๓ เมียหาย ล้อมคอก2

1515 Words
ที่สถานีขนส่ง จันทร์กระจ่างส่งเงินให้คนขับรถรับจ้าง แล้วลากกระเป๋าเดินทางตรงไปยังรถประจำทางที่จอดอยู่ภายในสถานีขนส่งของจังหวัด ร่างระหงตรงไปยังช่องจำหน่ายตั๋ว นั่งรอไม่นานรถโดยสารคันโตก็เคลื่อนตัวออกจากสถานีขนส่ง ทะยานสู่จุดหมายปลายทางที่ใครหลายคนต่างจดจ่อรอคอย... เมื่อออกมาจากตัวเมืองได้สักพัก สองข้างทางที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้าสลับกับบ้านเรือนของผู้คน หญิงสาวกอดอกแล้วมองออกไปทางหน้าต่างด้วยสายตาเลื่อนลอย ความรู้สึกยามนี้ขมปร่า แม้พยายามไม่คิดถึงคนที่เพิ่งจากมาแต่ไม่ง่ายเลยสักนิดที่จะทำแบบนั้น เหตุผลของการจากมาโดยไม่กล่าวลา เพียงต้องการบอกเขาให้รู้ว่าการที่ปล่อยให้ใครสักคนต้องรอโดยไร้จุดหมาย และถูกมองอย่างคนหมดความสำคัญนั้นให้ความรู้สึกเป็นเช่นไร แต่เหตุผลแท้จริงของการลาจาก คือหล่อนรู้แล้วว่าไม่มีทางแทรกเข้าไปในหัวใจของเขาได้ ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหนก็ตาม เพราะในนั้นยังคงเป็นที่ของเหมือนแพรเสมอ หล่อนจึงเลือกที่จะเดินออกมาเงียบๆ หญิงสาวยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนที่จะเป็นจุดสนใจของผู้โดยสารคนอื่น บอกตนเองว่านับแต่นี้ต่อไปหล่อนมีเพียงตัวคนเดียว... เวลาเดียวกัน อิชย์ประสานงานไปที่เพื่อนตำรวจ ฝ่ายนั้นวิทยุสื่อสารไปยังด่านตรวจ ทั้งยังส่งคนไปสืบจนถึงสถานีขนส่งจังหวัด ทว่ากลับไร้วี่แววของจันทร์กระจ่าง รถบัสที่น่าสงสัยไม่มีคันไหนที่หญิงสาวโดยสารไปด้วย อิชย์มืดแปดด้าน เขาไม่รู้จะไปหาหล่อนได้จากที่ไหนอีกแล้ว ด้านนายอังกูรและนางมนพรเมื่อทราบเรื่องก็นั่งรถมาที่บ้านของลูกชายในทันทีโดยมีอัจฉราเป็นคนขับ เมื่อมาถึงจึงได้พบกับนางแม้นและจอยที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน “ตาอิชย์ล่ะ” นางมนพรเอ่ยถามรัวเร็ว “ยังไม่กลับมาเลยค่ะ พอรู้เรื่อง คุณอิชย์ก็รีบออกไป” นางมนพรถอนหายใจยาว นึกเสียดายลูกสะใภ้คนนี้เหลือเกิน แม้จะไม่ได้ตบแต่งเป็นกิจจะลักษณะ แต่นางก็ยอมรับหญิงสาว และเคยบอกให้ลูกชายทำทุกอย่างให้ถูกต้องเหมาะสม ทว่าอีกฝ่ายกลับนิ่งเฉยมาโดยตลอด “อัจ พอจะรู้จักเพื่อนๆ ของจันทร์บ้างไหม” อัจฉราพยักหน้า “รู้แม่ หนูโทร.ไปหมดแล้ว ไม่มีใครเจอหรือรู้เรื่องเลยสักคน” “แล้วญาติพี่น้องล่ะ มีใครรู้บ้างไหม” “ไม่มีเหมือนกันแม่” อัจฉราตอบเสียงเบา พลางนึกเป็นห่วงน้องสะใภ้มากขึ้นไปอีก จันทร์กระจ่างเคยอยู่กับมารดาและบิดาแถวชานเมือง รู้จักกับตนเมื่อครั้งยังเรียนหนังสือ พ่อและแม่มีอาชีพค้าขายกระทั่งหญิงสาวเข้ามหาวิทยาลัยทั้งสองก็ประสบอุบัติเหตุประสานงากับรถสิบล้อจนเสียชีวิตทั้งคู่ จันทร์กระจ่างพอมีญาติอยู่บ้าง แต่สุดท้ายหญิงสาวก็เลือกที่จะใช้ชีวิตเพียงลำพัง โดยให้เหตุผลว่าตนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว การจะให้ไปพึ่งพาคนอื่นที่แม้จะเป็นญาติแต่ก็มีภาระหนักอึ้งกันทั้งนั้นเห็นว่าไม่เหมาะนัก จึงเรียนและทำงานควบคู่กันไปด้วย “แล้วจะไปไหน” นายอังกูรเอ่ยขึ้น น้ำเสียงบ่งบอกถึงความกังวลชัดเจน ทั้งหมดเข้าไปนั่งรออิชย์ภายในบ้าน ล่วงเลยเวลาอาหารเย็นชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า กลับไม่มีใครกินอะไรลง เพราะเอาแต่เป็นห่วงจันทร์กระจ่าง ผู้หญิงที่ตอนเรียนก็เอาแต่เรียนและทำแต่งาน พอมีสามีก็อยู่แต่บ้านและดูแลแต่สามี จะไปที่ไหนได้ ยิ่งคิด ก็ยิ่งมืดแปดด้านและเป็นห่วงจับใจ บรื้นนน... เสียงรถกระบะดังที่บริเวณหน้าบ้าน ทำให้คนทั้งหมดต่างลุกขึ้นยืนแทบจะพร้อมเพรียงกัน และชะเง้อมองออกไป ร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาในเวลาเกือบสี่ทุ่มครึ่งดูอ่อนล้าไม่น้อย ขณะเดียวกันทุกคนมองไปยังเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง แม้ไม่พบตัวแต่ถ้าได้ข่าวคราวบ้างก็ยังดี “ว่ายังไงบ้างลูก ได้ข่าวน้องไหม” นางมนพรยกมือขึ้นจับแขนกำยำของลูกชาย พลางกวาดตามองดวงหน้าคมคายของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและกังวลใจในเวลาเดียวกัน “ไม่เจอครับ” เขาตอบเสียงเรียบแต่แฝงอาการอ่อนล้า ส่วนสีหน้าที่แสดงออกเคร่งขรึมกว่าทุกวัน ขณะที่คนฟังใจหายวาบ ทุกคนเกิดความรู้สึกเดียวกันคือ เป็นห่วง... “ผู้หญิงตัวคนเดียวแบบนั้นจะไปที่ไหนได้ น้องเคยพูดหรือเปรยให้ฟังบ้างหรือเปล่าว่าอยากไปที่ไหน” นางมนพรเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงร้อนรน ระหว่างนั้นนายอังกูรได้เห็นแววตาไหววูบของลูกชายที่บ่งบอกถึงความกังวลใจและรู้สึกผิด “มานั่งก่อนเถอะ หิวหรือเปล่า” ชายหนุ่มเหลือบตามองบิดา ลมหายใจพรูพรั่งพร้อมส่ายหน้า “ไม่หิวครับ” แน่นอน ตอนนี้ไม่มีใครคิดอยากจะกินอะไรทั้งนั้น ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้ข้างมารดา ส่วนบิดานั่งข้างๆ ลูกสาว นางแม้นและจอยนั่งตัวถัดไป “แล้วจะเอาไงต่อ” หลังจากที่นิ่งเงียบมานาน อัจฉราจึงเอ่ยถามน้องชาย อีกฝ่ายยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างจนหนทาง “ผมยังไม่รู้” คนเป็นพี่ขมวดคิ้วพลางเม้มปากแน่น รู้สึกโกรธน้องชายจนตัวสั่น เพราะช่วงสายเพื่อนที่เป็นนางพยาบาลในจังหวัดโทรศัพท์มาบอกกับหล่อนว่าพบอิชย์ที่โรงพยาบาล ตอนแรกหล่อนก็ตกใจคิดว่าใครสักคนเป็นอะไร แต่เมื่อรู้ว่าน้องชายดอดไปนอนเฝ้าอดีตคนรักที่ประสบอุบัติเหตุจนต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลก็โกรธจนควันออกหู แต่ยังเก็บเรื่องนี้รอที่จะเล่นงานเจ้าตัวโดยตรง ทว่ายังไม่ทันไร น้องสะใภ้คนโปรดก็หายออกจากบ้านเสียก่อนที่จะได้มีการจัดการต้นเรื่อง “เรื่องนี้มันเป็นเพราะแกคนเดียว รู้เอาไว้ซะด้วย” ไม่พูดเปล่า แต่อัจฉรามองน้องชายตาขวาง ทำให้นายอังกูรมองลูกสาวด้วยสายตาเข้มจัด “อัจ ตอนนี้เราต้องช่วยกันคิดว่าจะหาตัวจันทร์ได้ที่ไหน ไม่ใช่เวลาจะมาโทษน้อง” หญิงสาวเม้มปากแน่นเมื่อถูกบิดาเอ็ด ส่วนอิชย์นั้นละสายตาจากพี่สาวแล้วสบตาบิดาอย่างนึกขอบคุณ “พรุ่งนี้ผมจะออกแต่เช้า จะไปแจ้งความ แล้วออกตามหา” อัจฉราได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหลุดปากออกไป “ถ้าใครบางคนรู้ว่าจันทร์ไม่อยู่คงตีปีก ได้ข่าวว่านอนแบ็บอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ ตอนนี้นายว่างแล้วนี่ ไม่ไปเฝ้าอีกสักคืนล่ะ” สิ้นคำของอัจฉรา สายตาทุกคู่ก็มองขวับมายังอิชย์ “แกพูดอะไรของแก” นางมนพรหันไปมองลูกสาวนัยน์ตาเขียวปัด ขณะที่ลูกชายนิ่งเงียบและถูกจับจ้องจากสายตาของบิดามารดาด้วยอาการกังขา “ว่าไงอิชย์ พี่แกหมายความว่าอะไร” ชายหนุ่มถอนหายใจยาว สบตามารดาอยู่อึดใจก่อนตอบ “ไม่มีอะไรครับ” ไม่เพียงนางมนพรที่ไม่เชื่อ แต่นายอังกูรเองคิดว่ามองไม่ผิด ลูกชายกำลังมีเรื่องปิดบังตนและทุกคนในที่นี้ “ก็หวังว่าเรื่องที่พี่แกพูดจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เมียของแกต้องเก็บกระเป๋าออกจากบ้านไปโดยไม่บอกไม่กล่าวกันแบบนี้หรอกนะ” คำกล่าวนี้เป็นของนายอังกูร สายตาที่มองลูกชายจึงเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและดุดัน เจ้าของดวงตาคมกริบไม่ต่างจากบิดาหลุบต่ำ เขาเองคิดเรื่องนี้มาทั้งวัน ถ้าหล่อนจะโกรธเรื่องที่เขาหายไปทั้งคืนก็ไม่น่าจะทำให้ถึงกับหนีเขาไปโดยไม่คิดเอ่ยลา แต่ลางสังหรณ์บอกกับเขาว่ามันมากกว่านั้น ชายหนุ่มตวัดสายตามองไปยังพี่สาวอีกครั้ง คราวนี้ฝ่ายนั้นจ้องตอบกลับมาเช่นกัน เขาไม่แปลกใจนักถ้าอัจฉราจะรู้เรื่องนี้ เพราะมีเพื่อนรักทำงานอยู่ในโรงพยาบาลที่เหมือนแพรพักรักษาตัว แต่ก็ไม่คิดว่าพี่สาวจะบอกเรื่องนี้กับจันทร์กระจ่างเช่นเดียวกัน และถึงบอกก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวโกรธจนตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป เพราะเขาได้บอกไปแล้วว่าหายไปไหนมาทั้งคืน อะไร ที่ทำให้หล่อนจากเขาไปเงียบๆ ถ้าเป็นเรื่องเหมือนแพร ทำไมหล่อนไม่พูดกับเขาตรงๆ ทำไมต้องทำแบบนี้ ดวงตาสีเข้มหรี่แคบยามขบคิดหาเหตุผลของการจากไปโดยไร้คำร่ำลาของหญิงสาว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD