ตอนที่ 1/2 คำพูดที่ไม่ได้เอ่ยออกไป

1016 Words
“ฉันขอร้องนะคะ อย่าเพิ่งหมดหวังแล้วปล่อยเขาไป” ดารินรู้ดีว่าถ้าหากญาติคนไข้หมดหวังว่าคนป่วยจะฟื้น การยินยอมให้แพทย์ปลดปล่อยให้ผู้ป่วยได้หลับสบายจึงเป็นหนทางสุดท้ายที่ทำให้คนป่วยหายจากความเจ็บปวด แต่หญิงสาวกลับเชื่อว่าอย่างไรชนาก็ต้องฟื้น เหมือนเจ้าของมือที่เธอจับอยู่กำลังจะบอกให้รอเขาก่อนนะ ดารินสัมผัสมันได้ว่าชนารับรู้ทุกอย่าง เพียงแค่เขาไม่มีแรงพอที่จะตื่นขึ้นมาก็เท่านั้น “ผมยอมรับว่าผมเคยมีความคิดแบบนั้น ผมทนเห็นน้องนอนนิ่งๆ แบบนี้ไม่ได้จริงๆ” หัวใจที่อ่อนแอของพี่ชายแทบจะพังทลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนไม่เหลือความเข้มแข็งที่จะสู้ต่อ เขาทั้งคู่เป็นพี่น้องที่โตมาด้วยกัน หรัณย์คอยดูแลชนามาตั้งแต่เขายังเด็ก พี่ชายไม่เคยปล่อยให้น้องชายต้องเจ็บปวด แต่พอวันนี้พี่ชายอย่างเขากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย “ฉันรู้ว่ามันยากที่จะทำใจ แต่คุณต้องเข้มแข็งนะคะ” ด้วยความเป็นพยาบาลดารินจึงคุ้นชินกับอาการหมดหวังของญาติคนไข้ บางคนก็ร้องไห้เสียสติเมื่อต้องสูญเสียคนที่รัก “ฉันไม่กล้ายืนยันว่าชนาจะกลับมาแน่ๆ แต่ถ้าทุกคนพยายามสู้เพื่อรอเขา ชนาต้องพยายามกลับมาอยู่แล้วค่ะ” “ครับ ผมจะรอให้น้องกลับมา” ราวกับกำลังใจถูกเติมให้อย่างเต็มเปี่ยม หรัณย์พอจะมีแรงยิ้มได้อีกครั้ง เพียงแค่ประโยคเมื่อครู่กับแววตามุ่งมั่นของพยาบาลสาวตรงหน้า เขาก็รู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาดใจ นึกขอบคุณที่เธอโทรเข้ามาในตอนที่เขานึกอยากจะชาร์จแบตโทรศัพท์ของน้องชายที่หมดไปนานแล้ว หรือจริงๆ แล้วทุกสิ่งอย่างถูกลิขิตไว้เช่นนี้ตั้งแต่แรก มันถึงได้เหมาะเจาะกันพอดี มีบางสิ่งที่นำพาให้ดารินได้มาพบกับชนา เพราะคนสุดท้ายที่เขานึกถึงก่อนประสบอุบัติเหตุก็คือเธอ และสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากจะบอกมันก็ยังคงติดอยู่ในใจ ชนาคงกำลังตะโกนร้องอยู่ในตอนนี้ เพียงแต่ดารินไม่อาจจะได้ยินคำพูดนั้นก็เท่านั้นเอง ดวงจิตที่หลุดลอยได้แต่พร่ำบอกอยู่อย่างนั้น รอฉันก่อนนะดาริน... เมื่อสองวันที่แล้วหรัณย์ติดต่อดารินเพื่อให้เตรียมตัวที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของเขา หญิงสาวจึงรีบเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จทั้งเรื่องงานและที่บ้าน ในตอนนี้เธอกำลังยืนรอเขาในชุดพยาบาลขาวสะอาด รองเท้าคัทชูหุ้มส้นพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ มีเสื้อผ้าข้าวของเท่าที่จำเป็นบรรจุเอาไว้ข้างใน “รอนานไหมครับ” หรัณย์เดินมาหาหญิงสาวที่ยืนรออยู่ภายในห้องพิเศษที่เหลือแต่เตียงเปล่าของชนา ส่วนตัวคนป่วยถูกนำไปไว้ในรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ชนาไปไหนล่ะคะ” “อยู่ในรถพยาบาลครับ ส่วนคุณมานั่งกับผมที่รถส่วนตัวก็ได้” “ค่ะ” ดารินพยักหน้ารับ พลางก้มไปหยิบกระเป๋าเป้ที่วางพิงเอาไว้กับพื้น หรัณย์เห็นเธอตัวเล็กนิดเดียวกลัวจะหนักเกินไปสำหรับหญิงสาว เขาจึงยื่นมือไปตรงหน้าหวังจะช่วยถือ “เดี๋ยวผมช่วยครับ” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันถือเองได้” ด้วยความที่ไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากใครดารินจึงเอี้ยวมือหนี แต่เขาก็ไม่ยอม ยังคงพยายามแย่งสายหูกระเป๋าออกจากมือเล็กจนเธอต้องยอมให้เขาช่วย “ตามผมมาครับ” ร่างสูงเดินนำไปพร้อมกับเป๋าที่ถืออยู่ พยาบาลสาวจึงเดินตามแผ่นหลังกว้างเงียบๆ ในระหว่างทางหญิงสาวก็เผลอแอบมองเขาโดยไม่รู้ตัว ตั้งแต่สนิทกับชนาเธอก็ไม่เคยได้ย่างกรายเข้าไปในบ้านของเขาเลย ถ้าหากบ้านเขาอยู่ใกล้ๆ เธอคงได้เจอหรัณย์ไปตั้งนานแล้ว คงได้รู้ว่าชนามีพี่ชายที่สุภาพและอบอุ่นขนาดนี้ เมื่อหรัณย์เดินนำมาถึงรถเขาก็เป็นฝ่ายเปิดประตูรถให้หญิงสาว ดารินเข้าไปนั่งในรถอย่างสงบเสงี่ยม ก่อนจะเอื้อมมือไปคาดเข็มขัดนิรภัย ใบหน้าสวยเหม่อมมองชายหนุ่มทุกอิริยาบถจนกระทั่งเขาพาตัวเองมานั่งฝั่งคนขับ ไม่อยากจะเชื่อว่าใจที่ไม่เคยจะหวั่นไหวกับอะไรง่ายๆ เมื่อมาเจอความสุภาพอ่อนโยนทั้งคำพูดและการกระทำของหรัณย์ หัวใจดวงน้อยก็เผลอเต้นแรงขึ้นมา หญิงสาวเหม่อมองนอกหน้าต่างระหว่างการเดินทาง ต้นไม้พลิ้วไสวตามแรงลมคล้ายฝนจะตก เพิ่มความเหงาให้ทั้งสอง เพราะต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบอยู่กับความคิดของตัวเอง ความหนาวพัดมาต้องกายจนร่างบางต้องยกมือขึ้นมากอดอก ถ้าหากคนข้างๆ เธอตอนนี้เป็นชนาเขาคงพูดกวนๆ แล้วทำท่าจะเข้ามากอดเธอแน่ๆ แต่พี่ชายของเขายังคงนั่งนิ่งตั้งใจขับรถราวกับเขาอยู่บนรถเพียงคนเดียว มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยว ตื่นขึ้นมาสักทีสิชนา “เป็นอะไรรึเปล่าครับ” พอเห็นสีหน้าดูเศร้าสร้อยของดารินชายหนุ่มจึงทักขึ้น เพราะดูอีกฝ่ายจะนั่งนิ่งๆ กอดอกราวกับมีเรื่องเศร้ามากมายเก็บอยู่ภายในใจ “ฉันแค่คิดถึงชนาน่ะค่ะ” เสียงแผ่วของดารินเบาจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ เหมือนร่างกายไร้เรี่ยวแรงเมื่อนึกย้อนถึงความน่ารักของชนาเมื่อครั้งก่อน ในตอนที่อ่อนแอเพื่อนรักจะคอยเป็นกำลังใจให้เธอเสมอๆ คนที่คอยดูแลเธอตลอดมาต้องกลายเป็นคนที่แทบจะหายใจด้วยตัวเองไม่ได้ แค่นึกก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD