บทที่ 2

1033 Words
คนถูกถามปรายตามองออกไปนอกหน้าต่างกรุกระจกใส ใต้ต้นไม้ร่มรื่นนั่นมีคู่รักกำลังมอบของขวัญและดอกกุหลาบให้แก่กันเนื่องในวันแห่งความรักอย่างหวานชื่น เหมือนเช่นครั้งหนึ่งในอดีต เขาเคยได้รับจากใครคนหนึ่งในวันแห่งความรัก แต่ทว่าเขากลับทำทุกอย่างพังลงด้วยความอวดดีอย่างโง่งม จนทำให้ใครคนนั้นหายหน้าไปจากชีวิตจนถึงวันนี้ ป่านนี้ยัยนั่นจะเป็นอย่างไรบ้างนะ เวลาผ่านไปนับสิบปีแล้ว เธอคงโตเป็นสาวอายุพอๆ กับผู้หญิงที่เพิ่งตะโกนบอกเลิกใส่หน้าเขาไปเมื่อครู่ล่ะมั้ง แต่เธอคงลืมเขาไปแล้ว หรือไม่ก็คงมีคนรักที่ไม่งี่เง่าเหมือนเขา คนที่รักเธอมากและไม่ใช่คนใจร้ายอย่างพี่ชายข้างบ้านคนนี้ “เป็นอะไรไปวะ นิ่งไปเลย คิดถึงใครอยู่ หรือว่าคิดถึงสาวคนไหน หืม...นี่อย่าบอกนะว่าแกแอบมีเมียซุกไว้” “ไอ้เวรนัฐ แกไม่มีการมีงานทำหรือไงถึงมานั่งเซ้าซี้ฉันอยู่ได้” “ไม่มีโว้ย แต่วันนี้ฉันมีนัดกับสาว” “สาวที่ไหนอีกล่ะ” ถามไปแกนๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไร “สาวคนนี้แกก็รู้จักนะ รู้จักมานานแล้วด้วย” นัฐ หรือนัฐพล แกล้งยั่วให้อีกฝ่ายใคร่รู้ “แถมยังเคยสารภาพรักเขาในวันวาเลนไทน์ จำได้ไหม” “อืม งั้นแกก็รีบไปเหอะ ฉันจะได้ทำงานต่อซักที หนวกหู” “เฮ้ย ไม่อยากรู้หน่อยเหรอว่าใคร” คนอยากบอกเอะอะขัดใจ “ไม่อยาก” “ไอ้...ไอ้เพื่อนบ้า คอยดูนะฉันจะฟ้องยัยน้ำให้หมดว่าแกใจร้ายแค่ไหน” “ยัยน้ำ?” “ก็น้องสาวฉันไงวะ แกจำไม่ได้เหรอ คนที่แกเอาคุกกี้วาเลนไทน์ไปให้เขาเมื่อตอนมอห้าไงวะ” ภาพสาวน้อยนางรำคนงามแห่งชมรมนาฏศิลป์ของโรงเรียนมัธยมที่เขาเคยเรียนผุดขึ้นในความทรงจำ “อ๋อ...” “ไอ้เวรเอ๊ย ริอ่านจะมาเป็นน้องเขยฉันแต่ดันลืมน้องสาวฉันเนี่ยนะ ทีฉันยังไม่เคยลืมน้องสาวแกเลย” จิรายุสะดุดลมหายใจตัวเอง ดวงตาคมกริบวูบไหว “พูดแล้วก็คิดถึงตอนเด็กๆ เนอะ ที่เราสี่คน ฉันแกยัยน้ำแล้วก็น้องดรีมอยู่ด้วยกัน ผ่านไปตั้งสิบปีแล้ว แกว่าน้องเขาจะมีแฟนหรือยังวะ” เพล้ง! คนพูดชะงักทันพลัน พลางหันไปมองแก้วกาแฟที่ตกสู่พื้นแตกกระจายด้วยฝีมือเพื่อนรัก แวบหนึ่งเขาเหมือนจะเห็นรอยบางอย่างในดวงตาคมจัดคู่นั้น มันทั้งดุกร้าวและปวดร้าวลึก “เป็นอะไรไปวะ” “เปล่า ไม่มีอะไร ฉันเพิ่งนึกได้ว่าต้องรีบกลับบ้านแล้ว อ้อ แก้วนั่นฉันฝากนายตามแม่บ้านมาจัดการทีละกัน ขอตัวก่อนนะ” “เฮ้ย! เดี๋ยวสิวะไอ้จิม อะไรของมันวะ พิลึกคนจริง พูดไม่ทันจบเลย” คนถูกบ่นเดินดุ่มๆ ไม่สนใจ หากในสมองเขากำลังครุ่นคิดถึงใครบางคนที่เขาควรลืมไปนานแล้วพร้อมกับความสัมพันธ์ที่แตกกระจายเหมือนแก้วกาแฟที่เขาเพิ่งทำมันแตกไปเมื่อครู่ แต่ทว่ายังลืมไม่ได้สักที หรือไม่ก็คงเป็นเขาที่ไม่ยอมลืม...เธอ! “แง้...” เสียงร้องไห้จ้าของทารกน้อยทำให้เด็กชายวัยสามย่างสี่ขวบแอบชะเง้อหน้ามองเจ้าวัตถุที่กำลังผลิตเสียงแสบแก้วหูนั่นอย่างสนใจ ความเป็นลูกคนเดียวทำให้ไม่เคยเห็นหรือคลุกคลีกับเด็กทารกแรกเกิดที่ไหน สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าจึงทั้งน่าพิศวงและชวนให้อยากรู้อยากเห็น “เข้ามาดูน้องใกล้ๆ สิจ๊ะตาจิม” เด็กชายจิรายุ ปรีดากุล หรือจิม หันไปมองเจ้าของเสียงอบอุ่นที่เอ่ยพลางกวักมือเรียกตนเข้าไปหาเจ้าลำโพงตัวน้อยอย่างรักใคร่เอ็นดู “ไปสิลูก กลัวอะไร น้องออกจะน่ารัก” เด็กชายหันไปมองหน้ามารดาที่เดินตามเขาเข้ามาแถมยังรุนหลัง ทำให้เขาจำต้องเดินไปที่เปลเด็กอ่อน “นี่ไงจ๊ะ น้องดรีม น้องสาวคนใหม่ของลูก น่ารักไหม” ทารกแรกเกิดตัวแดงแจ๋ผิวยับย่นยังไม่เข้าที่ทำให้เด็กชายมองนิ่งและประเมินในใจว่าเด็กตรงหน้าห่างไกลจากคำว่าน่ารักไปไกลมาก เขาไม่ชอบเสียงดัง แต่เด็กน้อยนี่กลับแหกปากเสียจนน่ากลัวว่าเส้นเสียงจะพังก่อนโตเหลือเกิน แต่พวงแก้มยุ้ยๆ กับดวงตาที่กลมใสแจ๋วนั่นก็ชวนให้น่าจับต้องไม่น้อยแฮะ ราวกับได้ยินความในใจ จู่ๆ ทารกน้อยก็หยุดร้องไห้ พลางจ้องมองมาที่พี่ชายคนใหม่ตาแป๋ว ปากสีแดงอมชมพูน่ารัก โค้งขึ้นนิดๆ ราวกับทักทาย “ต๊าย! ดูสิ พอตาจิมเข้ามา เจ้าตัวเล็กของเราก็หยุดร้องเลย แถมส่งยิ้มหวานให้เสียด้วย” มารดาของเด็กชายเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ไงจ๊ะ หนูดรีม ชอบพี่จิมของเราใช่ไหม หืม...” คุณต้องตาผู้เป็นมารดาของเด็กทารกน้อยถึงกับส่ายหน้าในความมโนเป็นตุเป็นตะของเพื่อนรัก แต่ก็ไม่ได้ขัดคออะไร “ดูสิต้องตา ดูลูกสาวเธอ ยิ้มรับเสียด้วย ถ้าชอบพี่เขา งั้นพอโตขึ้นป้าจะให้หนูเป็นเจ้าสาวของพี่จิมดีไหมลูก” มือที่กำลังเอื้อมไปที่แก้มใสๆ มีอันหดชะงัก เงยหน้ามองมารดาที่เอาแต่ยิ้มแป้นอย่างงุนงง “เจ้าสาว! เจ้าสาวคืออะไรครับ” ดวงตาที่ฉายรอยเฉลียวฉลาดจ้องหน้าบุพการีเขม็ง “เจ้าสาวก็คือผู้หญิงที่ลูกจะแต่งงาน แล้วก็อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตน่ะสิลูก เหมือนพ่อกับแม่ แล้วก็น้าต้องตากับน้าภานุไงล่ะจ๊ะ” คนฟังทำหน้าเบ้ พลางหันไปมองคนตาแป๋ว ที่ส่งยิ้มเล็กๆ ให้อย่างผูกมิตร “เจ้าสาว” เด็กชายชี้ไปที่เปล “น้องคนนี้เหรอครับแม่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD