“วันนั้นคุณยังบอกให้ผมสู้อยู่เลย มาวันนี้ทำไมเศร้าเองล่ะครับ”
“นั่นสิคะ ฉันต้องสู้สินะ” ใบหน้าสวยเผยยิ้มให้ชายหนุ่ม ซึ่งหรัณย์ก็ยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน ก่อนจะกำปั้นชูขึ้นพร้อมกับบอก ‘สู้ๆ’ เพื่อปลุกใจให้เธอกลับมามีแรงฮึดอีกครั้ง
“ขอบคุณมากๆ นะคะ”
“ครับ ยังไงคุณก็เป็นเพื่อนของชนา คิดว่าผมเป็นพี่ชายคนนึงก็ได้ครับ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ชนาเค้าเป็นคนขี้หวง ถ้ารู้ว่าฉันเอาพี่ชายของเขามาเป็นพี่ชายตัวเองมีหวังน้อยใจแน่ๆ” เสียงเล็กบอกปนขำกับนิสัยขี้หวงของเพื่อนรัก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขา เขาไม่มีทางยอมแบ่งให้ใครได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะแค่ของกินเล็กๆ น้อยๆ ชนายังเคยหวงของกับเธอเลย
“จริงสิ ผมลืมไปเลย แต่ก่อนผมไม่กล้าแย่งของเล่นชนาเลย แย่งทีไรมีร้องไห้ไปฟ้องแม่ตลอด ฮ่าๆ” เสียงขำที่ดูเหมือนจะมีความสุขแต่มันกลับเจือความเศร้าซะจนเป็นเสียงขำที่ดูหดหู่ใจ
“คุณดารินดูสนิทกับชนาจังเลยนะครับ”
“สนิทกันตั้งแต่เรียนมหาลัยน่ะค่ะ ตั้งแต่รู้จักกันเขาก็ไม่เคยทิ้งฉันไปไหนเลย เรามีกันแค่สองคน แถมยังคุยกันได้ทุกเรื่อง เขาเป็นทั้งเพื่อนแล้วก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวของฉันคนนึงเลยค่ะ”
“ถ้าเขาได้ยินแบบนี้คงดีใจน่าดูนะครับ”
“ฉันก็อยากให้เขาตื่นมาได้ยินเหมือนกันค่ะ เพราะที่ผ่านมาฉันไม่ค่อยจะพูดจากับเขาดีๆ เท่าไหร่ ไม่เคยจะใส่ใจเขาเหมือนที่เขาใส่ใจฉันเลย กว่าจะนึกได้มันก็เกือบจะสายไปแล้ว” ดารินพูดเสียงเศร้าเมื่อนึกถึงชนาเพื่อนรัก
“อย่างน้อยเขาก็ยังอยู่นี่ครับ คุณบอกให้ผมรอเขา คุณก็ต้องสู้ต่อเพื่อรอเขาเหมือนกันสิ”
“ฉันเคยเป็นคนบอกให้คุณไม่ท้อ แต่วันนี้ฉันดันมาท้อซะเอง แย่จังเลยนะคะ”
“ไม่หรอกครับ อย่าคิดมากน่า” หรัณย์เอื้อมมือไปกุมมือเล็กของดารินไว้ ทว่าพอเขาสัมผัสโดนมือหญิงสาวเพียงนิดเดียวร่างบางกลับสะดุ้งโหยงแล้วรีบถอยหนี
“ผมขอโทษครับ ผมแค่อยากจะปลอบ”
“ฉันแค่เป็นคนขี้ตกใจน่ะค่ะ ไม่ได้รังเกียจนะคะ” ดารินรีบแก้ต่างเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาเจื่อนลง
“ครับ ผมเข้าใจ” หรัณย์ยิ้มอบอุ่นให้ในขณะที่เขาหันหน้าไปสนใจกับท้องถนนที่ไกลสุดลูกหูลูกตาแทน ระยะทางจากบ้านเขากับโรงพยาบาลต้องใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ฉะนั้นตอนที่ชนาเข้าโรงพยาบาลเขาเลยต้องหอบเสื้อผ้าไปค้างที่โรงพยาบาลด้วยเพราะจะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง พอน้องชายต้องมารักษาตัวที่บ้านจึงเป็นฝ่ายดารินที่ต้องหอบเสื้อผ้ามาค้างแรมที่บ้านเขาแทน
หรัณย์บังคับรถยนต์ส่วนตัวขับมาจอดเทียบหน้าประตูรั้วไม้สูงเหนือศีรษะ ชายหนุ่มบีบแตรเรียกไม่นานก็มีแม่บ้านวัยกลางคนเดินแกมวิ่งมาเปิดประตูให้ รถยนต์คันหรูขับตรงไปอีกประมาณสิบเมตรก็เลี้ยวเข้าไปจอดยังโรงรถของบ้านที่อยู่ติดกับสวนหย่อมขนาดใหญ่
พอลงจากรถแล้วดารินก็หันมองสำรวจทั่วบริเวณของบ้านที่ดูเพียงแวบเดียวก็พอจะเดาออกว่าเจ้าของบ้านหลังนี้รวยระดับที่เรียกว่าเศรษฐี เธอไม่คาดคิดว่าชนาจะมีฐานะร่ำรวยขนาดนี้ เพราะปกติเขาก็ใช้ชีวิตธรรมดาๆ หอพักก็ไม่ได้แพงอะไร ถ้าหากเป็นคนอื่นถ้ามีเงินทองมากมายคงไม่ใช้ชีวิตสมถะเช่นเขาแน่ๆ
“ป้าจัดแจงห้องตามที่ผมบอกรึยังครับ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณหรัณย์ ห้องของคุณพยาบาลอยู่ติดกับห้องของคุณชนาเลยค่ะ” ป้าแม่บ้านรายงานความเรียบร้อยกับเจ้านาย หลังจากที่เธอได้รับคำสั่งจากเขาว่าให้จัดห้องรับรองพยาบาลพิเศษที่จะมาดูแลหลังจากที่ชนาลูกชายคนเล็กของบ้านจะกลับมาพักฟื้น ในตอนแรกแม่บ้านก็คิดแค่ว่าพยาบาลพิเศษคงไม่ได้อายุน้อยๆ แล้ว แต่พอเห็นดารินเข้าก็รู้สึกผิดคาดขึ้นมาทันที เธอสวยและบุคลิกภาพดีราวกับเป็นลูกผู้ลากมากดี
หรัณย์ที่เป็นเจ้าบ้านเดินนำพยาบาลสาวเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ ภายในตกแต่งด้วยฟอร์นิเจอร์ไม้สักของตกทอดจากบรรพบุรุษ ในตอนนี้บ้านดูเงียบเหงาเพราะคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายยังไม่ได้กลับจากต่างจังหวัด ภายในบ้านจึงเหลือเพียงคนทำสวน คนขับรถ แม่บ้าน เขา และสมาชิกใหม่อย่างดาริน
“เดี๋ยวป้าพาไปที่ห้องพักค่ะ”
“ค่ะป้า” ดารินตอบแม่บ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอเดินเข้าไปยื่นมือขอกระเป๋าเป้ของตัวเองกับหรัณย์ที่ถือเอาไว้ตั้งแต่ลงจากรถ เขายื่นกระเป๋าเป้ให้เธออย่างว่าง่าย ส่วนตัวเขาเองก็ยืนรอรถพยาบาลที่อีกไม่กี่นาทีก็จะมาถึง
ในที่สุดชนาก็จะได้กลับมาอยู่ที่บ้านสักที…
พอเห็นว่ารถพยาบาลขับมาจอดที่หน้าบ้านหรัณย์จึงรีบออกไปเปิดประตูให้ด้วยตัวเอง เมื่อรถเข้ามาจอดภายในบ้าน ทั้งคนของโรงพยาบาลและตัวเขาเองก็ช่วยกันเคลื่อนย้ายคนป่วยด้วยความระมัดระวัง เพราะห้องของชนาอยู่ชั้นสองจึงค่อนข้างที่จะลำบากในการเคลื่อนย้าย แต่ด้วยความช่วยเหลือของทุกคนชนาก็ถูกพามานอนอยู่บนเตียงประจำของเขาได้อย่างปลอดภัย
“ขอบคุณนะครับ” หรัณย์ยกมือไหว้ขอบคุณบุรุษพยาบาลอย่างไม่ถือตัว ซึ่งอีกฝ่ายก็ไหว้เขาตอบแล้วจึงขับรถพยาบาลกลับไปทำหน้าที่ของตนต่อ
“คุณหรัณย์ไปพักก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะดูแลชนาให้เอง” พยาบาลสาวบอกเจ้าของบ้านด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่กลับมาเขาก็ยังไม่ได้นั่งพักเลยสักครั้ง