ตอนที่ 8 หมูกระทะร่วมสาบาน EP.2

2177 Words
ตอนที่ 8 หมูกระทะร่วมสาบาน EP.2 เนื่องจากไม่ใช่คนที่ออกมาเที่ยวบ่อยนัก ทิวาจึงรู้สึกตื่นเต้นกับบรรยากาศหน้ามอมาก โดยเฉพาะในช่วงที่มีเสียงตีกลองร้องเพลงรับน้องและกลุ่มของสายรหัสซึ่งพากันมากินเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ ในฐานะคนที่เพิ่งเคยออกมาลั้นลานอกบ้าน การที่พบเจอผู้คนมากมายทำให้ดวงตาคู่สวยเป็นประกายวาววาม เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า! สวรรค์ของคนชอบแต่งตัวชัดๆ ทว่ากลิ่นของเนื้อหมักที่ผ่านการวางบนเหล็กร้อนๆ กลับเรียกสติของทิวากลับคืนมาได้ชะงัด แน่นอนว่าการกินมีความสำคัญมากกว่าสิ่งใด โดยเฉพาะท้องที่กำลังโอดครวญจนต้องเร่งฝีเท้าตามเพื่อนคนอื่นให้ทัน “โต๊ะเราอยู่ติดทางเดินนะ จะได้ไปตักของง่ายหน่อย” เจ๊มิลล์บอก แล้วเดินเข้าไปด้านในโดยไม่รอให้พนักงานของร้านออกมาต้อนรับ เพราะโทรแจ้งที่ร้านไว้แต่แรกแล้ว เป็นเพราะเพิ่งเปิดเทอมคนจึงเต็มร้าน โชคดีที่จองโต๊ะไว้ก่อนจึงไม่ต้องลำบากมายืนรอคิวเหมือนลูกค้าคนอื่น มีหลายคนที่ค่อนข้างแปลกใจ แต่เมื่อสังเกตเห็นป้ายคำว่า โต๊ะจอง ก็ไม่มีใครโวยวายอะไร “บุฟเฟ่ต์ตักเต็มที่นะทุกคน แต่ต้องช่วยกันกินให้หมดด้วย” หลังจากเจ๊มิลล์พูดจบก็มีพนักงานเอาชุดอุปกรณ์มาให้ตามจำนวนคน ทุกคนเหมือนเคยเข้าร้านบุฟเฟ่ต์เป็นประจำอยู่แล้ว พอได้ที่นั่งของตัวเองก็พากันแยกย้ายไปตักอาหาร ทิวาซึ่งเคยเห็แต่ในอินเตอร์เน็ตที่คนอื่นแชร์กัน แต่เจ้าตัวกลับไม่ค่อยได้ไปกินอะไรแบบนี้ก็ลอบสังเกตว่าเพื่อนแต่ละคนตักอาหารกันยังไงบ้าง เพื่อไม่ให้กระโตกกระตากจึงค่อยๆ เนียนไปหยิบของตามคนอื่น คิดถึงเมื่อปีก่อนที่เจแปนและพรีม เพื่อนรักทั้งสองคนแอบพาเธอหนีพ่อแม่ไปกินหมูกระทะร้านข้างโรงเรียน เพียงเพื่อฉลองที่ทั้งสามสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกัน ครั้งแรกในชีวิตของการกินหมูกระทะได้รับการบริการจากเจแปนจนทิวากับพรีมแทบไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ว่าตอนนี้มันต่างกันนิดหน่อย เพราะต่างฝ่ายต่างก็เป็นเพื่อนใหม่ ไม่มีใครเป็นคนที่สนิทกันขนาดนั้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอได้เรียนรู้หลังจากเปิดเทอมมาคือทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอด ไม่มีใครอยากถูกคนอื่นมองว่าเป็นพวกแปลกแยกหรือตัวประหลาดทั้งนั้น ไม่รู้ว่าไหมเป็นพวกช่างสังเกตหรือเป็นคนที่เอาใจใส่เพื่อนตลอดเวลากันแน่ เพราะหลังจากที่เห็นว่าทิวาเงอะงะก็ค่อยๆ แนะนำ “วาต้องไปเอาตะกร้ามาก่อน หยิบผักหรืออะไรที่วาอยากกินแล้วค่อยไปตักน้ำจิ้ม ทำแบบแบงค์เห็นมั้ย” ไหมชี้ให้ทิวาดู แบงค์เป็นเพื่อนร่วมชั้นอีกคนหนึ่งซึ่งทิวาเพิ่งรู้จักในวันนี้ อีกฝ่ายถือตะกร้าซึ่งมีของวางอยู่เต็มแต่ก็เป็นระเบียบเรียบร้อย ด้านบนคือถ้วยน้ำจิ้มขนาดเล็กสองถ้วย ทิวามองด้วยความประหลาดใจ ปรากฏว่ามนุษย์มีความสามารถในการจัดเรียงอาหารบุฟเฟ่ต์ด้วยการเดินมาตักเพียงครั้งเดียว “ฮ่า ตกใจล่ะสิ” ไหมหัวเราะ ใบหน้าของทิวาเป็นสีแดงเล็กน้อย เธอพยักหน้า หยิบตะกร้าและเริ่มตักอาหารที่อยากกินใส่จานใบเล็ก หมูกระทะร่วมสาบานแค่ข้ออ้างในการกินบุฟเฟ่ต์ของเด็กมหา’ลัย เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อทุกคนเริ่มกินก็เริ่มมีเรื่องพูดคุยมากมายโดยไม่รู้ตัว ในฐานะที่ชีวิตของเธอค่อนข้างน่าเบื่อ ทิวาจึงสนใจประสบการณ์ชีวิตของเพื่อนคนอื่นมาก “ตอนม.4มิลล์โดนเพื่อนบูลลี่ว่าเป็นกะเทยหัวโปก ตอนนั้นพวกผู้ชายชอบล้อว่ามิลล์เป็นพวกผิดปกติ แล้วก็ชอบชักชวนให้คนอื่นรังเกียจเรา แต่ว่าโชคดีที่มีคนเข้าใจเราถึงผ่านมันมาได้” ใบหน้าของมิลล์มีรอยยิ้มเล็กน้อย สายตาเหลือบไปยังกวินซึ่งกำลังคีบหมูย่างใส่ปาก จนทุกคนต้องหยุดชะงักแล้วหันไปมองกวินด้วยสายตาประหลาดใจ “สองคนนี้เป็นแฟนกันเหรอ” ใครบางคนถามเสียงสูง มุกซึ่งก้มหน้าก้มตากิน เขินจนหน้าเปลี่ยนสี มองทั้งเจ๊มิลล์และกวินด้วยความตกใจ กวินกะพริบตาพูดทั้งที่หมูเต็มปากด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “แฟนอะไรกัน กะเทยกับผู้ชายเป็นเพื่อนกันไม่ได้เหรอ ใครนิยามวะ” สีหน้าของมุกดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะความเขิน เจ๊มิลล์หัวเราะ มือเล็กตบบ่ากวิน “จริงๆ ตอนนั้นเราตกใจมากเลยเว้ย แต่แบบเพราะบ้านอยู่ใกล้กันกวินเลยต้องมาช่วยเถียงแทนเรา ตอนนั้นจำได้ว่าเราร้องไห้ทุกวัน แต่ดีที่ว่ากวินเป็นหัวโจกในชั้นก็เลยไม่มีใครกล้าล้อเราอีก” “ทำไมเพื่อนในห้องมิลล์แย่จัง เป็นเราถ้าเจอแบบนั้นคงต่อยกันไปข้างหนึ่งอะ” เพชรบ่นอุบ เนื่องจากเธอก็เป็นเพศที่สาม จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด กระนั้นแล้วก็ไม่ได้ถูกเพื่อนคนอื่นทำร้ายหัวใจแบบนั้น หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย “โรงเรียนเรานะ ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้คือต้องตบกันไปข้างหนึ่งอะ” ไหมว่า “ทำไมโรงเรียนไหมโหดจัง” “คนเหมือนกันนี่ ปากดีก็ต้องเจอหน่อยมั้ย ไม่รู้ว่าโตมากันยังไงถึงกลายเป็นพวกขี้เหยียดไปได้ ห้องไหมอะต้องการตุ๊ดมากเพราะพอเวลากีฬาสีทีไร ไม่มีใครช่วยแต่งหน้าสักคน เดือดร้อนไหมกับเพื่อนต้องไปเรียนแต่งหน้าจากยูทูบอะ” ทุกคนอ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าคนอย่างไหมจะดุดันขนาดนี้ “โหดจัง” “นั่นสิ” “เห้ย ทุกคนต้องคิดดูนะว่าหากเราไม่เรียกร้องสิทธิ์ให้ตัวเองแล้วใครจะช่วยล่ะ จำได้ว่ามีเพื่อนที่เป็นตุ๊ดย้ายเข้ามาตอนกลางเทอม ห้องไหมแทบจะรำแก้บนรอบเสาธงเพราะตอนม.5ต้องเป็นเฮดกีฬาสีอะ ว่าก็ว่าเถอะ มิลล์โชคดีนะที่ยังมีเพื่อนแบบกวินคอยดูแล” ทิวาแอบพยักหน้าเห็นด้วย เหมือนกับเธอที่เคยถูกคนอื่นล้อเลียนจนไม่มั่นใจในตัวเอง กลายเป็นคนแปลกแยกในชั้นเรียน โชคดีที่เจแปนกับพรีมเข้าใจและจับมือลากเธอผ่านจุดนั้นมาได้แม้ว่ามันจะทุลักทุเลมากก็ตาม เพราะตอนนั้นทิวาเกือบจะลาออกมาเรียนโฮมสคูล โชคดีอีกอย่างที่พี่ทศพี่ชายคนรองของเธอเป็นพวกขี้หวงได้โล่ ดังนั้นพอรู้ข่าวว่าทิวาถูกเพื่อนรังแกก็ประกาศหน้าเสาธงว่าการบูลลี่คนอื่นเป็นสิ่งที่คนไม่ได้รับการสั่งสอนเขาทำกัน ด้วยฐานะประธานนักเรียนจึงทำให้ทุกคนไม่กล้าพูดอะไร รวมทั้งไม่กล้าล้อเลียนทิวาอีกเพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกเหมารวมว่าไม่ได้รับการสั่งสอน โรงเรียนสำหรับลูกหลานคนมีเงิน หน้าตาเป็นส่วนหนึ่งที่ทุกคนโหยหา มีใครอยากจะถูกด่าว่าที่บ้านไม่สั่งสอนแล้วไปกระทบหูคนที่บ้านบ้างล่ะ อีกอย่างพ่อแม่ของทิวาไม่ใช่พวกที่จะยอมทนให้คนอื่นรังแกลูกตัวเอง เพียงแต่ว่าเธอไม่เคยต้องการให้พ่อแม่มาเอาเรื่องคนอื่นถึงที่บ้าน เพราะนั่นยิ่งทำให้เพื่อนคนอื่นเกิดความหมั่นไส้จนทำร้ายเธอทางอ้อมอีก ยังไม่รวมไปถึงพี่ชายคนโตที่ตอนนั้นเรียนอยู่ต่างประเทศ...พี่ทิน รายนั้นเคยสไกป์กลับมาโวยที่บ้านบอกพ่อแม่ว่าถ้าเธอถูกเพื่อนรังแกอีกครั้งจะไม่เรียนต่อแล้วจะบินกลับมาทันที ด้วยความที่ไม่อยากให้เกิดความยุ่งยากเธอจึงเลือกที่จะ...อดทน แต่ว่าเมื่อได้ฟังสิ่งที่ไหมพูด เธอก็เริ่มคิดแล้วว่าทำไมตอนนั้นเธอต้องทน เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด การที่เกิดมาถูกพ่อแม่ประคบประหงมเนื่องจากเป็นลูกสาวคนเล็กและคนเดียวทำให้คนส่วนมากทั้งริษยาและหมั่นไส้ หลายครั้งที่เธอถูกคนอื่นกล่าวหาว่าได้เข้าเรียนโรงเรียนดังเพราะพ่อแม่เส้นสายใหญ่โต เงินที่บริจาคก็มากจนสามารถยัดให้ลูกสาวเข้าสู่ห้องเรียนหลักสูตรพิเศษสามภาษาอย่างง่ายดาย ไม่มีใครรู้เลยว่าทิวาต้องทำแบบทดสอบหลายอย่างกว่าจะผ่านเกณฑ์แล้วได้เรียนที่นั่น เพียงเพราะพ่อแม่ต้องการให้เธอได้รับสิ่งที่ท่านคิดว่าดีที่สุด เบื้องหลังความสำเร็จคือสิ่งที่ทิวาไม่เคยบอกใคร อย่างไรก็ตามหากไม่เพราะเจแปนและพรีมอยู่ห้องนั้น เธอเองก็ไม่คิดจะเสียเวลาไปกับคำถากถางของคนมากมาย โชคดีที่ชีวิตของเด็กผู้หญิงที่ชอบเก็บตัวอย่างเธอได้เจอกับศิลปินเกาหลีที่เข้ามาเปลี่ยนความเงียบเหงาในใจให้กลายเป็นความสว่างไสวเหมือนได้เปิดโลกใบใหม่ จากการที่ได้พูดคุยกับแฟนคลับด้วยกัน ซึ่งหลายคนไม่ใช่คนวัยเดียวกับเธอ ทำให้ความคิดและทัศนคติของทิวาเติบโตขึ้นทีละน้อย มันทำให้เธอรู้ว่าโลกนี้กว้างใหญ่แค่ไหน และคนเราทุกคนมีความฝันที่จะโบยบิน หัวข้อสนทนาเกี่ยวกับการบูลลี่เปลี่ยนไปเรื่อย หลายคนมีแผลใจที่ลบไม่ออก ขณะเดียวกันก็ได้กำลังใจจากเพื่อนใหม่อย่างคาดไม่ถึง กระทั่งพิธีกินหมูกระทะร่วมสาบานจบลง ทิวาจึงบอกไหมว่าจะเดินเล่นหน้ามออีกสักพักแล้วจะเรียกรถมารับเอง “ถ้าอย่างนั้นกลับห้องแล้วอย่าลืมโทรบอกเรานะ” ไหมพูดด้วยความเป็นห่วง แต่เพราะแฟนของเธอโทรบอกว่าจะมาหาที่ห้องเธอจึงต้องรีบไปส่งมุกก่อนกลับ ตอนแรกมุกคิดจะเดินเป็นเพื่อนทิวา หากแต่เธอยังมีการบ้านที่ยังทำไม่เสร็จ สุดท้ายแล้วก็ต้องตัดใจกลับไปทำการบ้าน ไม่ใช่ว่าทิวาไม่มีการบ้าน แต่ว่าเธอแอบทำในช่วงเรียนวิชาอื่นไปแล้ว เมื่อสบโอกาสจึงหาเวลาเดินย่อยอาหารและช็อปปิ้ง ทิวาโบกมือลาเพื่อนแล้วหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว หากแต่ด้วยความตื่นเต้นที่มากเกินไปจึงทำให้ขายาวๆ เซถลา เธอหลับตาลงเพราะอายเกินกว่าจะมองหน้าใคร ร่างกายที่เหวี่ยงตามโมเมนตัมกระแทกเข้ากับกำแพงเบากว่าที่คิด โชคดีที่หน้าไม่แหก... อืม...แต่หน้าเปียกได้ยังไง ทิวาสูดจมูกฟุดฟิด ทำไมกำแพงหอมจัง... เธอเลียริมฝีปาก...กำแพงรสช็อกโกแลต? มันไม่ใช่บ้านขนมหวานในเรื่องฮันเซลแอนด์เกรเทล แล้วกำแพงรสช็อกโกแลตมาจากไหน ทันใดนั้นทิวาก็ลืมตาโพลงด้วยความตกใจ เพราะกำแพงที่ว่าดันจับบ่าเธอได้ด้วยสิ! คนตัวสูงใช้มือข้างหนึ่งจับไหล่ของผู้หญิงซุ่มซ่ามตรงหน้า ขณะเดียวกันก็มือไอศกรีมรสช็อกโกแลตที่ถูกแก้มของอีกฝ่ายจุ่มเข้าเต็มเปา ทั้งยังถูกเธอเลียส่วนใดส่วนหนึ่งของโคนไอศกรีมที่ละลายในมืออย่างหน้าไม่อาย “อ๊ะ! ไม่ใช่กำแพง” เธอกะพริบตาด้วยความตกใจแล้วกระเด้งตัวออก ขณะเดียวกันเมื่อเขามองใบหน้าสวยซึ่งเปื้อนไอศกรีมไปครึ่งหน้าก็อดกระตุกมุมปากไม่ได้ ทิวาตั้งสติได้มองผู้ชายหน้าตาดีตรงหน้า สายตาเลื่อนไปยังไอศกรีมซึ่งเป็นหลักฐานชั้นดีว่าเธอซุ่มซ่ามทำลายข้าวของ อีกทั้งอกเสื้อของอีกฝ่ายก็เปื้อนคราบไอศกรีมปื้นใหญ่ “โอ๊ะ! ขอโทษค่ะ” ทิวามองด้วยความรู้สึกผิด ใบหน้ามอมแมมของเธอทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมันเขี้ยวอยากแกล้งขึ้นมาในใจ “ขอโทษแล้วยังไง” เขาถามเสียงเย็น ทิวาสะดุ้ง รู้สึกเหมือนถูกครูฝ่ายปกครองดุ รีบก้มหน้าแล้วตอบอ้อมแอ้ม “ไปล้างในห้องน้ำมั้ยคะ เดี๋ยวเราไปซื้อกระดาษมาช่วยซับอีกที” “...” ฝ่ายชายยังคงมองเธอนิ่งโดยไม่ตอบอะไร ทิวารู้สึกผิดปกติจึงเงยหน้าขึ้นมอง พบกับสายตาเย็นชาที่คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ของเขาก็ต้องกัดริมฝีปากเหมือนเด็กที่ถูกผู้ใหญ่ดุ มือทั้งสองข้างซุกเข้าไปในกระเป๋าฮู้ดสีแดงราวกับต้องการหาจุดเซฟโซนสำหรับตัวเอง “เธอจำฉันไม่ได้เหรอ” เขาถาม ทิวาใช้เวลาประมวลผลครู่หนึ่ง เงยหน้ามองผู้ชายหล่อบรรลัยตรงหน้าด้วยความงุนงง พ่นถ้อยคำที่ทำเอาเขาเกือบเสียความมั่นใจ “ขอโทษนะคะ เราเคยเจอกันด้วยเหรอ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD