พิษ…ที่หลานเยว่รังสรรค์ขึ้น บัดนี้…ได้แผ่ขยายอำนาจไปไกลเกินกว่าที่นางตั้งใจในโลกใต้ดินที่เต็มไปด้วยเงา ของความโหดเหี้ยม และเสียงกรีดร้องที่ไร้คนรับฟังพิษของนาง…ถูกกล่าวขานในนามใหม่ “ยมทูตแห่งความตาย”
ยาพิษหนึ่งขวด สามารถคร่าลมหายใจของผู้ฝึกปราณระดับสูงได้ถึงสิบชีวิต ไร้เสียงเตือน ไร้ร่องรอย ไร้ทางรอด
ไม่ว่าจะเป็นมือสังหารรับจ้าง ผู้นำกลุ่มกบฏ หรือเจ้าเมืองเถื่อน ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในมุมมืดต่างก็ยินดีจ่ายราคาสูงลิ่วเพียงเพื่อให้ได้ครอบครองมัน ไม่ใช่เพราะมัน "แรง" แต่เพราะมัน “แน่นอน” และในโลกที่เต็มไปด้วยความแค้นและหนี้เลือด“ความแน่นอน” นั้น...มีค่ามากกว่า “ทองคำ”
ในระยะเวลาไม่นานนัก ชื่อเสียงของพิษจากมือสตรีนิรนามที่ไม่เคยเปิดเผยใบหน้า ก็กระจายไปทั่วทุกเส้นทางการค้าของโลกใต้ดิน พ่อค้าโอสถ พ่อค้าอาวุธ เจ้าของโรงน้ำชาเถื่อน ขุนนางทุจริต…ต่างก็ต้องการ สินค้าของนาง ต่อให้นางจะผลิตพิษได้มากเท่าใดมันก็ไม่มีวันพอ…สำหรับหัวใจที่ดำมืดของผู้คนเหล่านั้น
วันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน...หลานเยว่เดินทางมายังร้านโอสถในยามเช้าตรู่ชุดคลุมสีดำสนิทแนบแน่นกับเรือนกายปราดเปรียว ผ้าคลุมปิดบังใบหน้าทุกส่วน เหลือเพียงดวงตาสีเทาเยือกเย็นที่เผยออกมาดวงตาซึ่งปราศจากแววปรานีใด ๆ
ทันทีที่ประตูไม้ส่งเสียงแกร่งกรัง เจ้าของร้านโอสถก็หันมายิ้มรับด้วยใบหน้าที่คุ้นชินเหมือนทุกคราแต่ครั้งนี้… บรรยากาศไม่เหมือนเดิม กลิ่นแปลกปลอมบางอย่างแทรกในอากาศอีกหนึ่งเงาร่างนั่งอยู่ในมุมห้อง มองมาทางนางด้วยสายตาเจือความสนใจไม่ใช่ลูกค้าธรรมดา...แต่เป็นผู้ทรงอำนาจในโลกมืด
ดวงตาของหลานเยว่หรี่ลงเล็กน้อยเสียงของนางเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเย็น ทว่าแฝงความกดดันจนบรรยากาศแทบหยุดนิ่ง
“ข้าบอกแล้วว่า...การค้าระหว่างเรา ต้องเป็นความลับ”
เจ้าของร้านยิ้มแห้ง ๆ มือสั่นเล็กน้อยแต่ยังพยายามเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงประจบ
“ท่านหญิง… โปรดใจเย็นก่อน คนผู้นี้คือ—”
ฉึก!
เสียงโลหะตัดผ่านอากาศดังก้องในความเงียบก่อนที่ใครจะตั้งตัวทัน ใบมีดสั้นเล่มหนึ่งก็พุ่งฉีกฝ่าอากาศไปด้วยความเร็วเหนือสายตามันปักเข้ากลางอกเจ้าของร้านเต็มแรงจนร่างลอยกระแทกผนังไม้ แล้วร่วงลงสู่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
มือของเขาชักกระตุกไม่หยุด...ดวงตาเบิกค้างเลือดไหลซึมจากปากและบาดแผลที่อก ไม่มีแม้โอกาสได้กล่าวคำสุดท้าย
หลานเยว่ยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับเงาที่ไม่มีหัวใจนางเอ่ยเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ หากแต่เย็นเยียบเสียยิ่งกว่าเหล็กกล้า
“ข้าไม่ต้องการฟังเหตุผลที่ไร้ค่า”
เงียบงัน...
ชายผู้เป็นแขกในร้านยังคงนั่งนิ่งดวงตาคมของเขาจ้องมองหลานเยว่ไม่วางตา แต่สิ่งที่เขารู้สึก…ไม่ใช่ความโกรธหากเป็นความตื่นตะลึง เพราะสิ่งที่เขาเห็นในตัวนาง…ไม่ใช่เพียงนักปรุงโอสถแต่คือ มือสังหาร
หลานเยว่หันขวับมองชายแปลกหน้าด้วยดวงตาเยียบเย็น แววตาของนางราวกับใบมีดที่วางพาดอยู่บนลำคอของอีกฝ่าย ความตาย...อยู่ห่างออกไปไม่ถึงครึ่งลมหายใจชายผู้นั้นสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกเขาเพียงต้องการพบสตรีผู้นี้เพียงหวังจะพูดคุยเพื่อผลประโยชน์แต่ไม่คาดคิดเลยว่า การมาพบกันครั้งนี้...คือการนำคอตัวเองขึ้นเขียง
“มี...มีผู้คนมากมายที่กำลังสืบหาตัวตนของเจ้า!” เสียงของเขาสั่นน้อย ๆ ขณะรีบกล่าวออกไปหลานเยว่ยังไม่พูดอะไร นางเพียงจ้องมองเขาอย่างไร้อารมณ์แต่แววตานั้นกลับกดดันเสียยิ่งกว่าคมดาบนางไม่ได้ขยับตัว แต่แรงกดดันนั้น...หนักเสียจนเหมือนฝ่ามือมองไม่เห็นกำลังบีบคอชายตรงหน้าไว้
“ว่ามา”
นางพูดเพียงคำเดียว ทว่าน้ำเสียงของนางกลับบ่งบอกชัดเจนว่าความอดทนกำลังร่อยหรอขอเพียงเขาพูดผิดคำเดียว...ลมหายใจของเขาจะถูกปลิดทันที ชายผู้นั้นสูดหายใจลึก พยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น
“พิษของเจ้า...มันร้ายกาจเกินไป ดีเกินไป...”“ผู้มีอำนาจไม่อาจอยู่เฉย คนใหญ่คนโตทั้งในและนอกเมือง ต่างอยากได้มันไว้ครอบครอง”
หลานเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่พูดแทรก
“พวกเขาไม่ต้องการให้มันเป็นสินค้าลอยลม...แต่เป็นสมบัติผูกขาด!”“และเพื่อสิ่งนั้น...พวกเขายินดีจ่ายทุกอย่าง หรือแม้แต่...ล่าหัวเจ้า”
ชายผู้นั้นหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคงขึ้นมือวางบนอกอย่างสุภาพ
“แต่ข้ามิใช่หนึ่งในพวกนั้น ข้ามาที่นี่เพื่อนำเสนอโอกาส”“ข้าคือเจ้าของโรงประมูลเทียนเฉิง โรงประมูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงนี้”
แววตาของเขาเปล่งความจริงจังออกมา
“หากเจ้าร่วมมือกับข้า ข้าจะเป็นกำแพงให้เจ้า ข้อมูลของเจ้าจะถูกเก็บเป็นความลับสูงสุดแม้แต่ผู้ทรงอำนาจที่สุดก็ไม่มีทางล่วงรู้ขอเพียงเจ้ายินยอมขายพิษร้ายของเจ้าผ่านทางโรงประมูลของข้า เราจะทำให้มันมีค่ากว่าทองคำ”
บรรยากาศในร้านกลับสู่ความเงียบอีกครั้งหลานเยว่ไม่ตอบในทันที นางเพียงมองชายผู้นั้นอย่างนิ่งงัน...ราวกับกำลังวัดน้ำหนักของคำพูด และหัวใจของผู้กล่าว
“ขอข้าทำธุระสักครู่...ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าโรงประมูลของเจ้าจะมีดีสักแค่ไหน”
นางก้าวเข้าสู่ด้านหลังร้านโอสถราวกับเป็นเจ้าของ ชั้นวางสมุนไพร ขวดโอสถ กล่องเก็บยา และหีบสมบัติเล็กใหญ่ล้วนถูกหลานเยว่เปิดตรวจ ไล่เก็บเฉพาะของมีค่าและหายากไม่ว่าจะเป็นตำรับลับโอสถจากแดนเหนือพิษกลั่นจากรากมังกรดำ หรือทองคำแท่งที่ซุกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน
เมื่อเจ้าของร้านได้ตายไปแล้ว…ทรัพย์สมบัติเหล่านี้ ก็ย่อมไร้ผู้ครอบครองในสายตาของหลานเยว่มันคือรางวัลจากการหักหลัง และบทเรียนของความละโมบ
นางเก็บสิ่งของทั้งหมดลงในห่อผ้าสีดำด้วยความคล่องแคล่วก่อนหันกลับไปยังชายแปลกหน้าซึ่งยังยืนอยู่ที่เดิม ใบหน้าเรียบเฉย ทว่าเต็มไปด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็น
“เจ้าพอจะช่วยรับซื้อของพวกนี้ได้หรือไม่?”
ชายเจ้าของโรงประมูลอึ้งงันไปชั่วขณะไม่ใช่เพราะข้อเสนอ... แต่เพราะวิธีของนางหญิงสาวผู้นี้ ขโมยของต่อหน้า ฆ่าคนโดยไม่เปื้อนมือแล้วยังเสนอขายของเหล่านั้นให้เขาอย่างไร้ความละอายหากเขาปฏิเสธ… เขาอาจกลายเป็นร่างไร้ลมหายใจต่อไปแต่หากเขาตอบรับ… โอกาสและอำนาจมหาศาลอาจตกถึงมือเขาเลือกคำตอบในพริบตา“ได้… ข้าจะรับซื้อทั้งหมด”
เขากล่าวพลางพยักหน้าอย่างนอบน้อม ราวกับคนที่เพิ่งลงนามในสัญญากับปีศาจเพราะในเวลานี้ เขารู้แล้วว่าหญิงสาวผู้อยู่เบื้องหน้า…ไม่ใช่เพียงนักปรุงพิษ แต่คือ เงาแห่งความตาย ที่โลกใต้ดินเริ่มกระซิบขานชื่อ