So Sorry 02

1520 Words
ลูกน้องของเสี่ยประคองฉันขึ้นไปบนห้อง ระหว่างทางเดินฉันแทบจะไม่มีเรี่ยวแรง ฉันถูกอุ้มพาดขึ้นบ่าจนถึงหน้าห้อง ประตูห้องเปิดออก ร่างบางถูกกระแทกกับเตียงโดยแรงเหวี่ยงของคนที่อุ้มฉัน "หน้าตาก็สวยนี่หว่า ไหนๆก็ไหนๆละกูขอลองก่อนละกัน" ผู้ชายตรงหน้าขึ้นคร่อมตัวฉัน น้ำหนักตัวเขาทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดตัว มือฉันถูกรวบกุมไว้เหนือหัว "มึงจะทำอะไร!" อาการเพลียและเวียนหัวแทบจะทำให้ฉันไม่มีแรงแม้แต่โต้ตอบผู้ชายคนตรงหน้าได้ เสื้อนักศึกษาที่ฉันใส่ถูกแรงกระชากจนกระดุมหลุดออกจากตัวเสื้อหมด เผยให้เห็นบราปีกนกที่ฉันใส่ไว้ เนินอกถูกสัมผัสด้วยฝ่ามืออุ่นๆจากชายคนตรงหน้า เสี่ยรันเวย์เขาอยู่ที่ไหนเขาจะรู้บ้างไหมว่าลูกน้องก็เลวๆพอกันกับเขา Runway says... 'แก๊รก!' ผมเคลียร์เรื่องสินค้าเลยทำให้ขึ้นห้องช้า ผมเปิดประตูเข้าห้องกลับเห็นไอ้ไทค์ลูกน้องผมนั่งคร่อมเกี๊ยวอยู่บนเตียง ผมตรู่เข้าไปลากคอให้มันลงจากตัวเธอ 'ผัวะ!' ผมซัดหน้าลูกน้องที่ขึ้นชื่อในด้านความซื่อสัตย์ขของตัวเอง ไม่คิดว่ามันจะหน้ามืดตามัวมายุ่งกับคนของผม! "มึงทำแบบนี้ทำไม!ไอ้ไทค์ กูอุตสาห์ไว้ใจมึงแต่มึงตอบแทนคุณกูแบบนี้หรอไอ้ระยำ!" "นายครับ ผมขอโทษผมผิดไปแล้ว" คนตรงหน้ายกมือแทบปานจะกราบเท้าผม เหตุผลอะไรผมไม่อยากจะฟังเพราะมันน่ารำคาญ! "ในเมื่อมึงทำแบบไม่คิด กฏของกู!คือการทำให้มึงตาย!" ผมกระชากคอเสื้อมันเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะเปิดฝาชักโครกแล้วกดหัวมันลงไป ร่างกายที่ทุรนทุรายต้อต้านแรงที่กดหัวตัวเองไว้อย่างน่าสมเพช ผมจิกหัวมันให้เงยหน้าสบตาผม แววตาที่เหม่อลอยจากการขาดอากาศหายใจ ผมยังไม่อยากฆ่ามันตอนนี้หรอกยังมีงานสำคัญที่ผมแทบไม่ต้องออกแรงมันก็ตายได้ง่ายๆ "นะ นายปล่อยผมไปเถอะ" "นายครับผมมาแล้วครับ" มาได้จังหวะเวลาพอดี ไอ้เต้ยลูกน้องอีกคนที่ผมเก็บมันจากสลัมให้มีชีวิตที่ดีขึ้นมีเงินใช้ไม่ต้องแลกกับการไปส่งยาให้ไอ้พวกกุ๋ยข้างถนน "มึงมาก็ดี เอาตัวไอ้ไทค์ออกไปไกลๆกู!" ไอ้เต้ยเข้าไปประคองไอ้ไทค์ที่นอนกองอยู่บนพื้นก่อนจะพาตัวออกจากห้องผมไป ผมเดินออกจากห้องน้ำก็เห็นเกี๊ยวนอนตัวสั่นหันหลังให้กลับผมอยู่บนเตียง "ดีใจไหมละมึง เกือบได้ผัวใหม่อีกคน" คำพูดของผมทำให้เธอหันหลังกลับมาเผชิญหน้า แววตาที่แดงกร่ำผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ "มึงกับลูกน้องก็เลวทั้งคู่นั้นแหละ!" "ทำปากดีไปเถอะมึง เลิกทำตัวสำออยต่อหน้ากูแล้วไปอาบน้ำแต่งตัว" "มึงจะพากูไปไหน" "กูสั่งให้ทำอะไรก็ทำ! กูเตือนให้มึงเลิกคิดหาทางหนีเถอะ เพราะยังไงแล้วคนของกูก็จะไปลากคอมึงกลับมาอยู่ดี" นั่นคือคำเตือนที่ผมเตือนเธอไว้ก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงหมุนตัวเข้าห้องไปนอนพักผ่อน คืนนี้ยังมีเรื่องที่ผมต้องสะสางอีกเยอะ คงไม่มีเวลามานั่งเถียงกับเกี๊ยวหรอก ฉันนอนมองแผ่นหลังของเขาก่อนจะเลี้ยวเข้าห้องนอน ฉันยกมือกุมขมับเพราะอาการปวดหัวมันรุมเร้าทวีขึ้นเรื่อยๆ ฉันเลยประคองตัวเองให้เข้าไปอาบน้ำ หากอาบน้ำฉันคงจะรู้สึกดีจากอาการปวดหัวขึ้นมาบ้าง น้ำที่ไหลจากฝักบัวชโลมโดนบาดแผลฉันจนแสบไปหมด ตั้งแต่กลับมาจากมอ.ฉันก็ยังไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ อีกทั้งไหนคืนนี้เสี่ยรันเวย์ยังจะพาฉันไปข้างนอกอีก TAME 20:00 P.M. เมื่อถึงเวลาตามที่กำหนด เสี่ยรันเวย์สั่งให้ลูกน้องพาฉันไปที่รถโดยที่เขากลับไปขึ้นรถอีกคัน ฉันนั่งเบาะหลังโดนมีลูกน้องสองคนประกบฉันซ้ายขวา ความรู้สึกอึดอัดจากชุดที่ใส่เลยทำให้ฉันขยับตัวได้เพียงทีละน้อยนิด "เสี่ยรันเวย์ไปไหน" ฉันเอ่ยปากถามหลังจากที่นั่งอมทุกข์อยู่นานพอสมควร "นายไปอีกคัน" เสียงตอบรับจากลูกน้องข้างฝั่งคนขับมองหน้าฉันผ่านกระจกหลัง "แล้วทำไมไม่มาคันเดียวกันกับฉันละ" "ไม่ต้องถามมาก! ถึงเวลาเดี๋ยวเธอก็รู้เอง" เสียงตวาดดังจากคนที่นั่งประกบข้างฉัน ยิ่งฉันถามมากเท่าไหร่ดูเหมือนโอกาสจะหนีของฉันน้อยลงขึ้นมากทุกที ฉันเลยเลือกที่จะนั่งเงียบแทนจะถามคำถามที่ค้างคาใจ 'เอี๊ยด!' คนขับรถเบรกกระทันหันหลังจากที่รถสปอร์ตสีเทาขับดักหน้ารถฉันไว้ ชายร่างสูงถือปืนลงจากรถตรงดิ่งมาหา "หมอบลงไปแล้วเงียบๆไว้" ฉันถูกผลักให้ก้มลงไปนั่งตรงมุมหลังเบาคนขับ ผ้าห่มพื้นใหญ่คลุมร่างฉันไว้ 'ปั้ง!' 'ปั้ง!' 'ปั้ง!' เสียงปืนที่กระหนำยิง ฉันสั่นไปหมดเพราะไม่รู้ว่าเสียงปืนที่ดังจะเป็นฝ่ายไหนถูกยิง หากเป็นฝ่ายตรงข้ามก็คงจะดีแต่ถ้าเป็นฝ่ายของฉันละ สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือนั่งให้เงียบที่สุดเหมือนว่าบนรถไม่เหลือคน ผ่านไปหลายนาที เสียงปืนก็เงียบลงฉันเลยดึงผ้าห่มให้ออกจากตัวก่อนจะเปิดประตูรถ ฉันเบิกตาโตกว้างทันทีที่เห็นสภาพลูกน้องเสี่ยรันเวย์นอนจมกองเลือด "ยกมือขึ้นถ้าไม่อยากเจ็บตัว!" เสียงเข้มดุดันสั่ง มือที่ประสานกันยกไว้ท้ายทอยฉันค่อยๆหันไปด้านหลัง "เธอเป็นใคร! มากับพวกนี้ได้ยังไง" ปืนที่บรรจุกระสุนเต็มกระบอก เพียงแค่เหนี่ยวไกฉันคงจะเป็นอีกศพที่ลงไปนอนกองแบบเดียวกันกับลูกน้องของเสี่ยรันเวย์ "......." "ฉันถาม! เธอไม่มีปากรึไง" "ใจเย็นๆก่อน ฉันต้องการเจรจากับลูกพี่ของนาย" ฉันไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไป แต่การเจรจาคงจะเป็นทางเดียวที่ทำให้ฉันมีเปอร์เซ็นรอดแล้วกลับไปหาเสี่ยรันเวย์ได้มากที่สุด "เธอต้องการเจรจากับฉันงั้นหรอ" ประตูรถถูกเปิดออก ชายร่างสูงผิวขาวภายใต้ชุดสูทสีดำแขนข้างขวาเต็มไปด้วยรอยสักมังกรอมลูกแก้ว เขามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า "พวกมึงขึ้นไปรอกูบนรถก่อน" เขายกมือไล่ให้ลูกน้องกลับไปขึ้นรถ ไฟหน้ารถส่องตรงมาที่ฉันยังดีที่เขายืนตรงหน้า ไฟหน้ารถเลยกระทบกับแผ่นหลังเขาแทน "คุณเป็นใคร" "ทำไมฉันต้องบอกเธอด้วยละ" "คุณไม่บอกแล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง" ฉันยืนเผชิญตัวต่อตัว ทั้งที่ฉันแทบจะไม่รู้จักแต่ฉันกลับยืนด่าเขาแบบไม่เกรงกลัว "ฮ่าๆ เธอนี่มันดุเป็นบ้าเลยนะ เอาเถอะแต่ก็น่ารักดีฉันชอบ" เขายิ้มแสยะมุมปากจ้องฉัน เขาไม่เหมือนกับพวกนักเลงหรือพวกนักฆ่าที่คอยทำตามคำสั่ง ก็แหง่ละเขาเป็นเจ้านายพวกนั้นจะให้เหมือนกันได้ไง "ไม่ต้องมาหว่านล้อมฉัน!" ฉันหันหน้าหนีไปทางอื่นถึงจะไม่รู้จักกันแต่พอเขาพูดแบบนี้ฉันก็รู้สึกเขินขึ้นมาบ้าง "ดูแล้ว เธอคงจะเป็นเด็กไอ้รันเวย์สินะ" ฉันหันกลับไปมองทันทีที่เขาเอ่ยชื่อเสี่ยรันเวย์ออกจากปาก เขาขบกามตัวเองหลังจากที่พูดชื่อเสี่ยรันเวย์ เขาสองคนรู้จักกันงั้นหรอ.. "คุณรู้จักเสี่ยรันเวย์ด้วยหรอ" "ก็แหง่ละ คนเลวๆแบบมันทำไมจะไม่มีคนรู้จักละ" "นายครับ ไอ้รันเวย์กำลังจะผ่านมาเส้นทางนี้" ฉันไม่ทันจะเอ่ยปากถามคำถาม ลูกน้องเขาก็วิ่งมาหาก่อนจะพากันเดินขึ้นรถ "แล้วฉันจะได้เจอคุณอีกไหม" ฉันตะโกนถามแผ่นหลังที่ก้าวเท้าขึ้นรถ เขาหยุดชะงักฝีเท้าแล้วหันหลังกลับมามองฉัน "แน่นอนสิ แล้วเราจะได้เจอกันอีก" รถยนต์เคลื่อนตัวด้วยความเร็วหลังจากที่เขาขึ้นไปนั่งบนรถ ความมืดค่อยๆเข้าครอบงำฉันจนไม่เห็นแม้แต่เงา Geaw says... ฉันนอนมองแผ่นหลังของเขาก่อนจะเลี้ยวเข้าห้องนอน ฉันยกมือกุมขมับเพราะอาการปวดหัวมันรุมเร้าทวีขึ้นเรื่อยๆ ฉันเลยประคองตัวเองให้เข้าไปอาบน้ำ หากอาบน้ำฉันคงจะรู้สึกดีจากอาการปวดหัวขึ้นมาบ้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD