ตอนที่ 4 - 1

2208 Words
ตึกสูง22 ชั้น อันเป็นที่ตั้งของบริษัทยักษ์ใหญ่ในเครือของ ‘Best News Group’ ที่ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ครบรูปแบบไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ พ็อกเก็ตบุ๊ค หนังสือการ์ตูนและหรือแมกกาซีนต่าง ๆ ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีน้ำตาลเข้มทั้งชุดกำลังเดินผ่านห้องโถงอันโอ่อ่าของบริษัทด้วยท่าทางมาดมั่น ดวงหน้าเข้มและดูนิ่งขรึมที่บ่งบอกให้รู้ถึงกิตติศัพท์ความเข้มงวด และจริงจังในการทำงาน ดูจะเป็นบุคลิกโดดเด่นที่ส่งผลให้เขาได้รับความไว้วางใจจากกรรมการบริหารบริษัทให้ได้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท แต่ก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาสู่ตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ได้ จะมีใครรู้เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้ว่า มันยากเย็นแสนเข็นกว่าการควบคุมระบบการทำงานเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้พนักงานยอมรับนั้นยากมากกว่าการบริหารงานนับสิบเท่าเลยทีเดียว ด้วยเขาเพิ่งเรียนจบปริญญาโทมาได้ไม่นาน อาจจะสร้างความคลางแคลงใจและไม่เชื่อมั่นในฝีมือการบริหาร ในเครือ Best News group เป็นที่รวมคนที่หลากหลายประเภทเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมดุจเดียวกันนั้นทำได้ยากยิ่ง ชายหนุ่มตระหนักดีว่าการทำงานที่มีผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาจำนวนมากนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การคิดและการตัดสินใจในการทำงานบ้างครั้งก็ทำให้เขามีความหนักใจอยู่ไม่น้อย เพราะถ้าเขาตัดสินใจพลาดหรือนำธุรกิจในเครือไปในทิศทางที่ไม่เหมาะสมนั้น มันย่อมจะส่งผลให้กระทบตั้งแต่พนักงานระดับร่างไปจนถึงพนักงานระดับสูง เพราะแต่ละคนนั้นก็มีครอบครัวที่หวังและพึ่งพาเขาอยู่ ดังนั้นทุกกรอบความคิดและการตัดสินใจของชายหนุ่มผู้นี้ จะต้องทำด้วยความเฉียบขาดและการมองอนาคตข้างหน้าอย่างกว้างไกล และเมื่อเขาต้องเข้ามารับตำแหน่งที่สืบทอดจากบิดาได้ไม่นานชายวัยหนุ่มผู้นี้ก็สามารถแสดงให้ชาว Best News group เห็นแล้วว่า เขา สามารทำได้ดีทีเดียว เขาสามารถนำพาบริษัทผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ปัญหารุมเร้าจากการเมืองที่คุลมเครือ หรือแม้แต่ปัญหาการขาดทุนในค่าโฆษณาที่ลดลงในสื่อสิงพิมพ์ฯ ทำให้ชื่อของ ติณณ์ อนันท์ตระการ ได้รับการจัดอันดับลงในนิตยสารเกี่ยวกับผู้บริหารฝีมือฉกาจ ภายในห้องทำงานที่ตกแต่งเรียบง่ายและโปร่งสบายเน้นให้แลดูสว่าง ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ตามผนังของห้องได้ออกแบบให้มีชั้นกระจกบาง ๆ สำหรับให้เจ้าของห้องใช้เก็บของที่ระลึกหรือของสะสม ส่วนของโต๊ะทำงานเป็นไม้โอ๊กกับบรรดาเก้าอี้ที่หุ้มหนังทั้งหมดซึ่งทำให้ดูห้องทำงานดูเคร่งขรึม คนออกแบบห้องทำงานนี้จึงลดทอนความเข้มขรึมของบรรยากาศโซฟารับแขกที่เล่นสีสันเป็นโทนสีอ่อนสลับกับสีสดใส ทำให้ส่วนนั้นของห้องดูสะดุดตาผู้พบเห็น ไม่เว้นแม้แต่ชายสูงวัยร่างท้วม ศีรษะโล้นใบหน้าอ้วนกลมดูเป็นคนอารมณ์ดีและใจดี ตอนนี้ชายคนที่ว่ากำลังเดินสำรวจดูภายในห้องทำงานนี้ด้วยความเพลินตาเพลินใจ แล้วให้เขม้นตามองอยู่แวบหนึ่งเมื่อความผิดหวังบางประการแล่นเข้ามาในหัวใจวูบ ที่จริงห้องทำงานห้องนี้ต้องเป็นของเขา แต่เพราะไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่สืบทอดอิทธิพลและบารมีมาจากพ่อแท้ ๆ ของมัน ทำให้เขาไม่ได้ตำแหน่งประธานฯ ในเครือ Best News group มาครอบครอง ครั้งหนึ่งเขาเกือบจะได้เข้ามานั่งทำงานอยู่ในนี้แล้วเชียว แต่ติดอยู่ตรงที่ เจ้าเตชสิทธิ์ประธานฯ คนเก่ามันมีอิทธิพลมากเหลือเกิน กรรมการบริหารของบริษัทที่เป็นคนเก่าแก่ซึ่งสนิทกับประธานฯ คนก่อนก็มีมาก มากถึงขนาดทำให้การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานฯ คนใหม่ในครั้งนั้น มีผลต่างของคะแนนที่เป็นเอกฉันท์ เจ้าติณณ์จึงได้เข้ามานั่งอยู่ในห้องนี้อย่างสบาย ๆ ส่วนเขาก็กลับไปดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารบริษัทตามเดิม ใครจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่ดีใจแบบนี้ ยามที่ต้องเดินเข้าไปจับมือแสดงความยินดีกัน ต่อหน้าก็แกล้งแสดงว่าเห็นชอบ ส่วนลับหลังก็แอบบงการกรรมการบริษัทชุดหนึ่งที่เป็นคนของเขาให้ช่วยคานเสียง แต่แล้วดูเหมือนไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เขาก็ยังพ่ายบารมีของเจ้าเตชสิทธิ์มันมาตลอด จนกระทั่งมาถึงรุ่นลูกของมัน คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ชายร่างท้วมอายุสูงก็ถอนหายใจแรง ๆ ด้วยความโกรธ นึกเคียดแค้นชิงชังตระกูลอนันท์ตระการขึ้นมาทันที โกรธมากจนต้องเผลอกำหมัดแน่นอย่างไม่รู้สึกตัว แววตาแดงก่ำไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเพลิงแห่งโกรธหรือไม่ แต่ที่รู้แน่ ๆ คือ มันทำให้เขาเกิดนึกถึงนิทานเรื่องหนึ่งขึ้นมาอย่างครามครัน นิทานเรื่องนั้นมันมีเรื่องอยู่ว่า... ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายวัยหนุ่มสามคนที่เติบโตมาพร้อม ๆ กัน แต่ความเจริญก้าวหน้าและความสำเร็จดูจะรุดหน้าไปเพียงแค่สายสองคนเท่านั้น ชายหนุ่มสองคนหน้าตาดีไร้ที่ติ ส่วนอีกคนนั้นกลับมีใบหน้าน่าเกลียดดั่งขุนช้าง ตอนเรียนหนังสือชายสองคนที่หน้าตาไร้ที่ติ ก็เรียนดีมาตลอด ผลัดกันได้ที่หนึ่งที่สอง ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่หน้าตาน่าเกลียดก็รั้งที่สามมาเรื่อย ๆ นอกจากจะต้องแข่งขันกันเองในเรื่องเรียนแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวรกรรมแต่ชาติปางไหนถึงทำให้พวกเขาสามคนจำต้องมาชิงดีชิงเด่น ถูกตาต้องใจหญิงสาวคนเดียวกันอีก เรื่องเรียนคงพอทำใจยอม ๆ กันได้บ้าง แต่เรื่องของหัวใจแล้วคงไม่มีทาง เพราะหญิงสาวที่พวกเขาเกิดไปหลงใหลนั้น เป็นหญิงสาวที่แสนอ่อนโยน อ่อนหวาน งดงามไม่มีที่ติ นันท์นพิน หญิงสาวผู้เพียบพร้อมที่ชายหนุ่มทั้งสามต่างก็ปรารถนาที่จะได้เธอมาครอบครอง โดยเฉพาะชายหนุ่มหน้าตาน่าเกลียดที่ฝังใจในตัวหญิงสาวคนนั้นมาก มากเสียจนพร่ำบอกกับตัวเองว่าจะไม่มีวันยอมแพ้ชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบสองคนนั่นอีกแล้ว แต่น่าเสียดายนักที่เธอคนนั้นหลงในรูปของชายหนุ่มสองคนนั้นมากกว่าชายหน้าตาน่าเกลียด เธอจึงไม่เคยเหลือบแลมามองเขาเลยสักนิด และนั่นดูจะเป็นสิ่งที่จุดชนวนความโกรธแค้น ความเจ็บใจที่อัดแน่นมานานให้ถึงจุดระเบิด ไม่ขอทนอีกต่อไป! ผู้ชายคนนั้นเลิกทนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและเขาก็ได้เฝ้าปวารณาทั้งร่างกายและจิตใจไปกับการทำลาย ชายทั้งสองคนนั้นให้แตกดับไปต่อหน้าต่อตา และมันก็เป็นจริงอย่างที่ผู้ชายหน้าตาน่าเกลียดคนนั้นอยากให้เป็นเสียด้วย เมื่อความรัก ความระแวงมันไม่เข้าใครออกใคร มนุษย์หน้าไหนก็ตามที่ยังไม่บรรลุธรรมถึงขั้นเป็นพระอรหันต์ก็ยังมีกิเลสรัก โลภ โกรธ หลง อยู่วันยังค่ำ ความระแวงเป็นจุดอ่อนของมนุษย์ และชายหน้าตาน่าเกลียดคนนั้นก็เป็นคนจุดประกายให้เพื่อนรักทั้งสองคนห้ำหั่นกันเอง ด้วยความสะใจ แล้วในเวลานี้ หากว่านิทานเรื่องนั้นจะกลับมาสอนใจใครหลาย ๆ คนที่ยังเหลือร่องรอยอดีตร่วมกันอีกครั้ง มันจะเป็นเช่นไรนะ เขาอยากจะรู้นักว่า นับประสาอะไรกับเจ้าชายหนุ่มที่ไม่ประสาและยังอ่อนต่อโลกอยู่ล่ะ... แรงผลักประตูที่ถูกเปิดออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้นทำให้ชายร่างอ้วนเตี้ยที่เอนกายกอดอกครุ่นคิดอยู่ในวังวนแห่งความโกรธถึงกลับสะดุ้งเฮือกหันไปมองที่ประตู ก็พบเจ้าของดวงตาสีน้าตาลเข้ม ชายรูปร่างท่วมที่นั่งเอนกายพิงโซฟาอย่างดีหยัดตัวลุกขึ้น และด้วยความไวในการเปลี่ยนสีหน้า ทำให้เขาสามารถเค้นรอยยิ้มอันเป็นมิตรออกมาได้อย่างแนบเนียนสุด ๆ ส่งให้ “คุณลุงมารอพบผมแต่เช้ามีอะไรรึเปล่าครับ” ติณณ์ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เห็นชายสูงวัยคนนี้ในห้องทำงานของตน นั่นเป็นเพราะว่าเลขาฯ หน้าห้องได้รายงานให้เขาทราบแล้วว่ามีใครเข้ามานั่งรอตนอยู่ก่อน แล้วแทนที่จะตอบคำถามของชายหนุ่มรุ่นราวคราวลูก ชายผู้สูงวัยกว่ากลับเดินปรบมือเข้ามาหาติณณ์ที่โต๊ะทำงาน พร้อมกับกล่าวคำชื่นชมที่ดังออกมาจากริมฝีปากหนานั้นอย่างไม่หยุด “เก่งมาก ๆ เลยพ่อหลานชาย ลุงเพิ่งเห็นรายงานผลกำไรไตรมาสที่สองของปีนี้” “ชมผมคนเดียวคงจะไม่เหมาะมั้งครับคุณลุง...ที่เป็นอย่างนี้ได้เป็นเพราะความร่วมมือร่วมใจจากคนของ เบสท์ นิวส์” ชายหนุ่มออกตัวอย่างมีมารยาท พลางทรุดลงนั่งที่โต๊ะทำงาน ช่วงเวลานี้เอง ทัตพลหนึ่งในคณะกรรมการบริหารบริษัทก็เดินตรงมานั่งที่เก้าหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ชายหนุ่มมองผู้สูงอายุตรงหน้าอย่างไม่วางตา ด้วยเหตุผลบางประการที่ยังคลุมเครืออยู่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวในบริษัท แน่นอนว่าคนอย่างติณณ์หากข้อมูลยังไม่ชัด ก็ไม่อยากระบุตัวและกระทำการบางอย่างที่มันดูผลีผลามเกินไป ในขณะเดียวกันคนอย่างเขาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะปล่อยปละละเลยให้ความไม่แน่ชัดกลับมาเล่นงานตัวเขาเอง ถึงแม้การพูดจากับผู้สูงวัยกว่านั้น ขึ้นต้นการทักทายจะเป็นไปในแบบเรียบ ๆ แต่ติณณ์ก็ไม่วายที่จะพูดจาลงท้ายประโยคนั้นในแบบฉบับของคนที่มีความเด็ดขาดอยู่ในสายเลือด “ผมนึกเสียดายนะครับ ที่คนบางกลุ่มเขาไม่รู้สึกเหมือนกับคุณลุง...แต่ไม่เป็นไรครับ ผมยังเป็นคนใจกว้างพอ ใครที่ยังหลงผิดผมก็ให้โอกาสพวกเขากลับตัวอยู่เสมอ” ความพูดที่ฟังดูกว้าง ๆ ของติณณ์นั้นทำให้ผู้สูงวัยมีชนักปักหลังอยู่ถึงกับสะดุ้ง คำพูดกว้าง ๆ นั่นหากฟังโดยไม่คิดอะไรหมายถึงกรรมการบริษัทบางคนที่ยังไม่ยอมรับในเขา แต่ถ้าคิดอีกนัยหนึ่ง...เจ้าหนุ่มคราวลูกนี่มันกำลัง ‘เล่นชกเบา ๆ ที่ลำต้นแต่ให้สั่นสะเทือนไปถึงยอด’ อยู่หรือเปล่า ทัตพลเผลอร้อนใจ หรือว่ามันจะอ่านเกมของเขาออก! “เฮ้อ...คนแก่หัวโบราณ มักจะยึดติดกับความคิดและอุดมการณ์ ระบบการทำงานเดิม ๆ น่ะติณณ์ พอเปลี่ยนแนวทางการบริหารงานของบริษัทให้มีความทันสมัยขึ้น บางคนก็ย่อมไม่เห็นด้วยเป็นธรรมดา...เขาคงยังปรับตัวไม่ทันน่ะ ติณณ์ก็อย่าไปถือสาหาความคนเหล่านั้นเลย...รอโอกาสพิสูจน์ให้พวกนั้นเห็นฝีมือการทำงานของติณณ์เองดีกว่านะ ลุงว่า” ทัตพลรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ให้สมกับสมกับสมญานาม ‘จิ้งจอกเฒ่าที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว’ ก่อนจะขบคิดต่ออย่างสนุก ดูซิเจ้าติณณ์ผู้อ่อนต่อโลก มันจะอ่านเกมและรู้ทันจิ้งจอกเฒ่าอย่างเขาอีกรึเปล่า “กรรมการบริหารพวกนั้นผมคงไม่ถือสา แต่กับบางคนที่กำลังหลอกใช้พวกเขาอยู่น่ะสิครับ ผมว่า...ไม่น่าปล่อยไว้ คุณลุงคิดเหมือนผมรึเปล่า” การพูดจากว้าง ๆ ในทำนองโยนหินถามทาง แต่ดวงตา คมกริบออกแนวจับผิดจนเขากระดิกตัวไม่ได้ ดั่งคำนั้นกำลังกลายเป็นบ่วงเริ่มรัดตัวแน่นขึ้นทุกที ๆ และเมื่อยิ่งรัดแน่น ทัตพลก็จะยิ่งดิ้นเพื่อเอาตัวรอดและนั่นอาจจะทำให้เขาเผลอแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา... มันคงจะไม่ดีแน่ ๆ “เฮ้อ...นี่ติณณ์ เริ่มต้นสัปดาห์ก็หาเรื่องเครียด ๆ มาพูดกันแล้ว ...มีด้วยเหรอ” คิดได้ดังนั้น ผู้สูงวัยกว่ารีบเปลี่ยนเรื่องคุยทำให้ติณณ์ต้องหัวเราะน้อย ๆ ในลำคอ ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีให้ดูสบาย ๆ เผื่อผ่อนคลายความตึงเครียด แล้วยื่นมือไปกดเครื่องมือสื่อสารตรงหน้า กดปุ่มที่อยู่ตรงกลางแล้วพูด “รุจี ช่วยเอาแบบประเมินผลมาให้ผมด้วย...” หลังจากสั่งงานเลขาฯ เรียบร้อย ชายหนุ่มก็เงยหน้ามาพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ “ผมขอโทษครับที่ทำให้คุณลงตกใจ...แค่ข่าวที่ได้ยินภายในบริษัท สงสัยคงเป็นข่าวลือ” ติณณ์กล่าวพลางยิ้มน้อย ๆ ให้ดูเป็นเรื่องล้อเล่น เพราะแค่ได้เห็นท่าทีและสีหน้าบางอย่างของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแค่นี้พอแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD