จวนหลังใหญ่เช่นนี้…ย่อมมิอาจปล่อยให้ว่างเปล่าไร้ผู้คน ถึงแม้หลานเยว่จะปรารถนาความเงียบสงบเพียงใด แต่การอาศัยอยู่เพียงสองแม่ลูกภายในคฤหาสน์อันโอ่อ่าย่อมเป็นไปไม่ได้
ซูจิ่งหลงเองย่อมเข้าใจดี เขาจึงอาสาจัดหาข้ารับใช้มาให้นาง ไม่ว่าจะเป็นสาวใช้ที่รู้หน้าที่ บ่าวผู้รู้มารยาท ไปจนถึงคนดูแลเรือนครัวและสวนสวย ทุกคนถูกคัดเลือกด้วยความรอบคอบ ทั้งกิริยาและความสามารถสมฐานะ สหายทางการค้า ของเขาแต่ทว่าสำหรับ ผู้คุ้มกัน ประจำจวน…หลานเยว่กล่าวกับเขาเพียงประโยคเดียว“เรื่องนี้ ข้าจะจัดการเอง”
ด้วยสถานะของนาง…ผู้เคยสังหารคนโดยไม่ทิ้งแม้แต่เงา มือพิษผู้ทำให้โลกมืดต้องเอ่ยนามด้วยความครั่นคร้าม นางย่อมไม่อาจยอมให้จวนแห่งนี้ถูกปกป้องด้วยทหารสามัญหรือผู้คุมธรรมดาได้ พวกเขาต้อง…
โหดเหี้ยม ไร้หัวใจ และจงรักภักดีนั่นคือ เกณฑ์ ที่หลานเยว่ต้องการ
ในยามสายของวันนั้นในชุดคลุมสีเทาเรียบง่าย นางจึงออกจากจวนเพียงลำพัง มุ่งตรงสู่ ตลาดค้าทาส ที่ลือกันว่าโสมมและอันตรายที่สุดในเมืองหลวง ที่ซึ่งผู้คนหลากชนชั้นถูกซื้อขายประหนึ่งของใช้ไร้ชีวิต ที่นั่น…นางจะเลือก ดาบที่มีชีวิต มาเป็นโล่ป้องกันสำหรับลูกชายของนางผู้คนที่นางจะเลือก…จะไม่ใช่เพียง นักสู้แต่จะเป็น เครื่องมือ ที่เฉียบคม ไร้ใจ
ตลาดค้าทาสหลวง แม้จะอยู่ภายใต้การดูแลของขุนนางฝ่ายยุติธรรม แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเน่าเฟะ เสียงโซ่เหล็กครืดคราด เสียงร้องขายของ และสายตาอันหิวโหยของพวกพ่อค้าทาสแผ่ซ่านไปทั่วตรอกตลาด ที่นี่คือที่รวมของผู้ไร้ที่พึ่ง ผู้ล่มจม และ...ยอดฝีมือที่พ่ายโชคชะตา
หลานเยว่ยืนอยู่หน้าแผงทาสชั้นสูง เจ้าของแผงถึงกับหน้าตึงเล็กน้อยเมื่อเห็นสตรีปริศนาในชุดคลุมเรียบสีดำ แต่เพียงสบตานางแวบเดียว เขาก็เข้าใจว่าหญิงผู้นี้...ไม่ใช่ผู้ที่ควรประมาทนางกล่าวเสียงเรียบ…แต่หนักแน่น
“ข้าต้องการทาสชั้นเลิศ ผู้มีพลังปราณ พร้อมกับประวัติภูมิหลังโดยละเอียด”
เจ้าของแผงถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบรับอย่างนอบน้อม
“รับทราบ…โปรดรอประเดี๋ยว ข้าจะให้คนยกบัญชีรายชื่อกับประวัติขึ้นมาให้เลือกด้วยตนเอง”
หลานเยว่ไม่แม้แต่จะพยักหน้า ไม่นาน ทาสระดับฝีมือหลากหลายสายถูกรวบรวมเข้ามาไว้ในลานประลองหลังร้านชายหนุ่มในชุดนักสู้ กล้ามเนื้อแน่นตึง เด็กหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านที่แววตายังไม่ดับมอด รวมถึงหญิงสาวเงียบงันผู้มีลมหายใจเย็นเฉียบ แต่แทนที่จะสนใจรูปลักษณ์ภายนอก หลานเยว่กลับนั่งอ่านประวัติของแต่ละคนอย่างละเอียด ใบหน้าของนางไม่มีแววลังเลเลยแม้แต่น้อย
“คนนี้แม้จะมีพลังระดับปราณสูง แต่เคยข่มขืนหญิงสาวในหมู่บ้าน ข้าปฏิเสธ”“คนนี้เคยเป็นลูกขุนนาง ถูกขายเพราะข้อหาปลอมแปลงลายมือ…พิจารณาไว้ก่อน”“คนนี้…เป็นอดีตองครักษ์ของจวนแม่ทัพฝ่ายเหนือ ยอมตายเพื่อปกป้องเจ้านาย…น่าสนใจ”
สายตาของนางคมดั่งกระบี่ ประดุจสามารถแลเห็นธาตุแท้ของคนเพียงเหลือบมอง
“ข้าไม่ต้องการคนที่ฆ่าเพื่อความบันเทิง หรือปล้นฆ่าเพราะความโลภแม้จะเป็นอดีตคุณชายหรือลูกขุนนาง หากใจยังมั่น ข้ายินดีรับไว้แต่หากเป็นเศษสวะ…แม้จะฝึกปราณจนกลืนดาว ข้าก็ไม่ต้องการ”
น้ำเสียงของนางเยือกเย็น ราวกับคำวินิจฉัยจากเทพแห่งความตายการคัดเลือกในวันนี้…จะเป็นการเริ่มต้นของกองกำลังเงาในจวนใหม่ของหลานเยว่และทุกผู้คนที่ได้รับเลือก…ต้องจงรักภักดี และไร้ข้อแม้ต่อเจตจำนงของนาง
ทาสที่หลานเยว่คัดเลือกมาในวันนี้ มีทั้งชายและหญิง บางคนอายุเพียงสิบแปด ใบหน้ายังมีเค้าความเยาว์วัย บางคนอายุย่างเข้าห้าสิบ แต่กลับมีรัศมีความมั่นคงดั่งขุนเขา แม้ร่างกายจะเริ่มโรยรา…แต่จิตวิญญาณกลับยืนหยัดอย่างทรนง นางไม่เลือกตามวัยหรือรูปลักษณ์ หากแต่เลือกตาม ความแข็งแกร่งภายใน
ในหมู่ทาสที่นางพาออกจากตลาด บางคนเคยเป็นคุณชายจากจวนขุนนางที่ล่มสลาย บางคนเป็นเพียงลูกชาวนาไร้ชื่อ แต่ทุกคนล้วนผ่านรอยแผลของชะตากรรมมาอย่างหนักหน่วงรอยแผลเหล่านั้น…ไม่ได้ปรากฏบนผิวหนัง หากแต่สลักอยู่ในดวงตา
พวกเขาแต่ละคนยังคงถูกล่ามโซ่ไว้แน่นหนา สะท้อนเสียงครืดคราดดังไปทั่วทางเดินในยามที่เคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียง แต่ไร้เสียงคร่ำครวญหรือโวยวายแม้แต่น้อย พวกเขาเพียงเดินตามหลานเยว่กลับไป…อย่างเงียบงัน อากาศรอบบริเวณจวนเย็นสงบ ต้นไม้ใหญ่ลู่ไหวในสายลมเช้า เสียงแมลงป่าระงมเบา ๆ ท่ามกลางม่านหมอกเบาบางที่ยังเกาะไหล่ภูเขา
หลานเยว่ยืนอยู่เบื้องหน้าทาสทั้งร้อย ภายในลานฝึกหลังจวนใหญ่ เสียงโซ่ตรวนที่ล่ามข้อเท้าและข้อมือเงียบสงัดลงเมื่อถูกปลดออกจากทีละคู่ ทีละเส้น โดยนางเองเป็นผู้ลงมือถอดตรวนสุดท้าย...ปลดพันธนาการแห่งความเป็นทาสลงชั่วขณะ
นางโยนมีดสั้นลงเบื้องหน้าพวกเขา ทีละเล่ม จนกระทั่งครบทุกคน ใบมีดทุกเล่มสะท้อนแสงจันทร์อันหม่นมัว ราวกับเป็นคำถามที่มอบให้กับแต่ละคน
“จงเลือกเสีย” เสียงของนางไม่ดัง แต่กลับดังขึ้นในใจของทุกคน“ผู้ใดที่รู้สึกว่าชีวิตนี้ไร้หนทาง ไร้ค่าพอจะดำรงอยู่ต่อ ก็จงจบมันเสียในตอนนี้ ข้าจะไม่ห้าม ไม่รั้ง”
ดวงตาของนางเยือกเย็นจนแทบจับต้องได้...ราวกับน้ำแข็งใต้หุบเหว นี่ไม่ใช่การทดสอบ ไม่ใช่การขู่แต่มันคือ อิสระ สิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้รับแม้เพียงครั้งเดียวในชีวิตที่ผ่านมา มือของหลายคนสั่นไหวเมื่อคว้ามีดไว้แน่น บางคนเงยหน้ามองฟ้า บางคนก้มหน้ามองพื้น บางคน...น้ำตาไหลเงียบงันอย่างไร้เสียงสะอื้น
ฉั่ว! ฉั่ว! ฉั่ว!
เสียงแทงมีดดังขึ้นต่อเนื่อง ไม่ใช่เสียงฝึกการรบ...แต่เป็นเสียงของคนที่เลือกจบชีวิตตนเอง เลือดแดงฉานกระเซ็นย้อมพื้นดิน ทาสห้าคน หกคน...ร่างไร้วิญญาณทรุดลงอย่างเงียบงันโดยไม่มีแม้แต่เสียงโอดครวญ นัยน์ตาของพวกเขาเปิดค้าง ราวกับตัดขาดจากความเจ็บปวดของโลกใบนี้ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
“ขอให้พวกเจ้าไปสู่ภพภูมิที่สงบกว่า...”เสียงของหลานเยว่เรียบเฉย หากแต่ในแววตานั้น...มีเงาของความเข้าใจบางอย่างซ่อนอยู่นางสั่งให้ทาสที่ยังอยู่ช่วยกันนำร่างไปฝังกลบ ณ เชิงเขาด้านหลังจวน ไม่มีพิธี ไม่มีน้ำตามีเพียงแผ่นดินที่กลบเสียงอดีต
หลังจากนั้น คนที่เหลือ ยืนเรียงแถวอย่างแน่นิ่ง ทุกสายตาแน่วแน่ และนิ่งสงบขึ้นกว่าก่อนหน้าไม่มีใครปริปาก...ไม่มีใครลังเลหลานเยว่จึงก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง นางหยิบขวดยาเล็ก ๆ สีดำออกมา แกะฝาอย่างนิ่งเฉยจากนั้นหยิบเม็ดกลมเล็กคล้ายโอสถจากขวดขึ้น
“ผู้ใดเลือกจะมีชีวิตอยู่...ต้องกลืนพิษนี้” เสียงของนางไร้ความลังเล ไม่มีการโน้มน้าว ไม่มีคำอธิบาย
เพราะทุกคนต่างเข้าใจดี...
นี่มิใช่พิษที่ฆ่าทันทีแต่เป็น ตรวนใหม่ ที่มองไม่เห็น พิษร้ายชนิดพิเศษที่หลานเยว่รังสรรค์ขึ้นด้วยมือของนางเองมันไร้สี...ไร้กลิ่น...แต่หากวันใดที่เจ้าของพิษต้องการพิษนี้...จะกลายเป็นความตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในเพียงลมหายใจเดียว
ทาสที่เหลือก้าวออกมาทีละคน รับเม็ดยา...และกลืนลงไปโดยไร้คำถามมิใช่เพราะกลัวตายแต่เพราะพวกเขาได้เลือก จะมีชีวิตอยู่