คืนนั้น ฉันนอนไม่หลับเลยแม้แต่น้อย คำพูดของภูผาที่ว่า "ฉันต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น... และเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีที่แล้ว" ยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของฉัน ฉันรู้ดีว่าเขาไม่ได้พูดถึงผู้หญิงคนอื่นแน่ ๆ นอกจากฉัน
ความหวาดระแวงและความกลัวเข้าครอบงำฉันจนแทบจะหายใจไม่ออก ฉันรู้ว่าตัวเองไม่สามารถเก็บความลับเรื่องน้องไทม์ไว้ได้ตลอดไป แต่ฉันก็ไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริงที่อาจจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันพยายามปกป้องมาตลอดสี่ปี
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกอ่อนเพลียจากการนอนไม่พอ ฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ในใจจะร้อนรุ่มไปด้วยความกังวล
ฉันลงมาที่ห้องอาหาร ภูผานั่งอยู่แล้วเช่นเคย สีหน้าของเขาเรียบเฉยจนฉันไม่สามารถเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“วันนี้ฉันมีประชุมทั้งวัน” เขาเอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน้า “เธออยากไปไหนก็ไปได้ แต่ต้องกลับมาถึงบ้านก่อนหกโมงเย็นเหมือนเดิม”
ฉันพยักหน้ารับคำ ไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากอาหารเช้า ฉันรีบไปเยี่ยมพ่อที่ห้องเช่าของฉันทันที ความปลอดภัยของพ่อและน้องไทม์คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับฉันในตอนนี้
เมื่อไปถึงห้องเช่า ฉันเห็นน้องไทม์กำลังวิ่งเล่นอยู่กับแก้วอย่างร่าเริง ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มสดใส ทำให้หัวใจของฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
“น้องไทม์หายดีแล้วเหรอ” ฉันถามแก้วด้วยความโล่งใจ
“สบายดีแล้วล่ะแก” แก้วตอบยิ้ม ๆ “แต่เมื่อเช้ามีคนแปลกหน้ามาถามหาแกที่นี่ด้วยนะ”
ฉันขมวดคิ้ว “ใครเหรอแก้ว?”
“เขาบอกว่าเป็นเลขาของคุณภูผา” แก้วตอบ “เขามาถามว่าแกเคยอยู่ห้องนี้มาก่อนหรือเปล่า แล้วก็ถามถึงว่าแกรู้จักเด็กผู้ชายคนหนึ่งแถวนี้ไหม”
หัวใจของฉันกระตุกวูบ ‘เขา… ภูผาเริ่มสืบเรื่องฉันแล้วจริง ๆ ด้วย’
“แล้วแก้วตอบว่าอะไรไป” ฉันถามด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย
“ฉันก็บอกไปว่าแกเคยอยู่ห้องนี้ แต่ย้ายออกไปนานแล้ว และบอกว่าแกไม่รู้จักเด็กผู้ชายคนไหนหรอก” แก้วตอบ “แต่ฉันว่าเขาดูไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นะ เขามองน้องไทม์แปลก ๆ ด้วย”
คำพูดของแก้วทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีน้ำเย็นราดลงบนศีรษะ ภูผาต้องส่งคนมาสืบเรื่องฉันแน่ ๆ และสิ่งที่เขาสงสัยก็คงไม่พ้นเรื่องของน้องไทม์
ฉันรีบกอดน้องไทม์แน่น ซ่อนใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาไว้ในอ้อมกอดของฉัน
“ฉันต้องทำยังไงดีแก้ว” ฉันถามด้วยความสิ้นหวัง “ความลับของน้องไทม์กำลังจะถูกเปิดเผยแล้ว”
“ใจเย็น ๆ ก่อนลินิน” แก้วพยายามปลอบใจฉัน “เรามาคิดหาทางรับมือกันก่อนดีกว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรแน่นอน”
ฉันรู้ดีว่าแก้วพยายามทำให้ฉันสบายใจ แต่ในใจของฉันกลับร้อนรุ่มราวกับถูกไฟสุม
ฉันใช้เวลาอยู่กับพ่อและน้องไทม์ตลอดทั้งวัน พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด แต่ในใจของฉันกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความกังวล
เมื่อถึงเวลาต้องกลับไปที่คฤหาสน์ของภูผา ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่กับดักที่ฉันไม่รู้ว่าจะมีทางออกหรือไม่
ฉันเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างเงียบเชียบ พยายามไม่ส่งเสียงดัง เพื่อไม่ให้ภูผารู้ว่าฉันกลับมาแล้ว
ฉันขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง ทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความอ่อนล้าทั้งกายและใจ ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงจันทร์ส่องแสงนวลตาบนท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่กลับไม่สามารถส่องเข้ามาในความมืดมิดในใจของฉันได้เลย
ฉันรู้ดีว่าเวลาของฉันเหลือไม่มากแล้ว ก่อนที่ความลับที่ฉันพยายามปิดบังมาตลอดจะถูกเปิดเผย และเมื่อวันนั้นมาถึง ชีวิตของฉัน ลูกชายของฉัน และแม้แต่ภูผา จะไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไป ฉันได้แต่ภาวนาให้ฉันมีเวลามากพอที่จะเตรียมใจรับมือกับทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น