@ KING UNIVERSITY
"จะไม่ไปด้วยกันจริงๆ เหรอครีม"
"เอาไว้อาทิตย์หน้านะ เงินเดือนออกฉันจะไปกับแก" ฉันเอ่ยบอกควีนเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ หลังจากที่ถูกชวนไปเดินห้างตั้งแต่เมื่อเช้า กระทั่งเรียนเสร็จช่วงบ่ายควีนก็ยังไม่ละความพยายาม
"ถ้าจะบอกว่าให้ยืมชอปก่อนแกก็ไม่เอาอยู่ดี"
"อาฮะ" ฉันพยักหน้าหงึกหงัก
"ถ้าอย่างนั้นอาทิตย์หน้าฉันค่อยไปเดินกับแกก็ได้"
"แล้วไหนบอกต้องรีบไปเอาโทรศัพท์ไง"
"ช่างเถอะ ไม่อยากได้แล้ว" ควีนทำหน้าเซ็งแล้วรวบชีทงานขึ้นถือไว้แนบอก "กลับไปกรอกข้อมูลยื่นขอฝึกงานดีกว่า เดี๋ยวแกไม่รอฉัน"
พูดถึงเรื่องฝึกงาน ฉันก็เลี่ยงไม่ได้ ต้องไปฝึกงานที่บริษัทของพี่ชายควีนตามที่เธอขอไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ฉันไม่ได้ทำงานเก่งโอเว่อร์กว่าคนอื่นแต่อย่างใด แต่ควีนนั่นแหละที่กลัวไม่มีเพื่อนแล้วขอให้ฉันไปฝึกที่เดียวกัน
"ได้ข่าวว่าเป็นบริษัทพี่ชายแก ต่อให้แกยื่นปีหน้าก็ได้ฝึกปะ"
"เหอะ! นี่ยิ่งเรียนโง่ๆ อยู่ด้วย ถ้าไร้ความผิดชอบเข้าไปอีกเฮียคิงได้ฆ่าฉันตายแน่"
ถึงควีนจะพูดแบบนั้นแต่เธอกลับยิ้มทะเล้นแสดงออกว่าไม่ได้เป็นอย่างที่พูด ฉันล่ะโคตรอิจฉาเพื่อนคนนี้ ร่ำรวย เรียกว่าเกิดมาบนกองเงินกองทองเลยก็ว่าได้ สุขสบายจนไม่มีความทุกข์ร้อนอะไร แถมยังเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ดีกับฉันเสมอต้นเสมอปลายด้วย
จริงๆแล้วใช่ว่าฉันจะมีควีนเป็นเพื่อนแค่คนเดียวหรอกนะ แต่ที่สนิทก็เห็นจะมีแค่ควีนนี่แหละ เพราะเป็นเวลาเกือบสี่ปีที่เรียนอยู่ที่นี่เวลาก็ค่อยๆ คัดคนไม่ดีออกไป จนเหลือเพื่อนที่สนิทจริงๆ แค่ควีน
17.30น.
@ ร้านBisou
สองเท้าเล็กย่างกรายเข้าไปในร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสใจกลางเมือง ซึ่งร้านอาหารร้านนี้เป็นของคุณเพชร พี่สาวของพี่นินพี่รหัสของฉันเอง ทุกวันพฤหัสฯถึงวันเสาร์ฉันจะมาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ เพราะถึงแม้ว่าพ่อแม่จะส่งเสียฉันให้ใช้เงินไม่ขาดมือ ทว่าค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นตามเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน ถ้าฉันขอแม่ใช้ทั้งหมดค่าใช้จ่ายของแม่ก็คงหนักเอาเรื่อง กว่าจะเรียนจบน่าจะต้องขายสวนทุเรียนภูเขาไฟที่บ้านไปหลายไร่
"พี่เชียร์ สวัสดีค่ะ วันนี้เป็นยังไงบ้างลูกค้าเยอะไหมคะ" ฉันเอ่ยทักทายพี่เชียร์ผู้จัดการร้านที่กำลังเช็กไวน์หันมาตอบฉันด้วยรอยยิ้มหวาน
"ลูกค้าไม่เยอะแต่ยุ่งนิดนึงจ้ะน้องครีม พอดีตอนเย็นเพื่อนคุณเพชรมีมีทติ้งที่นี่เลยต้องเตรียมหลายอย่าง"
"อ่อค่ะ ถ้าอย่างนั้นมีอะไรให้หนูช่วยบอกได้เลยนะคะ"
"จ้า ขอบใจมาก"
"อ้าวน้องครีมมาแล้วเหรอลูก" ระหว่างนั้นพี่ฮันนี่ก็เดินออกมาเจอกับฉันพอดี ฉันจึงรีบยกมือขึ้นไหว้พี่เขา
"สวัสดีค่ะพี่ฮันนี่ วันนี้หนูเลิกเรียนเร็วค่ะเลยมาถึงไว"
"ดีมากเลย พอดีคุณเพชรสั่งเอาไว้ ว่าถ้าน้องครีมมาถึงให้เข้าไปหาในห้องทำงาน เห็นบอกว่ามีเอกสารให้ช่วยแปล"
"โอเคค่ะ งั้นหนูไปก่อนนะคะแล้วจะรีบลงมาช่วยหน้าร้านค่ะ"
"จ้า ไปเถอะ"
หลังจากทักทายพี่ๆ พอหอมปากหอมคอแล้ว ฉันจึงรีบเดินขึ้นไปที่ชั้นสามของร้านเพื่อไปหาคุณเพชรในห้องทำงานทันที
ก๊อก! ก๊อก!
"เข้ามาจ้ะ"
ฉันเคาะประตูห้องทำงานของคุณเพชรเพียงสองครั้งเสียงอนุญาตก็ดังแววมาจากข้างในห้อง พอประตูบานใหญ่ผลักเข้าไปก็พบกับคุณเพชรที่กำลังง่วนอยู่กับการหาเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงาน ด้วยทางทางเคร่งเครียด
"คุณเพชรเรียกใช้งานครีมเหรอคะ"
"ใช่แล้วจ๊ะ พี่อยากให้เรามาช่วยหาเอกสารบนโต๊ะนี่หน่อย เป็นสัญญาจ้างงานของนิวตันนะ"
"คุณนิวตัน เชฟที่ลาออกไปแล้วนั่นเหรอคะ"
"ใช่จ้ะ มันลาออกไปเฉยๆ พี่ไม่ว่าหรอกนะ แต่นี่มันดันเอาสูตรอาหารที่พี่คิดค้นของร้านเราไปด้วย พี่นะโคตรโมโหเลย มันทำผิดสัญญาแบบนี้พี่ก็เลยจะฟ้องมัน แต่ต้องหาสัญญาจ้างของมันให้เจอ พี่เลยเรียกครีมมาช่วยนี่แหละ"
คุณเพชรโพล่งขึ้นด้วยอารมณ์โมโห ดูจากเอกสารที่กระจัดกระจายตั้งแต่บนโต๊ะยันพื้นพรมแล้ว ท่าทางจะโกรธมากจริงๆ
"ถ้าอย่างนั้นหนูช่วยหานะคะ ในเอกสารเขาชื่อว่าอะไรคะ..." ฉันจึงไม่กล้าถามอะไรมาก นอกจากถามชื่อของเชฟนิวตันแล้วช่วยรื้อหาเอกสารกองเท่าภูเขาตรงหน้าอย่างละเอียด
สักพักต่อมา
"เจอไหมครีม"
"ยังไม่เจอเลยค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นวันนี้ครีมไม่ต้องลงไปทำงานหน้าร้าน ช่วยพี่หาเอกสารฉบับนั้นให้เจอก็พอ"
"ก็ได้ค่ะ" ฉันรับปากด้วยรอยยิ้มหวาน ส่วนคุณเพชรก็หยิบเครื่องสำอางออกมาแต่งแต้มลงบนใบหน้า พร้อมสำรวจความสวยของตัวเองในกระจกอย่างเร่งรีบ ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะทำงาน
"พอดีพี่ต้องลงไปหาเพื่อนแล้ว ฝากด้วยนะครีม"
"ได้ค่ะคุณเพชร"
ฝ่ามือนิ่มตีลงที่ไหล่เล็กเบาๆ คล้ายจะให้กำลังใจ ก่อนจะผละออกไป ฉันชะเง้อคอมองตามแผ่นหลังของคุณเพชรจนเจ้านายเดินออกไปพ้นห้อง ตอนนั้นแหละรังสีความกดดันจึงเบาบางลง มือเล็กจึงหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายออกมาเพื่อเปิดเพลงฟังทำลายความเงียบ
แต่หลังจากกดเล่นเพลงในเพย์ลิสโปรดได้ไม่ถึงเพลง เสียงเรียกเข้าจากวิดีโอคอลในแอปพลิเคชันหนึ่งก็ตัดสัญญาณขัดจังหวะ พอฉันหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นแอคเคาน์ของป้าลิ้นจี่ที่โทรเข้ามา พอกดรับสาย ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ฉายภาพคนทางนั้นปรากฏขึ้น แต่คิ้วของฉันก็ต้องขมวดเข้าหากันยุ่งด้วยความตกใจ เมื่อพบกับเป็นพ่อแม่และป้าลิ้นจี่ซึ่งตอนนี้นั่งอยู่กองอยู่กับพื้น แขนพวกท่านถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือ ต่างคนต่างยกมือไหว้ร้องขอชีวิตจากชายฉกรรจ์ที่ถือปืนเล็งมาทางพวกท่าน
"พ่อ แม่ เกิดอะไรขึ้นคะ นี่มันเรื่องอะไรกัน" หัวใจของฉันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เร่งถามด้วยความตื่นตกใจ ภาวนาให้มันเป็นแค่คอนเทนต์
(ครีมเค้กช่วยป้าด้วย อย่าไปยุ่งกับยัยเค้กนะลิ้นจี่ แต่กูไม่ยอมถูกฆ่าตายเหมือนพวกมึงหรอกนะ ครีมเค้กช่วยป้าด้วยลูก โอ๊ย!)
(หุบปาก ไม่มีเงินก็ตายทั้งหมดนี่แหละ)
"พวกแกจะทำอะไรพ่อแม่ฉัน อย่านะ มาคุยกับฉันก่อน!!"
ฉันตะโกนผ่านสายไปอย่างร้อนใจ ตอนนี้มือไม้สั่น ใจสั่นไปหมด เพราะเหตุการณ์ในกล้องมันชุลมุนมาก ก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ตามด้วยเสียงกรีดร้องของแม่และป้าลิ้นจี่ กระทั่งไอ้ผู้ชายหน้าเหี้ยมคนหนึ่งมันเอาหน้าเข้ามาหน้ากล้อง
(พ่อกับแม่มึงเป็นหนี้พ่อกำนันสินอยู่ห้าล้าน ถ้าวันนี้มึงไม่หาเงินมาคืน กูจะส่งพวกมันสามคนไปลงนรก!!)
มันเล็งปืนไปทางทั้งสามคนที่นั่งกองกันอยู่บนพื้น ซึ่งภาพตรงหน้าทำให้ฉันร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ เพราะพ่อของฉันถูกยิงนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น
"พ่อ!! พวกแกยิงพ่อฉันทำไม อย่าทำอะไรพ่อแม่ฉันนะ" ฉันร้อนรนเจรจา ไอ้ผู้ชายหน้าเหี้ยมมันยิ้มเยาะอย่างไร้ความปรานี
(ภายในคืนนี้ถ้ามึงไม่มีเงินมาจ่ายพ่อกำนัน ก็เตรียมมาเก็บศพมันไปได้เลย)
หลังจากนั้นสายก็ถูกตัดไป ท่ามกลางหัวใจของฉันที่เหมือนกำลังถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเบาหวิว แต่ก่อนที่ทุกอย่างตรงหน้าจะมืดดับ ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามาพอดี ร่างกายของฉันจึงถูกรับเอาไว้ไม่ล้มลงไปกระแทกพื้น แต่ภาพตัดไปตั้งแต่ตอนนั้น