แสนเสน่หามายารัตติกาล บทที่1.เปิดม่านราตรี...

1529 Words
เปิดม่านราตรี... เรือนไทยริมน้ำ ถูกทิ้งร้างเพราะเจ้าของสิ้นอายุไขโดยไร้ทายาท มันเป็นเพราะคำสาปของหญิงหนึ่ง เธอถูกทรมานจนตายกลางลานบ้าน คำอาฆาตที่ออกจากปากก่อนสิ้นใจ คือสาปแช่งคนใส่ไคลให้ไร้ทายาทสืบสกุล...พร้อมกับความฉิบหายล่มจม...ความผิดเพียงเพราะ แม่พะยอมแสนงามดันไปต้องตาลูกชายเจ้าของเรือน แต่มารดาของชายหนุ่มไม่ปลื้ม เมื่อมีคู่หมายเตรียมรอไว้ให้บุตรชายไว้ก่อนแล้ว อย่างนี้เศรษฐีแสนกับแม่สายใจ หรือจะยอม ให้บุตรชายโทน หยิบยกบ่าวในเรือนขึ้นมาเคียงข้าง แทนสะใภ้ลูกขุนน้ำขุนนาง พะยอมจึงถูกป้ายสี สร้างเหตุการณ์ให้นทีได้เห็น ว่าหล่อนเป็นแค่หญิงกาลี มั่วผู้ชายไม่เลือกหน้า... นทีน้ำตาตกเมียที่ตัวเองปักใจรัก สมสู่กับชายไม่เลือกหน้า คราบน้ำรักกลางร่างกาย และร่องรอยพิศวาส กลิ่นไอคาวฟุ้งที่เขาเห็นและได้สัมผัสด้วยตาและมือของตัวเอง...ชายหนุ่มหันหลังให้พะยอม เขากินเหล้าหัวราน้ำ และเช้าวันหนึ่งหลังจากพะยอมตายไม่นาน...เขาสิ้นใจคาท่าน้ำหน้าเรือน...เป็นการฆ่าตัวตาย...หรือเป็นเพราะคำสาปแช่งของพะยอม หาได้มีใครรู้ไม่? เหตุการณ์เริ่มลุกลามใหญ่โตขึ้น บ่าวหนุ่มๆ เริ่มตายทีละคนๆ มันนอนตัวแข็งตายในเรือนตัวเอง... แต่กลับไม่นุ่งผ้านุ่งผ่อน และที่สำคัญใบหน้าเหมือนกับสุขสุดขีดก่อนสิ้นใจ...มีรอยยิ้มแต้มติดมุมปาก... ไม่เว้นแม้แต่ตัวเจ้าเรือนเอง...เศรษฐีแสนก็สิ้นใจในเรือนตัวเอง อาการไม่ต่างกับบ่าวที่เป็นผู้ชายเลย ความกังขาทำให้สายใจตามหมอผีมาสะกดวิญญาณพะยอมเอาไว้ ไหนๆ ทั้งลูกและผัวก็ตายจากไปกันหมด หากมันเป็นเพราะคำสาปของพะยอม ก็ขอให้มันทนทุกข์ทรมานอยู่ในเรือนชั่วกัปชั่วกัลป์... แล้วสายใจก็ย้ายถิ่นฐานทิ้งเรือนไทยตั้งโดดเดี่ยวอยู่ริมน้ำ พร้อมกับคำสาปแช่งที่คงอยู่ รอวันปลดปล่อย... 30ปีผ่านไป... เวลาเดินผ่านไปไวเหมือนโกหก...เรือนไทยโบราณถูกทิ้งร้างผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านฝนมายาวนานจนสีที่ทาไว้บนผิวไม้กะเทาะร่อน หลุดเป็นด่างเป็นดวง... เศษใบไม้กองทับถมกันสูงเกือบ10เซนติเมตร เพราะไร้รักษาดูแล มันถูกปล่อยทิ้งร้าง และตั้งอยู่เดียวดาย เมื่อเพื่อนบ้านขยับขยาย ย้ายหนีเพราะเสียงคร่ำครวญของคนที่ไม่มีตัวตนยามกลางคืน ผีสาวพะยอมที่ถูกตรึงไว้ด้วยมนต์ดำ หล่อนไม่สามารถจากไกลไปไหนได้ ทั้งบ่วงมนตราและแรงแค้น...ร้อยรัดวิญญาณสาวเอาไว้ ให้สถิตอยู่เพื่อรอคอย...ไม่ใช่รอการมาปลดปล่อย แต่รอเพื่อแก้แค้น!! แสงจันทร์ข้างแรมมันหม่นมัว...แสงอันน้อยนิดไม่สามารถส่องรอดใบดกหนาของต้นไม้ใหญ่ลงไปจนถึงพื้นดินได้ เสียงแมลงกลางคืน ขยับปีกโบยโบกบิน แหวกความเงียบกับสายลมอ่อนๆ เพื่ออาหารประทังชีวิต...เสียงใบไม้แห้งถูกย่ำดังก็อบแกลบ เสียงกระซิบกระซาบของมนุษย์มีลมหายใจพูดคุยกันแผ่วๆ ไฟฉายกระบอกโตกราดไปกราดมา มันส่องทางเดินที่รกไปด้วยต้นหญ้าและใบไม้แห้งๆ “ไอ้จันมึงเอาแน่เหรอว่ะ กูเสียวๆ ยังไงไม่รู้ เขาว่าที่นี่ผีดุไม่ใช่หรือไง?” เสียงแหบปร่าตะกุกตะกักถามเพื่อนร่วมทางอย่างไม่ใคร่จะแน่ใจ มือเหี่ยวแห้ง ร่างกายผอมบาง ดวงตาลึกโหลมันคือไอ้ขี้ยาที่หากินบนความทุกข์ของคนหาเช้ากินค่ำ และการมาของมันไม่ได้ประสงค์ดี “มาถึงนี่แล้ว มึงเห็นอะไรไหมล่ะ แค่บ้านเก่า คนเลยลือไปอย่างนั้นเอง” คนชื่อจันตวาดเสียงขุ่น มันเสี้ยนยาและต้องการหาเงินไปซื้อมาเสพ ต่อให้ผีมายืนอยู่ตรงหน้าก็ไม่กลัว เพราะหากมันขาดยา มันก็ไม่ต่างอะไรกับผีเลย มันทรมานปวดไส้ปวดไปทั้งตัว เพราะฉะนั้นผีห่าที่ไหน? ก็ไม่กลัวทั้งนั้นแหละ “แต่กูว่าบรรยากาศมันวังเวงน่ะโว้ย...” มันยังไม่วายทักท้วง... “ไม่มีคนอยู่...มึงจะให้ครึกครื้นหรือไงว่ะ ไปๆ รีบๆ เข้า ขึ้นไปหาของ หยิบติดมือไปขาย จะได้ไปพี้ยากันให้เปรม” “แล้วจะมีอะไรให้ฉวยเอาได้ว่ะ กูว่าไม่น่าจะมีนะ ป่านนี้หัวขโมยกวาดไปเรียบแล้ว มันจะเสียเวลาเปล่านะซี” “มันก็เหมือนที่มึงพูดนั่นแหละ ใครๆ แถวนี้กลัวบ้านหลังนี้กันทั้งนั้น...แล้วขโมยที่ไหนจะกล้ามา” “เห้ย!! แล้วมึงไม่กลัวเหรอไง?” “กูไม่กลัว...เพราะกูไม่มีเงินกูก็ตาย ไม่ต่างอะไรกับผีหรอก เร็วๆ อย่าช้า” มันกวาดตามองหาทางขึ้นเรือนไทย เมื่อมองเห็นบันไดทางขึ้นจึงไม่รอช้าที่จะมุ่งตรงไปทางทิศนั้น... แคว๊กๆ... เสียงพญานกยามราตรีส่งเสียงร้องเตือน!! มันเหมือนเงามัจจุราชคืบคลาน...เข้ามาใกล้ๆ สายลมที่โชยอ่อนๆ ทวีความแรงขึ้น จนใบไม้ไหวโยก ลำต้นสั่นกราว อากาศที่เย็นอยู่แล้วลดองศาลงอีก เย็นจนจับขั้วหัวใจแต่คนสองคนกลับเหงื่อตก ดานไม้ถูกยกออกและมันปลดสลักเข้าไปด้านในได้สำเร็จ เพียงเท้าในรองเท้าแตะ เหยียบลงบนพื้นกระดาน... กรี๊ดๆ... เสียงกรีดร้องดังแหวกความมืดมิด แม้จะเป็นเสียงแผ่วๆ เหมือนเสียงเสียดสีของผิวไผ่ แต่มันก็ทำให้ไอ้วายร้ายสองคนสะดุ้งโหยง!! มันสองคนหันมองกันเลิกลัก...แต่ความโลภมีมากกว่าเมื่อแสงจากไฟฉายกระบอกโตกราดไปเจอตู้ใส่เครื่องเบญจรงค์ และมันผ่านสายตาของขโมยขโจรมาได้อย่างไร? มันแปลกไหม? แต่ไอ้สองตัวกลับตาโต มันไม่กลัวอะไรแล้ว!! เมื่อของแต่ละชิ้นนั้นสามารถทำให้มันสบายไปอีกนาน ตึงๆ...มันวิ่งตัวปลิวจนเศษฝุ่นเศษขี้ผงหล่นกราว และข้าวของบนเรือนกระทบกันกุกกัก...จันมองหาสิ่งที่ทำให้มันเปิดตู้ได้ เมื่อมองเห็นแม่กุญแจคล้องอยู่อย่างแน่นหนา...มันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง ล้วงอุปกรณ์สะเดาะกลอน...ที่พกติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อโชคดีปะเหมาะก็จะได้ล้วงออกมาใช้ทันท้วงที “สมมึงถือไฟฉายให้กูที กูจะไขกุญแจ...” จันสั่งเพื่อน มันส่งกระบอกไฟฉายให้เพื่อน และทรุดตัวลงนั่งลงมือปลดล็อกแม่กุญแจด้วยความชำนาญ สมสะดุ้งเฮือก เขาแน่ใจว่าแสงไฟที่กระทบกับกระจกใส สะท้อนภาพผู้หญิงคนหนึ่ง เธอนุ่งโจงกะเบนและผ้าแถบคาดอก ผมยาวสลวยสยายเต็มแผ่นหลัง แต่เมื่อกระพริบตาถี่ ๆภาพที่เห็นกลับไม่มีเสียแล้ว มันเริ่มวิตกและเหงื่อแตกซิกๆ แม้อากาศรอบตัวจะหนาวจนเกือบสั่น “สะ เสร็จยังว่ะ กู...กู” มันสะกิดเพื่อน เหลียวซ้ายแลขวา ดวงตาเหลือกลาน “เห้ย!! ส่องดีๆ สิว่ะ ส่ายไปส่ายมากูจะมองเห็นได้ยังไง” จันตวาดเสียงขุ่น มันถลึงตาใส่เพื่อนร่วมงานและตะคอกเสียงห้าว “มึงทำแบบนี้ก็ยิ่งนานขึ้น กูก็ไม่ได้อยากอยู่บนเรือนนี่นานนักหรอก...ยืนนิ่งๆ อีกนิดเดียวเอง ไอ้ห่า!! มาถึงขั้นนี้แล้ว...” สมกลั้นใจ มันหันมาสนใจเพื่อน และเพ่งสมาธิไปที่แม่กุญแจ ที่จันกำลังขะมักเขม้นไขอย่างเอาเป็นเอาตาย... “กริ้ก!!” แม่กุญแจสามารถปลดออกได้ในที่สุด พร้อมกับเสียงพ่นลมหายใจแรงๆ มันกระชาก...บานประตูตู้เปิดออก และรีบฉวยหยิบถ้วยเบญจรงค์ออกมา “เอาอะไรมาใส่หรือเปล่าว่ะ...เยอะไม่ใช่เล่น...” “กูไม่นึกว่าจะมีของเลยไม่ได้เตรียมมา...พรุ่งนี้ค่อยมาเอาใหม่ก็แล้วกัน วันนี้เอาไปเท่าที่เอาไปไหว” เมื่อความโลภบังตา ความกลัวที่เคยมีก็ไม่หลงเหลือ... แต่ที่มันไม่รู้คือ วันนี้มันโชคดีแต่วันหน้าล่ะ?...มันจะยังมีลมหายใจอีกหรือเปล่า เมื่อมันย้อนกลับมาที่เรือนไทยแห่งนี้อีกครั้ง... สองขี้ยารีบเผ่นลงจากเรือนไทย มันเดินเร็วๆ ลงบันไดบ้านและความรีบร้อนบวกกับความมืดทำให้มันพลาด!! ปลายเท้าเหยียบผิดทาง วางบนขั้นบันไดไม้ไม่เต็มที่ ร่างผ่ายผอมจึงถลาล้ม กลิ้งๆ คลุกๆ ลงมาที่พื้น “โอ้ย!! เจ็บฉิบ...” มันยันมือกับพื้นดิน พยายามทรงตรงลุกขึ้นยืน แต่...อาการเจ็บทำให้ยืนได้ไม่เต็มที่ เคราะห์ซ้ำกำซัด มันถลาเข้าหาดงไม้พุ่มหน้าบันไดเรือน มือท้าวไปด้านในพุ่มไม้และ ทำให้ตุ๊กตาล้มลุกตัวหนึ่งแตกหัก.... “เป็นไงบ้าง..ไอ้ห่าสมซุ่มซ่ามจริงมึง ดีนะกูถือเอง ไม่อย่างนั้นฉิบหายหมด” ไอ้จันตวาดแวดๆ มันรีบช่วยเพื่อน ฉุดขึ้นมาจากพื้นและพากันโขยกแขยกฝ่าความมืดไป เร้นกายหายไปกับความมืดมิด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD