีปากแตะแก้วช้า ๆก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่เร่ง ไม่ช้า
“คุณ...กลัวไหม ว่าการมาครั้งนี้ อาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล?”
ญาดาแตะปลายนิ้วกับขอบแก้วไวน์ สายตาไม่หลบเลี่ยงเธอยิ้มบาง ๆ
แววตาคล้ายหญิงสาวที่ไม่รีบเร่ง แต่รู้ดีว่าตัวเองถือไพ่ใบไหนอยู่ในมือ
“กลัวเหรอคะ?”
เธอเอ่ยเสียงเรียบ
“ฉันไม่ค่อยกลัวสิ่งที่เปลี่ยนชีวิต…ถ้ามันมาพร้อมกับรสชาติที่น่าลิ้มลอง”
คำพูดนั้น…เหมือนสายลมร้อนปะทะกลางอกเวหาเลิกคิ้วช้า ๆ
เขาไม่ได้ตอบทันทีแต่ดวงตาเข้มจัดกลับโน้มต่ำลงนิด คล้ายกำลังประเมินเธอใหม่ในทุกมิติ
“รสชาติที่น่าลิ้มลอง…”
เขาทวนเสียงต่ำ
“คุณมักพูดอะไรแบบนี้กับคนแปลกหน้าหรือเปล่า”
ญาดายกไวน์ขึ้นจิบสีหน้าไม่เปลี่ยนริมฝีปากแดงชื้นวาวภายใต้แสงเทียน ดูเย้ายวนยิ่งกว่าไวน์ในมือ
“เฉพาะกับคนที่ทำให้ฉันรู้สึกว่า…ฉันอาจไม่ใช่คนเดียวที่ถูกมอง”
เขาชะงักไปชั่ววินาทีก่อนจะยิ้มบาง ๆ อย่างคนที่ เริ่มแพ้โดยสมัครใจ
เวหาขยับตัวเข้ามาเล็กน้อยระยะห่างระหว่างพวกเขา…หดสั้นลงน้อยกว่าความเหมาะสม
แต่ไม่ถึงกับล่วงล้ำ
“คุณเป็นผู้หญิงอันตราย”
เขาพูดเสียงแผ่ว
“และผมไม่คิดจะป้องกันตัวเองเลยสักนิด”
ญาดามองสบตาเขานิ่งหัวใจเต้นแรง…แต่ไม่แสดงออก
“บางที…คุณอาจไม่รู้ก็ได้ ว่าคุณเองก็ไม่ปลอดภัยเท่าไรนัก”
บรรยากาศรอบตัวกลายเป็นความนิ่งเงียบที่อัดแน่นไปด้วยไฟมืด
ทั้งสองเหมือนหยั่งเชิงกันอยู่กลางสนามที่ไม่มีคำว่าแพ้หรือชนะ
มีแต่ แรงดึงดูด ที่ไม่มีใครกล้ากระพริบตา
เสียงส้อมแตะกับจานเบา ๆเขาเปลี่ยนท่าทาง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“มื้อค่ำนี้...ผมเตรียมมาให้คุณคนเดียว”
“และผมหวังว่าจะได้เห็นคุณในมื้อถัดไปในเงื่อนไขที่ไม่เหมือนเดิม”
ญาดาเลิกคิ้ว
“เงื่อนไขแบบไหนคะ”
เวหายิ้ม...ยิ้มที่เธอไม่สามารถอ่านได้
“เงื่อนไขที่คุณ...จะไม่ต้องนั่งฝั่งตรงข้ามอีกต่อไป”