๓ เมียหาย ล้อมคอก

1952 Words
๓ เมียหาย ล้อมคอก อิชย์กลับบ้านในเช้าวันใหม่ และพบว่าอาหารถูกตั้งโต๊ะรอท่าอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มกวาดสายตามองหาภรรยาเพื่อที่จะอธิบายทุกอย่างถ้าหล่อนต้องการรู้ แต่พบเพียงแม่ครัวที่เดินออกมาเจอเขาพอดี “อ้าวคุณอิชย์! คุณหายไปไหนมาคะ คุณจันทร์นั่งรอคุณทั้งคืน พยายามติดต่อคุณแต่คุณไม่ยอมรับสาย ไม่ได้หลับได้นอนเลยนะคะ” น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจที่เจอหน้าเขาในเช้านี้พร้อมกับคำบอกเล่าทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิด “ขอโทษที พอดีมีเรื่องสำคัญต้องทำ แล้วแบตโทรศัพท์ก็มาหมด ก็เลยไม่ได้รับสาย แล้วตอนนี้คุณจันทร์อยู่ที่ไหน” “บนห้องค่ะ นี่ถ้าคุณยังไม่กลับมา ป้าว่าเธอคงจะออกไปแจ้งความแล้วล่ะค่ะ” “แล้วนี่คงไม่ได้โทร.ไปถามพ่อกับแม่หรอกนะ” นางแม้นส่ายหน้ายิ้มๆ “ยังค่ะ ก็ถ้าคุณยังไม่กลับมาก็คงต้องถึงหูท่านทั้งสองเหมือนกัน คุณขึ้นไปดูเธอสักหน่อยเถอะนะ ป่านนี้คงใจหายไปไกลแล้ว” ชายหนุ่มพยักหน้า แล้วเดินตรงไปยังบันไดบ้าน ประตูห้องนอนเปิดเข้ามาเบาๆ พร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่ยังอยู่ในชุดของเมื่อวาน จันทร์กระจ่างที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าหันมองที่มาของเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ริมฝีปากก็ปิดสนิทเป็นเส้นตรง ดวงตาคู่สวยที่มีเค้าแดงเรื่อก่อนแล้วร้อนผ่าวขึ้นมาอีก ก่อนหักห้ามความน้อยใจลงจนมิดแล้วเอ่ยถาม “คุณหายไปไหนมาคะ จันทร์โทร.หาคุณ แต่คุณไม่รับสายจันทร์” สิ้นเสียงถาม ร่างสูงก็มาหยุดลงข้างกายของภรรยา เขามองหล่อนด้วยสายตาราวจะขอโทษอยู่กลายๆ “ขอโทษที่ไม่ได้โทร.มาบอก พอดีแบตหมด” คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวหลุบสายตาลงมองแผงอกกว้าง เสื้อของเขาค่อนข้างยับ เหม่อมองอยู่อึดใจแล้วบอกตนเองว่าที่ตรงนี้มันไม่ใช่ของหล่อนตั้งแต่แรก ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาคมกริบอีกครั้ง “บอกจันทร์ได้ไหม ว่าคุณหายไปไหนมา” ดวงตาคู่สวยที่แดงเรื่อ บอกชัดว่าผ่านการร้องไห้มาทั้งคืน ชายหนุ่มขยับหมายจะคว้าร่างบางเข้าไปกอดปลอบ ทว่าหญิงสาวกลับขยับเท้าถอยหลังหนี ทำให้ชายหนุ่มต้องชะงักกึก หัวคิ้วขมวดมุ่น แต่แล้วก็ถอนหายใจอย่างพอเข้าใจความรู้สึก เป็นเขาก็คงจะโกรธอยู่ไม่น้อย ที่จู่ๆ คนเป็นสามีหายไปทั้งคืนแบบนี้ “เมื่อวานเกิดเรื่องนิดหน่อย” เขาพยายามมองตาหญิงสาว ขณะที่จันทร์กระจ่างยืนนิ่งฟังอย่างตั้งใจ “แพรประสบอุบัติเหตุ ต้องนอนโรงพยาบาลฉันก็เลย...” “คุณแพรเธอไม่มีญาติพี่น้องหรือไงกัน คุณถึงต้องไปนอนเฝ้าด้วยตัวเองแบบนั้น” ดวงตาคู่งามมองเขาอย่างตัดพ้อและผิดหวัง ชนิดที่ทำให้อิชย์หนาวเยือกในอกก่อนจะเปลี่ยนเป็นร้อนวาบบริเวณแผ่นหลัง จันทร์กระจ่างไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหล่อนมักมองเขาอย่างอ่อนโยน ชื่นชมและให้เกียรติเสมอ ไม่เคยสักครั้งที่จะมองด้วยสายตาคล้ายจะหมดความศรัทธาเช่นเวลานี้ คิดได้เช่นนั้น เขาก็หนาวเยือกในอก... “ฉัน…” “ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจเต็มปอด จากนั้นฝืนยิ้มให้กับอิชย์ ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขานิ่งนาน ราวกับว่าการสบตากันครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้มองเขา.. “คุณปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว อาบน้ำอาบท่าเถอะนะคะ จะได้ออกไปกินข้าวเช้า วันนี้จันทร์ทำของโปรดของคุณเอาไว้ด้วย” หญิงสาวบอกเพียงแค่นั้น แล้วหยิบเสื้อคลุมส่งให้เขา ก่อนจะหันกลับไปทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำ โดยไม่มองเขาอีก อิชย์ยืนนิ่ง ทำหน้าเซ่ออยู่ที่เดิมนานนับนาที จึงรู้ว่าต้องทำอะไร ก่อนเดินตรงไปยังห้องน้ำ แต่ไม่วายหันกลับมามองจันทร์กระจ่างอีกหน ความรู้สึกผิดเกาะกินใจของเขา แต่เมื่อคิดว่าถ้าปล่อยเวลาให้ผ่านไปสักพัก หญิงสาวก็คงจะหายโกรธและอารมณ์ดีขึ้นเอง คิดได้เช่นนั้นจึงเข้าไปทำธุระส่วนตัว... คนที่กำลังจัดเสื้อเข้าตู้ขยำผ้าในมือเอาไว้แน่น ริมฝีปากสั่นระริก น้ำตาหยดแหมะรดนวลแก้ม ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากเพื่อเก็บเสียงสะอื้นที่อาจดังออกมาจนทำให้ใครบางคนได้ยิน... เป็นอีกครั้ง ที่ความรู้สึกของหล่อนถูกมองข้าม... ไม่มีที่ให้หล่อนยืน คนที่ไม่ถูกรัก มักเจ็บปวดเสมอ... อิชย์ออกจากบ้านด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เขายังจดจำสายตาที่มองตามท้ายรถยนต์ของตนได้ไม่ลืม แววตาคู่นั้นหม่นเศร้าและมองตามจนลับตากันและกัน เหตุใดหล่อนมองเขาแบบนั้น แล้วไยเขาจึงได้ใจหายแบบนี้... วันนี้มีบรรดาเจ้าของพาสัตว์เลี้ยงแสนรักเข้ามารักษารวมทั้งครบรอบตรวจสุขภาพหลายราย เขาและดนัยจึงวุ่นอยู่กับการตรวจรักษาสัตว์แทบจะทั้งวัน กระทั่งใกล้เวลาเกือบบ่ายสามโมงครึ่งมีสายเรียกเข้ายาวนานครึ่งนาที แต่เขาก็ติดพันเสียจนไม่ได้รับ พอนึกได้ก็มีเคสด่วนที่ต้องตรวจต่อ เลยลืมเสียสนิทจนกระทั่งถึงเวลาปิดคลินิก “ผมกลับก่อนนะพี่” ดนัยหยิบกระเป๋าขึ้นไปถือพร้อมกับรับโทรศัพท์ อิชย์พยักหน้าให้กับรุ่นน้องและเดินออกจากร้านตามอีกฝ่ายไปติดๆ เมื่อเข้ามานั่งภายในตัวรถ จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งชั่วโมงมีสายเรียกเข้า เมื่อเห็นชื่อที่โชว์หน้าจอพลันขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกดโทร.ออกทันที “ครับป้าแม้น ขอโทษที่ไม่ได้รับสาย พอดีว่าติดดูอาการแมวอยู่ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าครับ” “คุณจันทร์ไปแล้วค่ะ” คำบอกเล่าและน้ำเสียงแหบพร่าของนางแม้นทำให้คนฟังใจหายวาบ “ไปไหนครับ” “เอ่อ มะ ไม่รู้ค่ะ แต่เธอหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ออกไปสองใบ มีรถมารับหน้าบ้าน แล้วเธอก็...” ประโยคหลังๆ ราวกับเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เขาเหมือนคนหูดับตาพร่าไปชั่วขณะ เกิดอะไรขึ้นกับจันทร์กระจ่าง หล่อนหายไปไหน... “แค่นี้ก่อนนะครับ” ชายหนุ่มตัดสายแม่บ้านแล้วกดเบอร์ของจันทร์กระจ่างทันทีที่วางสาย ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด... ทว่าเสียงที่ดังกลับมาคือ “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก Sorry. There is no acknowledgement from your requested number.” ชายหนุ่มตัดสายแล้วสตาร์ตรถออกจากหน้าคลินิกด้วยความเร็ว เขาเหยียบมิดแต่ยังช้ากว่าความรู้สึกที่ประเดประดังเข้ามาในขณะนั้น รถยนต์เลี้ยวเข้าบ้านแล้วเบรกดังเอี๊ยดจนฝุ่นตลบ พร้อมร่างสูงใหญ่ที่พรวดพราดลงจากรถไปพบกับนางแม้นที่ยืนรออยู่หน้าระเบียงด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ ภาพที่เห็นตรงหน้าราวกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ใช่แล้วมันคือภาพความทรงจำในห้วงฝันเมื่อนานมาแล้ว ชายหนุ่มชะงักงันขณะหยุดลงตรงหน้านางแม้นที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก “เกิดอะไรขึ้น” นางแม้นส่ายหน้าเบาๆ นางเองก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเช่นกัน “ป้าก็ไม่รู้ค่ะ ตั้งแต่คุณออกจากบ้านไปคุณจันทร์ก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง พอช่วงบ่ายเธอก็เดินลงมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสองใบ แต่งตัวเหมือนจะเดินทางไกล พอป้าถามเธอก็บอกเพียงว่าฝากลาคุณอิชย์ด้วย แล้วไม่ยอมบอกอะไรอีกเลย มีรถจากข้างนอกขับเข้ามารับ จอย...” นางแม้นหันไปเรียกหลาน ฝ่ายนั้นรีบเดินมาหาพร้อมกับส่งโทรศัพท์มือถือให้อิชย์ “จอยมันถ่ายทะเบียนรถเอาไว้ได้ค่ะ คุณอิชย์ลองสืบดูนะคะ เผื่อได้ความว่าคุณจันทร์ไปไหน” ชายหนุ่มถ่ายภาพนั้นต่ออีกที แล้วส่งโทรศัพท์คืนจอย “พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้หรือยัง” นางแม้นส่ายหน้า “ยังค่ะ ป้ารอบอกคุณก่อน ไม่อยากทำอะไรให้เอิกเกริก” ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างพอใจ “ดีแล้วครับ” พูดจบ เขาก็เดินผ่านหน้าคนทั้งสองเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ร่างสูงเข้ามาหยุดยืนที่กลางห้องนอนด้วยความรู้สึกเคว้งคว้าง มันเหมือนกับภาพในความฝันไม่มีผิด เขาก้าวไปหยุดที่หน้าเตียงนอนที่เรียบตึง ทุกอย่างดูเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นทุกวัน จันทร์กระจ่างไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในห้องนอน หล่อนไม่เคยใช้ให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด หญิงสาวจะดูแลทุกอย่างภายในห้องนี้รวมทั้งตัวเขาด้วยตัวของหล่อนเองทั้งหมด ชายหนุ่มหันกลับไปมองยังโต๊ะเครื่องแป้งที่เคยเต็มไปด้วย เครื่องสำอางของจันทร์กระจ่าง ทว่าตอนนี้กลับว่างเปล่า หัวใจของเขาดิ่งวูบลงในทันที ฝ่าเท้าเรียวยาวภายในถุงเท้าเนื้อดีสืบตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เมื่อเปิดออกก็พบว่าด้านที่เคยเป็นของภรรยายามนี้ว่างเปล่าเช่นเดียวกัน มือของเขาพลันเย็นเยียบ ไม่คิดว่าความฝันคราวนั้นคือนิมิตรบอกเหตุล่วงหน้า หล่อนจากเขาไปโดยไม่มีคำร่ำลา แค่เพียงสายตาที่ตัดพ้อ นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาได้เห็น ชายหนุ่มบดกรามแน่น เพิ่งเข้าใจในตอนนี้ว่าแววตาที่มองก่อนจะจากไปนั้นหมายความว่าอะไร หล่อนต้องการบอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้ายผ่านสายตาคู่นั้น สันกรามนูนขึ้นเป็นระยะ เขาคิดเองเออเองมาตลอด หลงคิดไปว่าหล่อนจะหายโกรธ และปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่เขาคิดผิด ชายหนุ่มถอยหลังไปนั่งลงบนเตียงกว้าง เขาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ รู้สึกราวกับมีบางอย่างบีบรัดที่หัวใจ มันเจ็บและปวดคล้ายกับครั้งที่เคยเกิดขึ้นในตอนที่ถูกเหมือนแพรบอกเลิก ทว่าครั้งนี้ราวกับว่าความปวดร้าวหยั่งลึกยิ่งกว่า อาจเป็นเพราะเขาและหล่อนต่างผูกพันลึกซึ้ง ระยะเวลาสองปีเศษที่ร่วมเรียงเคียงหมอน เขามีหล่อนเคียงกาย ยามเหนื่อยล้ายังมีหล่อนคอยดูแล ยามหิวมีหล่อนทำอาหารให้ ยามนอนมีหล่อนแนบเนาว์ จันทร์กระจ่างทำให้เขารู้สึกเคยชินที่ต้องมีหล่อนอยู่ข้างๆ เสมอ ถึงอย่างนั้นเขายังคิดว่าหากวันหนึ่งถึงคราวต้องจากกัน ก็คงไม่รู้สึกอะไรนักหนานอกเสียจากใจหายแล้วคงค่อยๆ ลืมหล่อนไปในที่สุด แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงจริง นอกจากใจหายกว่าที่คิดแล้ว ยังมีอารมณ์ปวดปร่าที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ก็ไม่ได้รัก แต่ทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บ... อิชย์พลันตระหนักถึงบางสิ่ง อวัยวะส่วนที่เขาไม่เคยคิดว่าจะสำคัญ แต่เมื่อถูกเฉือนออกไป ก็อาจตายได้เช่นกัน แล้วจันทร์กระจ่างเล่า เป็นอวัยวะส่วนไหนของเขากันแน่ คิ้วหนากระตุก มือขยับกำแน่น จากนั้นร่างสูงก็ผลุนผลันออกจากห้องนอน ซอยเท้าดังตึงตังวิ่งลงบันไดบ้านจนแม่ครัวและหลานต่างตกอกตกใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD