หญิงสาวสติไม่ดี

2362 Words
ค่ำคืนที่แสนยาวนานผ่านพ้นไปอย่างยากลำบาก กว่าพะยอมคนใหม่จะหลับลงได้ก็จนใกล้ฟ้าสาง แต่หลับไปได้เพียงไม่กี่ชั่วยาม เธอก็ต้องตื่นขึ้นมาด้วยกลิ่นหอมที่อบอวลไปทั่วห้อง เธอมั่นใจมากว่ามันคือกลิ่นของขนม ร่างเล็กค่อย ๆ ขยับตัวลุกนั่ง แสงจากตะเกียงสว่างพอที่จะทำให้เธอมองเห็นภาพของพี่สาว ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ในครัว และอะไรสักอย่างที่สายหยุดกำลังทำอยู่นั้น คือที่มาของกลิ่นอันแสนหอมหวานที่อบอวลอยู่ในตอนนี้ “กี่โมงแล้ว ทำไมพี่ตื่นเช้าจัง” “มัวนอนตื่นสาย ก็ไม่ทันทำมาหากินกันพอดี เอ็งเถอะ ทำไมตื่นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างแบบนี้” โดยปกติแล้ว สายหยุดทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วถึงจะลุกไปปลุกน้องสาว ให้ออกไปตักน้ำในบ่อด้วยกัน แต่วันนี้เธอยังทำขนมไม่เรียบร้อยเลย พะยอมก็ลุกจากที่นอนเสียแล้ว “มัวนอนตื่นสาย ก็ไม่ทันทำมาหากินกันพอดี” คนเป็นน้องสาวพูดย้อน “เออ ให้มันจริงเถอะ เดี๋ยวนั่งรอข้านึ่งขนมอีกหน่อย เดี๋ยวจะไปตักน้ำกัน เมื่อคืนข้าอาบหมดตุ่มแล้ว” “ตักน้ำ? อย่าบอกนะว่า น้ำที่อาบ เราตักมาจากสระที่ฉันไปกระโดดเมื่อวาน” “เอ็งนี่มันเพ้อเจ้อจริง ๆ ตักมาจากบ่อบ้านยายลำยง แกให้ไปตักมาใช้ได้” ได้ยินแบบนั้นพะยอมก็พอจะเดาได้แล้วว่า คงเป็นเพราะที่นี่ไม่มีน้ำประปาเป็นแน่ ถึงต้องตักน้ำจากบ่อบาดาลมาใช้ หลังจากที่นั่งรอพี่สาว จนเธอจะหลับอีกรอบสายหยุดก็จัดการกับข้าวของเรียบร้อยพอดี “อยากรีบตื่นขึ้นมาสิ ไป ไป ไปตักน้ำกัน” สายหยุดเดินนำน้องสาวลงบ้านไปหยิบคุไม้ไผ่ ก่อนจะตรงไปที่บ่อน้ำหลังบ้านยายลำยง “ทำไมเอาถังมาแค่ใบเดียว มีแค่ใบเดียวเหรอ” พะยอมเอ่ยถาม เมื่อเห็นพี่สาวถือภาชนะสำหรับตักน้ำมาเพียงใบเดียว “เออ... ก็ปกติข้าตักคนเดียว จะมีทำไมเยอะแยะ” พะยอมมุ่นคิ้วด้วยความสงสัย เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนไม่ยอมทำอะไร ไม่รู้เพราะขี้เกียจ หรือเพราะอะไรกันแน่ แล้วทำไมพี่สาวของเธอที่ดูจะเป็นคนปากจัดขนาดนี้ ถึงได้ยอมเสียได้ พะยอมมองดูพี่สาวทำการตักน้ำ โดยการเอาหูหิ้วของคุไม้ไผ่คล้องกับขอ แล้วหย่อนตัวคุไม้ไผ่ลงบ่อไป จากนั้นก็หมุนชักคุไม้กลับขึ้นมา “ให้ฉันช่วยไหม” พะยอมเห็นพี่สาวจัดการชักน้ำขึ้นมาแล้ว เธอนั้นยังไม่ได้ทำอะไรเลย จึงเสนอตัวว่าจะช่วยพร้อมกับเดินเข้าไปหาสายหยุด “ไม่ต้องหรอก แค่นี้เอง” แต่สายหยุดก็ไม่ยอมรับความช่วยเหลือ สองพี่น้องเดินไปเดินมาจากบ้านมาบ่อน้ำอยู่หลายรอบ จนกระทั่งน้ำเต็มตุ่มโดยที่สายหยุดทำเองเพียงคนเดียว เพราะไม่ยอมให้น้องช่วยเลยแม้แต่เที่ยวเดียว นั่นยิ่งทำให้พะยอมสงสัยว่าเป็นเพราะอะไรกัน เธอเป็นคนขี้เกียจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เธอเอาเปรียบพี่สาวที่แสนดีของตัวเองขนาดนี้ได้ยังไงกัน “เดี๋ยวเอ็งอาบน้ำเลยนะ ข้าจะเอาแกงปลาไปฝากยายยงหน่อย ปลาพวกนี้เขาให้มา ไอ้จุกมันชอบกินด้วย รีบอาบเลยนะ แล้วก็อย่าเล่นน้ำจนหมดด้วย” พะยอมพยักหน้ารับ เธอรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกมานั่งรอพี่สาวที่แคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นขี้เหล็กหน้าบ้าน เมื่อสายหยุดเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว สองสาวจึงได้พากันออกจากบ้าน พะยอมเดินตามสายหยุดต้อย ๆ เธอไม่รู้หรอกว่าตลาดที่ว่านั้นไกลแค่ไหนกัน แต่คิดว่าคงไกลพอ ๆ กับโรงพยาบาลที่เธอตื่นขึ้นมาเจอเป็นที่แรกแน่ ๆ “ให้ฉันช่วยไหม แบกของตั้งเยอะไม่หนักหรือไง” พะยอมรู้สึกไม่สบายใจนัก ภาพข้างหน้าเธอนั้นเป็นภาพสาวร่างเล็ก หาบกระบุงบนไม้คาน ของข้างในกระบุงทั้งสองหนักพอควร หากดูจากไม้คานที่แดะจนแทบจะหักนั้น “ตั้งแต่ข้าขายของ เอ็งไม่เคยเอ่ยปากอยากช่วยสักที วันนี้เป็นอะไรขึ้นมา ถึงนึกอยากจะช่วย” คนเดินนำเอ่ยถาม เท้าเล็ก ๆ ยังคงเดินต่อไปอย่างไม่หยุด “ฉันไม่เคยช่วยพี่เลยเหรอ?” พะยอมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ เท่าที่ได้สัมผัสกับสายหยุดที่อ้างว่าเป็นพี่สาว พะยอมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างดีกับเธอเหลือเกิน แม้จะบ่นเก่ง ด่าเก่งไปบ้าง แต่ไม่เคยปล่อยให้เธอลำบากเลย กับข้าวก็เป็นคนทำ น้ำที่ต้องเดินไปตักจากบ่อของยายลำยง ก็เป็นคนเดินตักเองคนเดียว ไม่ออกปากใช้เธอสักคำ แม้แต่ตอนนี้ขนมที่ทำเองคนเดียวตั้งแต่เช้า ถึงยามต้องหาบไปขาย ก็ยังทำเองไม่เอ่ยปากใช้น้องสาวที่ดูจะไม่ได้ทำอะไรอย่างเธอเลย “โอ๊ย… เอ็งไม่ต้องมาอยากช่วยข้าหรอก ถ้ากลัวข้าจะเหนื่อย ก็อย่าดื้อให้มันมาก ไปนั่งอยู่กับข้าที่ตลาด อย่าแอบหนีไปเล่นซนที่ไหนก็พอ” พะยอมรู้สึกถึงความผิดปกติของคำพูดจากพี่สาว ‘ทำไมพูดอย่างกับเราเป็นเด็กเลยนะ’ “นี่ฉันอายุเท่าไหร่แล้ว” พะยอมตัดสินใจเอ่ยถามความคับข้องใจออกมาทันที “สิบแปด เอ็งจะถามไปทำไม จะถามอะไรนักหนา ตั้งใจเดินจะได้ถึงตลาดเร็ว ๆ ข้าหนัก!!” “ให้ฉันช่วยไหมล่ะ” พะยอมเดินไปขวางหน้าพี่สาว โดยตั้งใจจะช่วยหาบขนม “อีพะยอม!! หลบไป ข้ารีบ” “ไม่ ฉันอยากช่วย” “ข้าบอกให้หลบไป!!!” กลายเป็นว่า สองสาวยื้อแย่งกันไปมา แม้ว่าพี่สาวจะเบี่ยงตัวหลบไปซ้าย พะยอมก็ขยับไปตาม ขยับมาทางขวา คนอยากช่วยก็ขยับตามมาขวางอีกเช่นกัน “อีพะยอมข้าจะล้ม ถ้ากระบุงคว่ำข้าจะฟาดเอ็งให้หลังขาดเลยนะคอยดู!!” พี่สาวร้องขู่ หวังจะให้น้องปล่อยมือจากไม้คาน “ไม่!! ถ้าพี่ไม่ให้ฉันหาบบ้าง ฉันก็ไม่ปล่อย” สายหยุดถอนหายใจอย่างเอือมระอา ก่อนจะค่อย ๆ ย่อตัวลงแล้ววางหาบขนมลง “อยากลองนักก็เอา ถ้าเอ็งทำขนมข้าตกแม้แต่ชิ้นเดียวนะ ข้าจะฟาดเอ็งด้วยไม้คานนี่แหละ!!” สายหยุดร้องขู่น้องสาวอย่างใกล้ชิด ส่วนพะยอมนั้นก็ค่อย ๆ ประคองยกคานหาบอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่เพราะกลัวจะถูกฟาดด้วยไม้คานหาบตามคำขู่ของสายหยุด แต่เพราะเห็นว่าพี่สาวตั้งใจทำขนมในหาบนี้มาก ๆ หากเธอทำหกไป เธอคงรู้สึกผิดมากแน่ ๆ “พอ ๆ เป็นไง ข้าบอกแล้วว่ามันหนักเอ็งก็ไม่เชื่อ วาง ๆ ข้าจะทำเอง” แม้ว่าพะยอมจะยกหาบขึ้นได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ดูจากอาการสั่นก็รู้ว่าคนหาบกำลังหนัก ตั้งแต่โตมาสายหยุดไม่เคยใช้น้องทำอะไรเลย เธอมักจะทำทุกอย่างให้กับพะยอมไปเสียหมด เพราะเธอสงสารน้องสาวที่เกิดมาไม่สมประกอบ “ไม่เป็นไร ฉันยกไหว เดี๋ยวค่อยผลัดกัน” แต่คนเป็นน้องก็ไม่ยอมเช่นกัน ไม่ฟังคำของพี่สาว ทั้งยังแบกหาบหนีไปดื้อ ๆ “มาแนวไหนของมันอีก เฮ้อ..” เพราะไม่ค่อยอยากจะเถียงกับพะยอมให้หงุดหงิดแต่เช้า เดี๋ยวไปนั่งหน้างอขายของแล้วจะดูไม่ดี สายหยุดจึงต้องยอมเดินตามน้องสาวไปแต่โดยดี พะยอมหาบมาได้ไกลพอสมควร สุดท้ายสายหยุดก็แย่งเอาหาบคืนไปจนได้ สุดเส้นทางท้องทุ่งท้องนา ก็เข้าเขตหมู่บ้าน ตลาดอยู่ข้างวัดใจกลางหมู่บ้าน ชุมชนแห่งนี้ค่อนข้างคึกคักเนื่องจากมีแม่น้ำใหญ่ตัดผ่าน ทำให้มีเรือขนสินค้าแวะเวียนมาพร้อมกับคนต่างถิ่น สายหยุดจะนั่งขายประจำอยู่ข้างกำแพงวัด ลูกค้าที่รู้ข่าวว่าสายหยุดอยู่ห่างกับสามี ส่วนใหญ่ก็แวะมาเหย้ามาแหย่พูดจาเชิงจะชวนเธอหนี แต่สายหยุดนั้นไม่เคยสนใจใคร บุญคุณของเทิดที่มีกับเธอนั้นมากพอที่จะขังเธอเอาไว้ในความซื่อสัตย์ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเทิดไม่ได้มีเธอเป็นเมียเพียงคนเดียว อีกทั้งยายลำยงก็ดีกับเธอและน้องสาวมาก คงจะทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้ “อ้าวอีพะยอม เขาลือว่าไปนอนเป็นลมเป็นแล้งอยู่กลางทุ่งกลางท่า นึกว่าตายห่าไปแล้ว” เสียงแม่ค้าแผงข้าง ๆ ร้องทัก พะยอมที่กำลังช่วยพี่สาวจัดร้าน เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ละมือแล้วหันไปมองทันที ‘มนุษย์ป้านี่มันมีอยู่ทุกที่จริง ๆ’ “อะไรนะ?” เธอย้อนถาม “เห็นเมื่อวานมีคนวิ่งมาบอกอีสายหยุดว่าเอ็งไปนอนหลับอยู่กลางนา ข้านึกว่าเอ็งตายห่าไปแล้ว” “อ๋อ ถ้าเป็นห่วงก็ขอบใจ แต่เป็นห่วงตัวเองเถอะ แก่ขนาดนี้แล้ว จะตายวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่รู้” พะยอมลุกยืนขึ้น ก่อนจะตะโกนตอบเสียงดังลั่น จนทำให้แม่ค้าแม่ขายคนอื่น ๆ ต่างพากันหันมามอง “พะยอม...” สายหยุดหันไปคว้าแขนน้องสาว เธอตกใจไม่น้อยที่อยู่ ๆ น้องสาวก็พูดออกไปแบบนั้น “อีพะยอม มึงแช่งแม่กูรึ” ยุพินลูกสาวยายพิไล ที่ตั้งร้านอยู่แผงถัดไปและมักจะว่าแขวะ ว่าคว้านให้สายหยุดอยู่เสมอ หรือหากวันไหนสายหยุดพาพะยอมมาด้วย สองแม่ลูกก็จะร้องว่าให้พะยอมไม่หยุด เรื่องที่เธอสติไม่สมประกอบ “แม่มึงเหรอ สั่งสอนแม่มึงบ้างสิ ว่าอย่ามาปากหมาใส่คนอื่น” พะยอมไม่ยอมนั่งลงอย่างที่สายหยุดตั้งใจ มิหนำซ้ำเธอยังสะบัดมือพี่สาวทิ้ง แล้วปรี่เข้าไปประชิดยุพินอย่างเอาเรื่อง “อีพะยอม แม่กูรุ่นไหน มึงรุ่นไหนอย่ามาลามปามนะโว้ย อีสายหยุด น้องมึงเป็นบ้าก็เอามันล่ามโซ่ไว้บ้านสิวะ อย่าให้มันเที่ยวมาอาละวาดใส่คนอื่นแบบนี้” ยุพินหันไปร้องบอกกับสายหยุด คนเป็นพี่รีบวิ่งมาคว้าตัวน้องเอาไว้เพราะกลัวเรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้ แม้ว่าพะยอมจะไม่เคยทำร้ายใคร แต่วันนี้ก็ดูจะไม่แน่เหมือนกัน “ฉันขอโทษด้วยนะจ๊ะ ช่วงนี้พะยอมมัน... ไม่ค่อยสบาย” สายหยุดรีบหันไปยกมือไหว้ขอโทษ ที่เธอต้องทำแบบนั้น ก็เพราะไม่อยากมีเรื่องมีราว เดี๋ยวจะกระทบกับอาชีพแม่ค้าที่ทำอยู่ เกิดโดนไล่ที่จะไปหาที่ขายใหม่ก็ไม่ใช่จะง่าย แถมขายอยู่ที่นี่ค่าเช่าก็ไม่แพง “ทำไมต้องขอโทษคนพวกนั้นด้วย พี่ก็เห็นว่ามันพูดไม่ดีกับฉันก่อน” พะยอมโวยขึ้นทันที เธอไม่เข้าใจว่าพี่สาวจะกลัวคนพวกนี้ทำไม ลูกสาวก็ตัวเล็กนิดเดียว ส่วนคนแม่ก็แก่จนดูจะไม่มีเรี่ยวมีแรงอยู่แล้ว ถ้าต้องปะทะกันจริง ๆ เธอกับพี่สาวต้องเอาอยู่อย่างแน่นอน “มา ๆ มานั่งที่เรา” “ไม่ได้ อีพะยอม!! มึงต้องกราบตีนขอโทษแม่กูก่อน” พอสายหยุดพาน้องสาวหันหน้าเดินกลับที่ตัวเอง แต่ยุพินรีบคว้าแขนของพะยอม แล้วกระชากให้หันกลับมา “ทำไมกูต้องทำด้วย?” พะยอมสะบัดแขนออกจากมือของยุพิน พร้อมกับจ้องตาอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว จนกลับกลายเป็นยุพินเสียอีกที่รู้สึกขนลุกซู่เกรงกลัวพะยอม เธอเองก็เดาใจอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าพะยอมเป็นบ้า เกิดคลุ้มคลั่งทำร้ายตนขึ้นมา จากหน่วยก้านสูงยาวของอีกฝ่ายเทียบกับร่างเล็ก ๆ ของตนแล้วมันดูจะสู้กันไม่ได้เลย “กะ... กูจะไม่ถือสาคนบ้าก็แล้วกัน” ยุพินกล่าวก่อนจะรีบวิ่งกลับไปหาแม่ พะยอมหันกลับไปหาพี่สาวแล้วเดินตรงไปนั่งที่ตัวเองด้วยอามณ์หงุดหงิด แต่เพียงครู่หนึ่งที่ใจเริ่มเย็นลงแล้ว คำพูดของยุพินก็ย้อนกลับเข้ามาในความคิด ‘กูจะไม่ถือสาคนบ้าก็แล้วกัน’ หรือว่า... ‘ที่เราไม่ทำอะไรเลย แถมยังชอบหนีไปสร้างเรื่องวุ่นวาย มันเป็นเพราะเรา... เป็นบ้าเหรอ’ “พี่... ฉันเป็นบ้าเหรอ” อยู่ ๆ พะยอมก็เอ่ยถามขึ้น สายหยุดได้แต่อึกอัก เพราะน้องสาวไม่เคยถามแบบนี้สักที และถึงพะยอมจะเป็นแบบนั้นจริง เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะให้คำตอบกับคนถามอย่างไรดี “ทำไม... เอ็งถามอย่างนี้เล่า” “ก็อีปากปีจอที่ขายผัก มันบอกฉันเมื่อเช้า แล้วฉันมาคิด ๆ ดูแล้ว เท่าที่พี่บอกฉัน ฉันก็ดูไม่ปกติจริง ๆ ไม่ช่วยพี่ทำอะไรเลย แถมยังสร้างแต่ปัญหา สรุปคือฉันเป็นบ้าจริง ๆ ใช่ไหม” พะยอมพยายามจี้ถามเอาคำตอบ แต่สีหน้าของพี่สาวที่แสดงออกมานั้นตอบทุกอย่างมาชัดเจนแล้ว แม้จะไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำก็ตาม พะยอมถอนหายใจออกมาหวังจะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ‘เป็นใครก็ไม่รู้ ก็แย่พอแล้ว ไอ้ใครที่กำลังเป็นอยู่ดันเป็นคนบ้าอีก โว้ย อยากจะบ้าตาย’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD