เกริ่นนำ ดอกบัวหยกในสระมรกต

897 Words
เก้าสวรรค์ชั้นฟ้าเป็นอาณาจักรที่ภูตทุกตนปรารถนาขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน หมายสถิตนิจนิรันดร์กาล ภูตสาวตัวน้อยเองก็ปรารถนาเช่นกัน นางมีนามว่าเล่ออัน ปีนี้นางอายุครบห้าร้อยปีแล้ว ทรวดทรงองเอวเริ่มมีส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงามเย้ายวน เนื้อนูนกลมกลึงเต็มไม้เต็มมือมากขึ้น นับว่าใกล้หลุดพ้นจากเด็กสาวตัวน้อยกลายเป็นสตรีวัยสะพรั่งเต็มตัวแล้ว แต่พลังเซียนของหญิงสาวกลับยังคงห่างไกลลิบลับ การขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของสรวงสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแห่งนี้ก็ห่างไกลมากโขเช่นกัน หลังจากใช้เวลาเนิ่นนานลอบขึ้นมาจนถึงสวรรค์ ภาพในแววตาของภูตสาวตัวน้อยยามนี้พบว่ามีเทพหนุ่มและเซียนสาวประทับตราเข้าไปลึกถึงแก่นกลางใจจนตราตรึงยากดึงรั้งสติให้หวนกลับ เหล่าเทพเซียนกำลังพริ้วกายไปตามทางทอดยาวสีขาวพร่างพราวสว่างไสว ถักทอเส้นใยแห่งปรารถนาของเล่ออันให้ยิ่งลุกโชน พวกเขาย่อมเร่งรุดไปขึ้นทะเบียนชาวสวรรค์ต่อเบื้องพระพักตร์เง็กเซียนฮ่องเต้[1] สักวันหนึ่งเถิด! ต้องมีสักวันที่ภูตต่ำต้อยเช่นนางจะมีโอกาสนี้บ้าง ดวงตากลมโตฉายความหนักแน่นออกมาท่วมท้นเล่ออันหมายมาดบำเพ็ญตนเพียรฝึกตบะอย่างแน่วแน่ยิ่งขึ้น นางเบื่อหน่ายเหลือเกินกับการล่องลอยอยู่ระหว่างนรกและสวรรค์ ตำแหน่งและสถานที่เดียวซึ่งเหมาะสมคู่ควรกับสตรีงดงามเช่นนาง ย่อมเป็นเซียนสาวผู้เลอโฉมบนวิมานเมฆเก้าชั้นฟ้าเท่านั้น! ทว่าวันเวลาช่างยาวนานและดูเหมือนยิ่งห่างไกล ทั้งที่เล่ออันตั้งจิตอุทิศวิญญาณนำปรารถนาสูงสุดด้วยปราณบริสุทธิ์ทั้งหมดที่มีเช่นนี้แต่โชคชะตากลับมินำพา เนื่องจากสิบปีต่อมาเล่ออันทำเรื่องผิดมหันต์ วันนั้นภูตสาวพลาดพลั้งทำกลีบบัวช้ำหนักจนดอกหักออกจากลำต้น นางจึงถูกลงทัณฑ์ขั้นรุนแรง ‘เจ้าภูตฉ้อฉล จงลงไปรับโทษให้สาสมเถิด’ ช่วยมิได้ที่สิ่งนี้คือดอกบัวหยกในสระมรกตอัญมณีซึ่งเฟินเยว่เทียนเฟยเลี้ยงไว้ดูเล่นด้วยปราณเซียนแห่งเทพธิดา และช่วยไม่ได้อีกเช่นกันที่เฟินเยว่เทียนเฟยผู้นี้คือสตรีที่มีนิสัยเถรตรงรักความยุติธรรมสมกับตำแหน่งพระสนมที่เทียนจวิน[2]ทรงรักใคร่โปรดปราณเหนือสตรีทุกตนบนชั้นฟ้า ทว่าสตรีด้วยกันย่อมดูออกว่าเฟินเยว่เทียนเฟยเพียงสร้างภาพลักษณ์ให้เป็นไปในทิศทางเช่นนั้น เพราะนิสัยส่วนตัวออกจะดื้อรั้นเอาแต่ใจมากกว่า ‘ตายจริง! แค่เพียงกัดดอกบัวถึงกับลงทัณฑ์เช่นนั้น’ เสียงสนมคนหนึ่งพลันทัดทาน ‘ข้าจำเป็นต้องปรานีหรือไร’ ‘นางยังเด็กอยู่แท้ๆ ข้าจะไปฟ้องเทียนจวิน’ ‘เจ้า..’ ‘ทำไมเล่า เจ้าถือว่าเทียนจวินทรงโปรดจึงสั่งลงโทษผู้อื่นอย่างไร้การไตร่ตรอง ใช่ใช้อำนาจรังแกเกินไปหรือไม่’ ‘ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร กล้าฟ้องก็ลองดู’ ‘ข้ากล้าแน่’ ‘บังอาจนัก ข้าจะตัดลิ้นเจ้า’ ‘เข้ามาสิ’ แล้วสนมทั้งสองประมือกันไปมา ปล่อยเล่ออันร่วงหล่นจากฟ้า ท่ามกลางอสนีบาตฟาดทั่วนภา ‘อา...ช่างจิตใจคับแคบยิ่งนัก ข้าเพียงกัดไปคำหนึ่ง เผื่อได้รับพลังเซียนโดยมิต้องบำเพ็ญเพียรให้เหนื่อยเท่านั้น’ เสียงของเล่ออันลอยละล่องพร้อมร่างงามระหงที่ถูกขับไล่จากสวรรค์ สถานที่ลงทัณฑ์คือธรณีพื้นพิภพธรรมดา หากแต่กลับมีพวกบาปหนาไม่ธรรมดาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก การเดินทางของอสนีบาตฟาด รวดเร็วยิ่งกว่าแสง อากาศรอบกายกรีดผิวเนื้อจนแทบขาดวิ่น เล่ออันกระเด็นตกลงมายังโลกมนุษย์ในพริบตา ยามที่ร่างของสาวน้อยกระแทกพื้นดินเกิดเสียงตุ้บ เป็นการกระแทกที่รุนแรงทำนางหูอื้อหนักยิ่ง สาวน้อยให้รู้สึกดวงตาพร่าเบลอสมองมึนงงชั่วขณะ ครั้นตั้งสติได้พลันพบว่าไม่มีเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว เฟินเยว่เทียนเฟยจิตใจคับแคบมากกว่าที่คิด อีกฝ่ายส่งนางมาเกิดใหม่เป็นเด็กกำพร้าหรือไรกัน ถึงขนาดมิให้เสื้อผ้าติดกายมาเลยสักชิ้น! “...!?” เสียงพลั่กดังสนั่นหวั่นไหวเข้าไปถึงโสตประสาท เล่ออันหล่นจากฟ้ากระแทกพื้นพสุธาจนเจ็บจุก ครั้นลุกขึ้นมาได้ก็พบว่าตนเองมิได้ลงมาจุตติในครรภ์ใคร ทั้งมิใช่เด็กทารกวัยแบเบาะอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับเห็นตัวเองเป็นดรุณีวัยสาวสะพรั่ง ซึ่งไม่มีเสื้อผ้าติดกายเลยสักชิ้น นางเป็นหญิงสาวเรือนร่างเปลือยเปล่า มีเพียงเส้นผมสีดำขลับที่ยาวสยายแผ่คลุมแผ่นหลัง นอกนั้นถูกเผยจนสิ้น กระทั่งเนินเนื้อสะโพกผายยอดถันตั้งชัน ทุกสิ่งนั้น ชัดเจนถนัดตา ครั้นเงยหน้าขึ้นจึงพบความจริงอีกประการหนึ่ง นางหล่นลงมากลางกลุ่มบุรุษร่างใหญ่เป็นโขยง “กรี๊ด...” [1]จอมราชันแห่งเทพผู้ปกครองสวรรค์ [2]จอมราชันแห่งเทพผู้ปกครองสวรรค์หรือเง็กเซียนฮ่องเต้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD