ตอนที่ 20 คุณค่าของมนุษย์ถูกชี้วัดด้วยความสุขของหลานชาย

1191 Words
ดูเหมือนว่าผู้คนยังประเมินความโหดเหี้ยมของ ซูจิ่งหลง ต่ำเกินไป...ใครเลยจะคาดคิดว่า ชายผู้เป็นเสาหลักของโลกใต้ดินจะใช้ ความไร้เดียงสา ของเด็กน้อยเป็นเครื่องชั่งตวงวัด ความภักดี และ คุณค่าของชีวิตคน ในห้องน้ำชาที่เงียบงัน เหลือเพียงผู้ที่รอดพ้นจากการคัดกรองรอบแรกพวกเขาคือคู่ค้าคนสนิท และเหนือสิ่งอื่นใดคือลูกหนี้ที่ติดหนี้มหาศาลมากพอจะขายทั้งชีวิตก็ยังไม่หมดทันใดนั้น… ซูจิ่งหลงหยิบของเล่นไม้ชิ้นหนึ่งขึ้นมาขยับ กลไกด้านในส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดน่ารำคาญ ทันทีที่เขาออกแรงขยับเสียงนั้น แม้แผ่วเบาแต่กลับกระตุกหัวใจผู้คนให้เต้นไม่เป็นจังหวะซูจิ่งหลงหรี่ตา มองของเล่นในมืออย่างเหยียดหยัน “ของไร้น้ำยาแบบนี้ เจ้ากล้าดียังไงถึงเอามาให้หลานข้า?” น้ำเสียงเย็นยะเยือก แทรกความดูแคลนรุนแรงไปในทุกถ้อยคำชายคนหนึ่งลุกขึ้นรีบคำนับ ร่างสั่นน้อย ๆ “นายท่าน... ข้า… ข้าสั่งทำจากช่างไม้เอกของเมืองชายแดน มันเป็น..” ซูจิ่งหลงปรายตามองเพียงแวบเดียวแววตานั้นไร้แววให้อภัย เหมือนคนที่กำลังมอง สิ่งของ ที่หมดอายุ เพล้ง! ของเล่นในมือถูกฟาดลงศีรษะชายผู้นั้นอย่างไม่ลังเลร่างเขาทรุดฮวบ เลือดไหลซึมจากหน้าผากอย่างรวดเร็วสิ่งที่ตามมาคือเสียงกระเส่า กับร่างกายที่ชักกระตุกท่ามกลางความเงียบงันซูจิ่งหลงโยนเศษของเล่นไม้ในมือทิ้งลงกับพื้นก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบไร้ความเมตตา “ถ้าหลานข้าบอกว่ามันห่วย... มันก็ห่วยและเจ้าช่างไม้ที่ทำมัน... เดี๋ยวข้าจะส่งคนไปเก็บมันซะ” แม้มือของเขาจะเปื้อนเลือด… ซูจิ่งหลงกลับไม่คิดแม้แต่จะล้างมันออก เขาเพียงหยิบขนมชิ้นเล็กที่วางอยู่ตรงหน้าขนมหวานที่ หลานจิ่วอวิ๋น เคยบ่นว่าหวานเกินไป ขึ้นมากัดอย่างเชื่องช้า สัมผัสแรกเมื่อเนื้อขนมสัมผัสปลายลิ้น ความหวานอ่อนละมุน แทบจะละลายไปกับความร้อนในปาก เขาหลับตาแผ่วเบา ราวกับซึมซับรสชาติอย่างเพลิดเพลิน แต่เพียงชั่วพริบตา สีหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นเย้ยหยันแฝงความดูแคลน ก่อนเขาจะถ่มน้ำลายลงพื้นด้วยแรงสะอิดสะเอียน “ถุย! นี่เจ้าคิดอะไรอยู่ถึงเอาขนมชั้นเลวแบบนี้ให้หลานข้ากิน?”“เจ้าจะฆ่าเขาทางอ้อมหรือไง ด้วยรสชาติที่ห่วยแตกพรรค์นี้!?” เจ้าของขนมชิ้นนั้น ตัวสั่นเทา สีหน้าซีดเผือด เหงื่อผุดเต็มขมับ เขารีบคุกเข่าลงกับพื้น กล่าวเสียงสั่น “นายท่าน… นี่...นี่คือฝีมือของพ่อครัวในวังหลว—” เขายังไม่ทันได้เอ่ยจบ ซูจิ่งหลงก็คว้าข้อมือของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว พร้อมกับขนมที่เปื้อนเลือดในมือเขายัดมันเข้าไปในปากชายผู้นั้นเต็มแรง “งั้นก็กลืนมันเข้าไป! กลืน! เข้า! ไป!” แครก แครก แครก!เสียงเคี้ยวแบบขาดอากาศตามมาด้วยเสียงสำลัก มือสองข้างคว้าอากาศเหมือนคนจมน้ำ ดวงตาเบิกโพลง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำในพริบตา ร่างนั้นทรุดลงช้า ๆ หายใจติดขัดใกล้จะขาดใจ กระทั่งในวินาทีสุดท้ายเมื่อใบหน้าเริ่มเหม่อลอย ดวงตาเหลือกกลับซูจิ่งหลงจึงยอมละมือ พร้อมผลักร่างนั้นให้ล้มลงกับพื้นราวกับเศษขยะเปื้อนโคลน สายตาของซูจิ่งหลง พวกมัน…ไม่ต่างอะไรกับเศษฝุ่นใต้รองเท้าแล้วในที่สุด เสียงต่ำเย็นชาก็ดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบงันราวป่าช้าที่ไร้ชีวิต “เอาไป…” เสียงของเขาไม่ดังนักแต่ในความเงียบงันนั้น กลับแหลมคมจนบาดไปถึงขั้วหัวใจ “ถ้าใครทนไม่ไหว… ก็ไปผูกคอตายซะ จะได้ไม่ต้องลำบากกันทั้งตระกูล” เงียบไม่มีเสียงใดโต้ตอบ ไม่มีใครแม้แต่จะขยับตัวซูจิ่งหลงปรายตามองพวกเขา…ไม่ต่างจากคนที่มองกองขยะ “พวกเจ้าต่างเลือกเส้นทางนี้ด้วยตนเองบนเส้นทางแห่งเงามืด ไม่มีคำว่าถอยกลับมีแค่ก้าวไปต่อ… หรือจบมันซะด้วยมือของตัวเอง” เชือกนั้น...กลายเป็นสัญลักษณ์แห่ง การไว้ชีวิต และ การปลดปล่อยไปในเวลาเดียวกัน ผู้ที่เลือกใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงามืด…ล้วนแล้วแต่เป็นเศษสวะที่เคยชินกับกลิ่นคาวเลือดเคยลั่นมีดปลิดชีพผู้อื่นเพียงเพราะคำพูดไม่เข้าหู หรือเพราะผลประโยชน์เล็กน้อยที่ขัดกันพวกมันไม่ใช่คนดี… และไม่เคยแสร้งเป็นโลกของพวกมันไม่มีที่ว่างสำหรับความเมตตา ไม่มีที่ยืนให้ผู้ใดลังเล เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่เงามืด ก็เท่ากับยอมรับว่า วันหนึ่งอาจต้องตายด้วยน้ำมือของเงามืดนั้นเองมันคือข้อตกลงเงียบที่ทุกคนรู้…แต่ไม่มีใครพูดไม่มีใครถูกหลอกให้เข้ามา ทุกคนรู้ตัวดีว่าที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่คือหลุมศพที่เดินได้และเมื่อถึงคราวจะถูกฝัง…ก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องความยุติธรรม ซูจิ่งหลงรู้จักสันดานของคนพวกนี้ดีเกินกว่าจะเผลอใจอ่อนในสายตาเขาพวกมันก็เป็นแค่เครื่องมือ เป็นหนี้ก้อนโตที่ยังเดินได้ ไม่มีค่าพอให้เมตตา “เอาเถิด...”เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย“ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกสักครั้ง…” ดวงตาเรียบนิ่งฉายแวววาวเย็นเยียบ ขณะเสียงของเขากดต่ำลงราวกับน้ำแข็งที่กัดลึกถึงกระดูก “หากครั้งหน้า ของขวัญของพวกเจ้า…ทำให้หลานชายข้ามีความสุขหรือรู้สึกพึงพอใจแม้เพียงครึ่งไม่แน่ว่า… ข้าอาจจะใจดี ลดหนี้ให้พวกเจ้าบ้าง” คำว่าใจดี ในประโยคนั้น ฟังดูเหมือนคำล้อเลียนมากกว่าความเมตตา ผู้คนในห้องต่างรีบก้มหน้าคุกเข่าบางคนหลั่งน้ำตาด้วยความกลัว บางคนแทบกลั้นสะอื้นไม่ไหวแต่ทุกคน…พูดพร้อมกันราวกับบทสวด “ขอบคุณนายท่าน! พวกเราจะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับหลานชายของท่าน…พวกเราจะไม่ทำให้ผิดหวังอีก!” เสียงเหล่านั้นฟังดูเหมือนคำมั่นสัตย์ แต่ในความจริง…มันไม่ต่างจากเสียงร้องขอชีวิต มีคนจำนวนไม่น้อยจากโลกมืด...ที่เลือกจบชีวิตของตนเองอย่างเงียบงัน ไม่ใช่เพราะหมดหนทางหลบหนีแต่เพราะชีวิตที่หลงเหลือมันไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นชีวิต อีกต่อไป ในโลกที่ศักดิ์ศรีมนุษย์ถูกเหยียบย่ำจนแหลกละเอียดความตายกลับกลายเป็นทางเลือกเดียวที่ยังคงมอบ ความเป็นมนุษย์ คืนให้พวกเขาได้บ้างอย่างน้อย…การจากไปด้วยมือตนเองก็ยังดีกว่าการมีชีวิตอยู่เพียงเพื่อเป็นของเล่นของผู้อื่นเป็นเบี้ยล่างที่ไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะหายใจตามใจตนเอง พวกเขาไม่ได้สิ้นชีวิตเพราะอ่อนแอแต่เพราะโลกใต้เงาใบนี้...ไม่หลงเหลือพื้นที่ให้ผู้ที่ล้มแล้วลุกไม่ไหว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD