หลายวันหลังจากพ่ออาการทรุดลง ทุกครั้งที่ฉันไปเยี่ยมท่าน ฉันจะใช้เวลาอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันอยากมั่นใจว่าท่านปลอดภัยดี และฉันก็พยายามโทรหาน้องไทม์บ่อยขึ้น เพื่อเติมเต็มความเหงาและคิดถึงที่เกาะกุมหัวใจ
ชีวิตในคฤหาสน์ของภูผาดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ทว่าว่างเปล่า ฉันกับเขาแทบไม่ได้พูดคุยกันเลยนอกจากเรื่องจำเป็นจริง ๆ เขามักจะใช้เวลาอยู่ในห้องทำงาน หรือไม่ก็ออกไปข้างนอก และกลับมาในยามค่ำคืน
ความเงียบเหงาในบ้านหลังนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า แต่ฉันก็พยายามใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือ หรือไม่ก็จัดการธุระส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน
ในค่ำคืนหนึ่ง ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด บรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษและเสียงลมหายใจของฉันเท่านั้นที่ดังแผ่วเบา
ทันใดนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้นเบา ๆ ที่โถงทางเดิน ฉันเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นร่างสูงของภูผาเดินเข้ามาในห้องสมุด เขาคงเพิ่งกลับมาจากข้างนอก
เขาเดินตรงไปยังชั้นหนังสือที่อยู่ลึกเข้าไป โดยไม่ได้สังเกตเห็นฉันที่นั่งอยู่มุมห้อง เขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานกลางห้องสมุด ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนังสีเข้ม และเปิดหนังสือเล่มนั้นขึ้นอ่าน
ฉันนั่งมองเขาอยู่ห่าง ๆ แสงสลัวจากโคมไฟบนโต๊ะส่องกระทบใบหน้าของเขา ทำให้ฉันเห็นโครงหน้าที่คมคายและดูเคร่งขรึมอยู่เสมอ
ทันใดนั้นเอง ภาพในอดีตก็แล่นเข้ามาในหัวของฉันอีกครั้ง ภาพของเด็กชายในอัลบั้มรูป และเหตุการณ์ในวันนั้น… วันที่ฉันเคยเจอเขาเป็นครั้งแรก
ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง… บรรยากาศเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน เสียงดนตรีดังคลอเบา ๆ ฉันเดินตามพ่อไปทักทายแขกเหรื่อมากมาย
“ลินิน!” เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้น ฉันหันไปมองเห็น ‘ภูผา’ เขากำลังยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่เกาะขาเขาไว้แน่น
“ภูผา… สบายดีไหม” ฉันทักทายเขาอย่างเป็นมิตร ในตอนนั้นเรายังเป็นเพื่อนกัน ยังไม่มีเรื่องราวซับซ้อนใด ๆ เกิดขึ้น
เด็กชายตัวเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ด้านหลังภูผา แววตาของเขามีความหวาดระแวงเล็กน้อย
“นี่ ‘น้องพีท’ ลูกพี่ลูกน้องฉัน” ภูผาแนะนำ “เขาไม่ค่อยคุ้นกับคนเยอะ ๆ น่ะ”
ฉันยิ้มให้เด็กชาย พยายามจะชวนคุย แต่เขากลับซุกหน้าเข้ากับขาของภูผาแน่นขึ้น
แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น มีคนหนึ่งเดินชนโต๊ะที่วางกระถางดอกไม้ไว้ ดอกไม้ร่วงหล่นลงมาแตกกระจายเสียงดังสนั่น
“คุณครับ ช่วยผมด้วย!” น้องพีทร้องลั่นด้วยความตกใจ แววตาของเขามีน้ำตาคลอเบ้า เขาดูเหมือนจะหวาดกลัวเสียงดังหรืออะไรบางอย่างเป็นพิเศษ
ในตอนนั้นเอง ฉันยืนอยู่ใกล้ที่สุด พยายามจะเอื้อมมือไปช่วยพยุงน้องพีทที่กำลังจะล้ม แต่ด้วยความตกใจ ฉันกลับทำอะไรไม่ถูก… ไม่ทันได้ช่วยเขาเต็มที่
“ลินิน… เธอทำอะไรลงไป!” เสียงของภูผาดุดันเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขารีบปรี่เข้ามาหาน้องพีททันที ก่อนจะหันมามองฉันด้วยแววตาผิดหวังและเจ็บปวดอย่างที่สุด ราวกับฉันเป็นคนทำให้เด็กชายคนนั้นเจ็บปวด
ภาพในความทรงจำตัดฉับไปที่ใบหน้าเย็นชาของภูผาในปัจจุบัน เขายังคงก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองฉันเลย
ความจริงเริ่มปะติดปะต่อกันทีละน้อย ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าความโกรธแค้นของเขาไม่ได้เกิดจากแค่เรื่องส่วนตัวของเราสองคนเท่านั้น แต่มันรวมถึงความเข้าใจผิดในเหตุการณ์วันนั้น ที่ทำให้เขาคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องพีทต้องหวาดกลัว หรืออาจจะบาดเจ็บ
ฉันไม่ได้ตั้งใจ… ฉันพยายามจะช่วยเขา แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก และฉันก็ทำอะไรไม่ถูก
ความรู้สึกผิดบาปกัดกินใจฉันแน่น ฉันไม่รู้ว่าควรจะอธิบายเรื่องนี้ให้เขาฟังอย่างไรดี หรือควรจะปล่อยให้เขาเข้าใจฉันผิดต่อไป
ฉันได้แต่ก้มหน้าลง กำมือแน่น ความเจ็บปวดในใจค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น นี่คืออีกหนึ่งเงาในอดีตที่ตามหลอกหลอนฉัน และฉันไม่รู้เลยว่ามันจะส่งผลอย่างไรต่อชีวิตคู่ในนามของฉันกับภูผาในอนาคตอันใกล้