๕ สายใยผูกใจ

1923 Words
๕ สายใยผูกใจ สามวันแล้วที่จันทร์กระจ่างจากไป ที่เคยคิดว่าคงไม่รู้สึกอะไร แต่ยิ่งนานไปเขายิ่งรู้สึก ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเหล่านี้คือความไม่เป็นสุข ในตอนกลางวันเขามีงานให้ต้องทำจึงหยุดคิดถึงใครบางคนได้ชั่วขณะ แต่พอตกดึกเขาต้องกลายเป็นคนที่นอนมองที่นอนฝั่งที่เคยมีเจ้าของร่างหอมกรุ่นและนุ่มนิ่มอยู่อย่างนั้น เป็นความรู้สึกใจหาย เพราะคนที่เคยมีอยู่ เวลานี้ไม่มีอีกต่อไป ตื๊ดด.... เสียงเรียกเข้าดังขึ้นขณะที่อิชย์กำลังจะออกจากบ้าน เขาฝากคลินิกเอาไว้กับดนัย ฝากฟาร์มเอาไว้กับบิดาและหัวหน้าคนงาน ส่วนตัวเขาตั้งใจออกไปตามหาจันทร์กระจ่าง แต่ถ้าไม่ได้รักเมียคนนี้แกก็ปล่อยเขาไปเถอะ จู่ๆ ประโยคที่มารดากล่าวกับเขาเมื่อวันก่อนก็ดังขึ้นในความคิด ชายหนุ่มเม้มปาก พลางบอกตนเองอย่างคนพาล ก็อยู่กันมาได้ตั้งนานไม่เห็นจะต้องรัก จันทร์กระจ่างเองก็ไม่เห็นจะเดือดร้อน หล่อนอยู่ในที่ของหล่อน ออกจะดูมีความสุขด้วยซ้ำ กับแค่เขาไปเฝ้าเพื่อนเก่า ทำไมจะต้องทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต มีเยี่ยงอย่างที่ไหน มีเมียอยู่ทั้งคนยังไปนอนเฝ้าแฟนเก่า ปล่อยให้เมียนั่งตบยุงรอเพราะความเป็นห่วง ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ใจคอคนเรานี่นะ บางทีก็ดำเสียยิ่งกว่าอีกาอีก พลันคำตำหนิของพี่สาวก็ดังกร้าวขึ้น ขาที่ทำท่าจะก้าวออกไปชะงักลงอีกครั้ง เกิดความรู้สึกผิดขึ้นท่ามกลางความสับสน ยามนี้ความรู้สึกของเขาแยกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งหยิ่งทะนงตน อีกส่วนรู้สึกผิดที่ทำให้คู่ชีวิตต้องเสียใจ ตื๊ดดด..... เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาพลิกหน้าจอขึ้นดูก็ได้แต่ถอนหายใจยาว เหมือนแพร... วันนี้หญิงสาวโทร.หาเกือบสิบครั้งเห็นจะได้ เขารู้ว่าหล่อนกลับไปพักฟื้นที่บ้านเรียบร้อยแล้ว และเขาเองก็ไม่ได้กลับไปหาหล่อนอีกเลยเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องของจันทร์กระจ่าง ปลายนิ้วเรียวยาวกดรับโทรศัพท์ของหญิงสาว “ครับ” “อิชย์! ทำไมไม่มาหาแพรบ้าง รู้ไหมตอนนี้แพรกลับมาพักที่บ้านแล้วนะ” คนปลายสายทำเสียงกระเง้ากระงอด ทำให้ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจยาว “รู้แล้ว คุณเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่” เขาตอบกลับขณะก้าวขึ้นไปนั่งในรถยนต์ส่วนตัว เหมือนแพรหน้างอ ขณะมองออกไปยังหน้าบ้าน เมื่อวานสามีของหล่อนเดินทางมาหาทันทีที่รู้ข่าว เขาจะพาหล่อนกลับตั้งแต่เมื่อวาน แต่มารดาขอให้อยู่ต่ออีกสามสี่วัน แต่ฝ่ายนั้นมีงานด่วน เขาอยู่ด้วยไม่ได้ จึงจะกลับวันนี้ ขณะเดียวกันเรื่องของจันทร์กระจ่างก็เข้าหูหล่อน “ได้ข่าวว่าเมียอิชย์ไปแล้วเหรอคะ” คนที่กำลังสตาร์ตรถนิ่วหน้า ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง “ใครบอกคุณล่ะ” เหมือนแพรแสยะยิ้ม พลางมองไปยังสามีและบิดาที่ยืนคุยกันอีกครั้ง “ก็เขาปิดกันให้แซด ว่าเมียเจ้าของฟาร์มโคนมหนีออกจากบ้าน รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น หนีไปกับใครหรือเปล่าก็ไม่รู้” ทั้งน้ำเสียงและคำพูดเหยียดหยามดูถูกของเหมือนแพรทำให้อิชย์แทบไม่เชื่อหู ว่าออกมาจากปากของอดีตคนรัก “ถ้าไม่มีอะไรก็แค่นี้ก่อนนะแพร ผมไม่มีเวลา” พูดจบเขาก็ตัดสายของเหมือนแพร รู้สึกโกรธอดีตคนรักอย่างบอกไม่ถูก ถึงเขาและหล่อนจะเคยรักกัน แต่ก็ใช่ว่าจะมีสิทธิ์พูดจาให้ร้ายผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของเขา และเขาเชื่อมั่นว่าจันทร์กระจ่างไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นอย่างแน่นอน คิดได้เช่นนั้นชายหนุ่มก็ขับรถออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาของนางแม้นและจอยมองตามอย่างเอาใจช่วย “อิชย์ อย่าวางสายนะ อิชย์!!” เหมือนแพรแทบกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ ยามนี้หล่อนโกรธคนทั้งโลก โกรธสามี โกรธอดีตคนรัก และโกรธตัวเองที่ต้องมาติดแหง็กแบบนี้ ที่ประตู ร่างสูงใหญ่ของนายทหารผู้เป็นสามีมีสีหน้าเรียบขรึมทันทีที่ก้าวเข้ามาได้ยินบทสนทนาของภรรยา เขาพอจะรู้ว่าเหมือนแพรทำอะไรเอาไว้บ้าง หล่อนทำให้ครอบครัวของอดีตคนรักแตกแยก ถือเป็นเรื่องเลวร้ายพอๆ กับที่หล่อนกำลังนอกใจ.... เหมือนแพรรู้จักเขาน้อยเกินไป แล้วหล่อนจะได้รู้ว่าการกระทำที่ผ่านมาของหล่อน สร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองมากแค่ไหน... ภายในกระท่อมน้อยหน้าบ้านของปัทมา จันทร์กระจ่างกำลังนั่งดูรายละเอียดบ้านเช่าที่เพื่อนรักช่วยดูมาให้ ทว่าก็ยังไม่มีหลังไหนทำให้หญิงสาวรู้สึกอยากตกลงปลงใจเลยสักหลัง มือเรียววางปากกาลง พร้อมกับยกมือขึ้นกุมขมับพลางบีบเบาๆ เมื่อรู้สึกมึนงง ตาลายคล้ายจะเป็นลม ท่าทางพะอืดพะอมของจันทร์กระจ่าง ทำให้คนที่ยกเครื่องดื่มและผลไม้ออกมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าขมวดคิ้วมอง “เป็นอะไรจันทร์ หน้าดูซีดๆ นะ” คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนพลางทอดถอนลมหายใจยาว หลุบตาซ่อนบางอย่างในความคิด จากนั้นเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยอาการคลื่นเ**ยนอยากอาเจียนขึ้นมา “ไม่รู้สิ อยู่ๆ ก็อยากจะอ้วก” ปัทมาขมวดคิ้ว พลางขยับเข้าไปใกล้แล้วยกมือขึ้นอังหน้าผากของเพื่อนรัก ก่อนจะดึงกลับแล้วนั่งลงข้างกันนั่นเอง “เครียดเกินไปหรือเปล่า” เอ่ยถามพลางหลุบตามองกระดาษที่เต็มไปด้วยรายละเอียดบ้านเช่า “อย่าเพิ่งดูมันเลยนะ นอนพักก่อนเถอะ บางทีแกอาจเครียดเกินไป” จันทร์กระจ่างยิ้มเซียว และเห็นด้วยกับเพื่อนรัก ทว่าลึกๆ นั้นรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตน และอาการของมันก็เริ่มฟ้องออกมาแล้วในเวลานี้ “อาจจะจริง งั้นฉันขอนอนพักสักนิดนะ” “ตามสบาย นอนนานๆ ก็ได้” ปัทมายิ้มอ่อนและนั่งมองจนเพื่อนรักหลับตาลง รอยยิ้มจึงค่อยๆ จืดจาง รู้สึกเป็นห่วงเพื่อน จันทร์กระจ่างเคร่งเครียดมาตลอด กลางคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ แม้จะพยายามทำตัวให้ร่าเริงสดใสในเวลากลางวัน แต่ตนรู้ดีว่าเพื่อนยังคงคิดถึงคนที่จากมา ผู้ชายคนนั้นมีอิทธิพลต่อเพื่อนของหล่อนมากทีเดียว ประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่ง จันทร์กระจ่างตื่นขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นอะไรบางอย่าง หญิงสาวยกมือขึ้นอุดจมูกตนเอง จากนั้นอาการพะอืดพะอมก็กลับมาอีกครั้ง และคราวนี้หญิงสาวไม่ต้องคิดนาน ร่างบางทะยานพุ่งพรวดไปที่โคนต้นไม้ แล้วอาเจียนเอาของเมื่อเช้าออกมาจนหมดไส้หมดพุง ทำเอาคนที่กำลังเดินออกมาตามถึงกับรีบวิ่งไปหาทันที “จันทร์” ปัทมาลูบหลังนุ่มของเพื่อน นานพักใหญ่หญิงสาวจึงสงบลง ปัทมารีบหมุนตัวกลับไปหยิบแก้วน้ำมาให้ จันทร์กระจ่างรับไปกลั้วคอล้างปากก่อนจะยืดลำตัวตรง พลางยกมือขึ้นวางทาบบริเวณหน้าท้อง ภาพนั้นทำเอาปัทมามองตามแล้วนิ่วหน้า “จันทร์ มีอะไรที่แกยังไม่ได้บอกฉันหรือเปล่า” เจ้าของนัยน์ตาแดงก่ำหลบตาเพื่อนแวบหนึ่ง จากนั้นจึงหมุนตัวกลับไปนั่งที่กระท่อม โดยมีอีกฝ่ายเดินตามไปติดๆ เมื่อทั้งคู่นั่งลง จันทร์กระจ่างจึงยอมบอกออกมา “ฉัน…” หญิงสาวหลุบตาลง พลันน้ำตาก็หยดแหมะจนต้องรีบเช็ดออก แล้วจึงสบตาเพื่อนอีกครั้ง “ฉันท้องปัท ก่อนจะมีปัญหาฉันสงสัยตัวเอง เพราะรอบเดือนขาดไปเกือบสองเดือน ก็เลยซื้อที่ตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจ ผลออกมาบอกว่าฉันท้อง ฉันดีใจมาก รอบอกเรื่องนี้กับคุณอิชย์ตั้งใจว่าจะขอให้เขาพาไปโรงพยาบาล แต่ว่าคืนนั้น...” ปัทมากุมมือเพื่อน เมื่อน้ำตาของจันทร์กระจ่างไหลออกมาอีกครั้ง ริมฝีปากสั่นระริก ทั้งสีหน้าและแววตาบอกชัดถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสแค่ไหน “เขาไม่กลับบ้าน...” ไม่มีเสียงสะอื้นดังออกมา มีเพียงน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุดเมื่อคิดย้อนไปถึงค่ำคืนที่หล่อนนั่งรอเขาด้วยใจจดจ่อ ด้วยหวังว่าเรื่องนี้จะเป็นกาวใจให้เขากลับมาใส่ใจหล่อนมากกว่าที่เคย รวมทั้งลบเลือนความอึมครึมที่มีต่อกัน แต่จากที่ตั้งใจจะบอกข่าวดี ก็กลายเป็นความห่วงใยในตัวสามีขึ้นมาแทน เพราะรอแล้วรอเล่า เขาก็ไม่กลับมา แต่ทันทีที่รู้ว่าเขาหายไปไหน ความตั้งใจเดิมที่จะบอกเขานั้นถูกยกเลิก เพียงวูบเดียวที่ตัดสินใจ ก็พัดพาหล่อนมาจนถึงที่นี่ แต่ถามว่าเสียใจหรือไม่ ก็ตอบได้ทันทีว่า ไม่เลย... ต่อให้ย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง หล่อนก็คงจะทำเหมือนเดิม ในเมื่อเขาไม่รักหล่อนและไม่พยายามที่จะรักหรือเปิดใจให้กันสักนิด ก็คิดว่าขออำลาเสียดีกว่า ลูกคนเดียว หล่อนเลี้ยงได้ และจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด “แสดงว่าเขายังไม่รู้เรื่องนี้” ปัทมาครางออกมาเบาๆ เพราะแม้ว่าทั้งคู่จะต้องร้างรากันในที่สุด แต่เรื่องลูกไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย คนเป็นพ่อต่อให้แย่แค่ไหนก็ไม่ควรถูกปิดบังเรื่องนี้ “แกคิดจะบอกเขาไหม” จันทร์กระจ่างสูดลมหายใจ ดวงตาคู่งามที่แดงเรื่อมองตาเพื่อนอยู่อึดใจ “ไม่ บางทีตอนนี้เขาอาจตีปีกดีใจด้วยซ้ำที่ฉันไม่อยู่เป็นก้างขวางคอเขากับคนรักเก่า ให้มันเป็นแบบนี้แหละดีแล้วปัท และฉันก็หวังว่าแกจะเข้าใจที่ฉันตัดสินใจแบบนี้” เป็นปัทมาบ้างที่ถอนหายใจยาว แม้ไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แต่ความรู้สึกของเพื่อนสำคัญที่สุด “ฉันเข้าใจแกเสมอ แต่ก็อดเป็นห่วงหลานไม่ได้ อีกอย่างเขาควรมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าแกตัดสินใจแบบนี้แล้ว ฉันก็พร้อมจะช่วยแกทุกเรื่อง” จันทร์กระจ่างยิ้มตอบเพื่อนด้วยความซาบซึ้งใจ นัยน์ตามีหยาดน้ำเอ่อคลอ “ขอบใจแกนะ ขอบใจมาก” ปัทมายิ้มพร้อมกับถอนหายใจอีกครา “ตอนนี้ไปกินข้าวเที่ยงกัน สักบ่ายฉันจะพาแกออกไปตรวจให้แน่ใจที่โรงพยาบาลนะ” จันทร์กระจ่างพยักหน้าเบาๆ อย่างเห็นด้วย เพราะกำลังคิดอยู่ว่าจะบอกเรื่องตนท้องกับเพื่อนหรือไม่ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วงกันมากจนเกินไป แต่เมื่อสบตาของคนที่จริงใจต่อหล่อนมากที่สุดคนหนึ่ง จึงตัดสินใจบอกออกไป... หญิงสาวหลุบตามองที่ตั้งของชีวิตน้อยๆ พลางวางมือทาบลงบนหน้าท้องแบนราบ จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา นึกดีใจว่าอย่างไรเสียในเวลานี้ หล่อนก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว... ในความคิดก่อนหน้านี้ อิชย์อาจเคยเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ทว่านับจากนี้ต่อไป ชีวิตน้อยๆ ที่กำลังเติบโตอยู่ในท้องของหล่อนต่างหาก ที่คือทุกอย่างและเป็นทุกสิ่งในชีวิตและจิตวิญญาณ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD