Chapter 1 ซ่อน...รัก

2665 Words
รักที่แท้จริงคือการให้ ไม่จำเป็นต้องได้ครอบครอง เงาพันธกานต์ BY กฤติณ พี่ พี่ภีม ภัทรนันท์  เลิศอมรกุล  (อายุ 33 ปี วิศวกร, รองกรรมการผู้จัดการเดอะเรดเบดแอนด์บาร์)  เพราะยังไม่ทิ้งลายนิสัยเจ้าชู้ แม้เขาจะมีภรรยาที่กำลังมีโซ่ทองคล้องใจด้วยกัน  แต่นั่นไม่อาจใช้มัดใจผู้ชายอย่างภัทรนันท์ให้หยุดแค่เธอได้  เขาแอบส่งเสียเลี้ยงดูมีความสัมพันธ์ลับๆ กับแพรวา สาวนักศึกษาปีหนึ่งขี้อ้อน และเธอยังเป็นเพื่อนกับมินตราน้องสาวของเขาเอง ถึงแม้เขาจะมีผู้หญิงมากมายหลายคน หากแต่ว่าใจกลับเก็บใครบางคนเอาไว้ เธอคนนั้นเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวที่เขารักอย่างแท้จริง พี่ภาม ภัทรนนท์ เลิศอมรกุล (อายุ 33 ปี วิศวกร, รองกรรมการผู้จัดการเดอะเรดเบดแอนด์บาร์, เป็นนักดนตรีประจำบาร์หน้าโรงแรม) น้องชายฝาแฝดของภัทรนันท์...และเขาคือคนที่มินตราแอบหลงรัก ด้วยเพราะสมองของเธอจดจำผู้ชายผู้เป็นฮีโร่ในดวงใจเอาไว้ตั้งแต่วัยเยาว์ แต่สุดท้ายเส้นทางรักของเขาและเธอจะเป็นอย่างไร  เมื่อคนที่มินตรารักอย่างแท้จริงกลับเป็นอีกคน อัยย์ มินตรา  เลิศอมรกุล หญิงสาวผู้กำพร้าบิดามารดาเพราะท่านทั้งสองถูกลอบสังหาร ญาติพี่น้องที่เป็นภัยทำให้หล่อนต้องมาอาศัยใบบุญของครอบครัวเลิศอมรกุล   หญิงสาวเติบโตมาท่ามกลางความรักของครอบครัวใหม่  ผู้ชายที่เป็นดั่งฮีโร่ในหัวใจ คนที่สบตากันในวันสูญเสีย  เขาคือใครกันแน่...ภัทรนันท์ หรือ ภัทรนนท์ แบม สิตางศุ์ มณีรัตนะ  ความสวยใช้ไม่ได้กับผู้ชายอย่างภัทรนันท์... เหตุเพราะเขาได้เธอมาเพราะความเมา  แม้จะทุกข์ทนแต่ก็ต้องทนอยู่เพื่อลูกและศักดิ์ศรีของครอบครัว ถึงแม้จะรู้ดีว่า...เขาเก็บใครบางคนเอาไว้จนเต็มหัวใจ น้ำขิง  แพรวา  เยาวมาลย์  เพื่อนแก็งค์เดียวกับมินตรา เพราะความทะเยอทะยาน ขาดความรักความอบอุ่น ความเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ขัดสนทางการเงิน  กลายเป็นปมด้อยอยู่ลึกๆ ในใจมานานวัน หล่อนคือเด็กสาวธรรมดาๆ ที่อยากมีพร้อมเหมือนเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน จนเมื่อได้มาพบกับพี่ชายคนโตของมินตรา...คำว่าเมียเก็บที่เขาหยิบยื่นให้  แลกกับความสุขสบายในชีวิต หล่อนจึงไม่มีรอที่จะคว้าเอาไว้ +++++ Chapter 1 ซ่อน...รัก                   บริเวณสนามหญ้าหน้าอาคารสูงขนาดห้าชั้น ปาร์ตี้เล็กๆ กำลังเริ่มขึ้นขณะที่ความมืดโรยตัวเข้ามาห่มคลุม บ้านตึกสวยหลังนี้คือบ้านของครอบครัวเลิศอมรกุล มีพันเลิศเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านตึกหลังนี้ บ้านที่เขาจงใจออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอย สี่ชั้นและหนึ่งดาดฟ้า มีลิฟท์ในตัวอาคารเพื่อความสะดวกสบาย และมีการขออนุญาตสร้างและจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เหตุผลของพันเลิศคือต้องการให้ทุกคนอยู่ด้วยกันแม้จะมีครอบครัวแล้วก็ตาม ทุกคนในบ้านมีพื้นที่ส่วนตัวคนละชั้นไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ของลูกชายคนโตเป็นชั้นสาม ลูกชายคนรองที่ชั้นสอง ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้นอยู่ชั้นเดียวกันกับพ่อและแม่ที่ชั้นสี่ มีห้องรวมที่ชั้นล่างไว้สำหรับพบปะพูดคุยทำกิจกรรมร่วมกัน            ปาร์ตี้ฉลองวันเกิดอายุครบสิบแปดปีเต็มของลูกสาวคนเดียวในบ้าน มินตรา...น้องเล็กของครอบครัว มีวงดนตรีเล็กๆ ของคนรู้จักมาร่วมขับกล่อมให้ความสุขสำหรับงานในค่ำคืนนี้ ภัทรนนท์รับหน้าที่เป็นมือกีตาร์และนักร้องไปพร้อมกัน เขาร้องเป็นประจำที่บาร์ด้านหน้าโรงแรมซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจอสังหาฯของครอบครัว โรงแรมขนาดกลางตอบโจทย์นักท่องราตรีที่มักแวะไปนั่งฟังเพลงและหาอาหารอร่อยๆ ทาน ค็อกเทลสูตรใหม่ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของเดอะเรดเบดแอนด์บาร์           มินตราในเดรสสีขาวสะอาดชายกระโปรงฟูฟ่อง หล่อนคือนางฟ้าโดดเด่นที่สุดในค่ำคืนนี้ ผู้มาร่วมงานมีญาติๆ คนรู้จัก และเพื่อนในกลุ่มมัธยมปลาย หลังจากทุกคนอิ่มกับอาหารค่ำแบบบุฟเฟต์ที่ยกห้องอาหารของโรงแรมมาไว้ที่นี่ ก็จะเป็นช่วงเวลาลุ้นกับของขวัญ นั่นเป็นช่วงเวลาที่มินตรามีความสุขที่สุด และหล่อนก็รอคอยของเขาอยู่เพียงคนเดียว ใจนั้นคอยลุ้นว่าปีนี้ภัทรนนท์จะซื้ออะไรให้เป็นของขวัญ           ที่บ้านของหล่อนสอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน ของขวัญวันเกิดจึงไม่เน้นมูลค่าที่เป็นตัวเงินมากกว่าคุณค่าทางใจ ที่ผ่านมาหากอยากได้อะไรก็มักจะเก็บเงินซื้อเอง อาศัยค่าขนมที่ใช้ไม่หมดฝากเข้าบัญชีเอาไว้ รวมทั้งเงินจากการขายภาพถ่ายออนไลน์ที่แม้ไม่มากแต่ก็ทำให้หล่อนมีความสุขที่สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง           แม้ที่บ้านจะให้เรียนเกี่ยวกับการโรงแรมเพื่อจะได้นำมาปรับใช้กับธุรกิจของครอบครัว แต่หล่อนก็รักการถ่ายภาพและรู้สึกได้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ วันก่อนตอนไปเดินซื้อของแล้วแวะไปโซนไอทีด้วยอยากได้กล้องคุณภาพดีๆ สักตัว แต่เห็นราคารวมไอเท็มเสริมแล้วถึงกับปาดเหงื่อ ราคาตั้งหลายหมื่นหล่อนไม่มีเงินที่จะซื้อ แม้อยากได้แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอพี่ชายตัวเอง แม้เขาจะเป็นคนคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้านก็ตาม           "ปีนี้ภีมซื้ออะไรให้น้อง...แกะเลยอัยย์ ทุกคนรอลุ้นอยู่"           ที่หลายคนลุ้นเพราะปีที่แล้วหล่อนได้แมคบุ๊คเป็นของขวัญ เนื่องจากคนให้รู้ว่าหล่อนจำเป็นต้องใช้งานเป็นประจำ ภัทรนันท์รู้ว่าน้องสาวตนชอบถ่ายภาพและขายภาพถ่ายออนไลน์เป็นงานอดิเรก เขาจึงช่วยสนับสนุนด้วยการซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับช่องทางการสร้างเงิน           กล่องเท่าซองจดหมายที่ไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไร หญิงสาวบรรจงแกะโบว์และกระดาษห่อสีทองออกอย่างใจเย็น แม้ใจจะลุ้นว่ามันคืออะไรก็ตามที...เมื่อแกะออกมาแววตากลมโตก็ฉายแววงุนงง เพราะมันคือเงินจำนวนหนึ่ง แบงค์สีเทาใหม่เอี่ยมที่กะด้วยตาแล้วน่าจะมีราคานับหมื่นเลยทีเดียว           ภัทรนันท์หัวเราะออกมาเมื่อหล่อนเหลือบมอง เหมือนมีคำถามซ่อนอยู่ในแววตาคู่นั้น            “พี่ภีมซื้อของขวัญไม่ทันแน่ๆ เลยเอาเงินมาฟาดหัวอัยย์"           "ใช่ครับ ซื้อไม่ทัน อย่าโกรธกันนะ"           เขาทำท่าชูนิ้วก้อยเพื่อง้อให้หายงอน ไม่อยากพูดความจริงว่ามัวแต่ยุ่งกับหลายๆ เรื่องจนลืมไปเสียสนิท มานึกขึ้นได้ก็ใกล้วันเต็มที หาซื้ออะไรไม่ทันก็เลยคิดว่าจะให้หล่อนนำเงินไปซื้อของที่อยากได้เอาเอง           "ไม่ต้องเลย ลืมกันได้ไงคะ"           หล่อนทำหน้างอนเพราะไม่ได้อยากได้เงิน อะไรที่เป็นสิ่งของแม้ไม่มีมูลค่าแต่หล่อนก็เก็บรักษาเอาไว้ทุกชิ้น...ท่าทีนั้น ภัทรนันท์รีบเดินเข้ามาบีบนวดไหล่แบบบางอย่างเอาใจ           "ก็พี่ให้เงินแล้วนี่ไงครับ อยากได้อะไรน้องอัยย์ก็ไปหาซื้อทีหลัง ถ้าไม่ซื้ออะไรก็ฝากเอาไว้ จะได้มีเงินติดตัว"           หญิงสาวรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังทำตัวไร้สาระไม่เข้าท่า เขาง้อเพียงครู่เดียวก็กลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม           "ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ อัยย์ขอโทษที่ทำตัวงี่เง่างอแง"           หล่อนพูดออกมาแบบนั้นเพราะคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งกำลังส่งสายตาบางอย่างมาให้...รู้ดีเขากำลังดุทางสายตาจนต้องหลุบตาหนีด้วยความหวั่นเกรง           "ทีหลังอย่าแสดงอาการแบบนี้อีก ไม่คิดว่าคนให้จะน้อยใจหรือไงฮึ!"           เขาลุกเดินมากระซิบใกล้ๆ จนหล่อนแค่นยิ้มเจื่อน ภัทรนันท์ได้ยินจึงขัดออกมาเพราะไม่อยากให้เจ้าของวันเกิดน้อยใจที่ถูกตำหนิ           "เอาเถอะๆ อย่าเพิ่งดุเลย น้องอัยย์ยังเด็ก ก็เลยคิดอะไรตามประสาเด็กๆ ฉันไม่ซีเรียสอะไร"           "พี่กำลังทำให้เธอเคยตัว เป็นคนเอาแต่ใจขึ้นทุกวันๆ แล้วก็เด็กที่ไหน อายุตั้งสิบแปดแล้ว"           แม้จะเกิดห่างกันแค่เพียงไม่กี่นาที แต่ภัทรนนท์ก็เรียกอีกฝ่ายว่าพี่เพื่อให้เกียรติ เพราะถือว่าถึงอย่างไรก็เกิดก่อนตน           "นายว่าฉันตามใจน้อง ไหนเอามาดูสิของขวัญนายน่ะว่าปีนี้ซื้ออะไรมา"           "ก็ไม่ได้ซื้ออะไรเวอร์ แต่เห็นว่าจำเป็นก็เลยซื้อมา"           "แกะเลยน้องอัยย์ ทุกคนอยากเห็น"           ภัทรนันท์รีบยุ เขาจะดูสิว่าคนที่ปากดีว่าคนอื่นทำให้มินตราเคยตัวนั้นจะซื้ออะไรมาเป็นของขวัญ เดาเอาจากกล่องใบใหญ่ คิดว่าคงต้องเป็นอะไรที่มีค่าแน่นอน           "อะไรคะพี่ภาม หนักเหมือนกันนะคะ"           "แกะดูสิครับ ระวังอย่าให้หลุดมือนะ"           มือเล็กแกะกระดาษห่อสีชมพูอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางใจที่ลุ้นระทึกเพราะกล่องที่ใหญ่และหนัก ลุ้นว่าในนั้นจะเป็นอะไร…เพียงแกะกล่องแล้วเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างใน แววตากลมโตก็ทอประกายระยิบระยับ น้ำตารื้นออกมาเพราะความดีใจ           "พี่ภามรู้ได้ยังไงคะ รู้ได้ยังไงว่าอัยย์กำลังอยากได้อยู่พอดี"           สองมือค่อยๆ ประคองหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาพลิกดู ราคาของมันนั้นไม่ใช่ถูกๆ เพราะหล่อนเพิ่งไปดูราคามาเมื่อเดือนก่อนนี้เอง           "แหม ไอ้คนไม่ตามใจ ซื้อของชิ้นใหญ่ให้เนี่ยนะ"           ภัทรนันท์อดไม่ได้ที่จะแขวะออกมา เขากำลังคิดว่าน้องชายตนนั่นแหละตัวดี แม้จะดูดุและเข้มงวด แต่เมื่อยามมินตราอยากได้อะไร แค่อ้อนบ่อยๆ เข้าเดี๋ยวก็จะใจอ่อนไปเอง           "ผมเห็นว่าจำเป็นต้องใช้งานน่ะ แล้วคนบางคนก็ไปยืนทำตาปริบๆ ได้แต่ลูบๆ คลำๆ แต่ไม่มีเงินซื้อ"           "ขอบคุณนะคะพี่ภาม อัยย์สัญญาว่าจะรักษามันเป็นอย่างดี"           ไม่แค่เอ่ยปาก เจ้าตัวเขย่งปลายเท้าแล้วเงยหน้าขึ้นไปหอมแก้มเขาแทนคำขอบคุณ...ภัทรนนท์ถึงกับผงะตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะแสดงอะไรแบบนี้ออกมา           เขาใช้หลังมือถูที่แก้มของตนราวไม่ชอบในรสสัมผัส ตามมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ จนอีกฝ่ายถึงกับหน้าม่อยลงไป           "ทำอะไรน่ะน้องอัยย์ อย่าทำแบบนี้อีกรู้มั้ย!"           "เมื่อก่อนก็ยังทำได้ ไม่เห็นพี่ภามว่าอะไร"           "ก็เพราะเราไม่ใช่เด็กๆ แล้ว โตเป็นสาวแล้วต้องรู้จักระวังตัว"           เมื่อกี้ยังว่าหล่อนเป็นเด็ก...หญิงสาวคิดอย่างน้อยใจแต่ไม่ กล้าแสดงอะไรออกมา...ภัทรนนท์เดินหนีไปนั่งรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ เขาไม่พูดอะไรกับหล่อนอีกเลย ด้านภัทรนันท์รู้ดีว่าบรรยากาศกำลังจะเสีย เขาจึงดึงกล้องจากมือของหล่อนมาเก็บใส่กล่อง ก่อนส่งซิกไปที่เวทีร้องเพลง แล้วกระตุ้นคนอื่นๆ ให้มาสนุกต่อด้วยกัน ส่วนเขาจะช่วยทำให้มินตราหายน้อยใจด้วยการชวนไปร้องเพลงที่หน้าเวที           ท่ามกลางความสุขสนุกสนาน แพรวาเดินเลี่ยงออกมาจากโซนปาร์ตี้โดยไม่บอกใคร หล่อนเดินเล่นมาเรื่อยจนถึงบ่อปลาคาร์ฟที่ทอดผ่านด้านหน้าตึก มีสะพานสำหรับเดินข้ามไปยังหน้าประตูทางเข้าด้านใน...บ้านหลังใหม่ของเพื่อนนั้นช่างน่าอยู่ ทั้งใหญ่โตและมีสวนสวยๆ ให้เดินเล่น คำถามก่อเกิดในใจที่เต็มไปด้วยปมด้อยทำไมมินตราถึงมีชีวิตที่น่าอิจฉา มีครอบครัวแสนอบอุ่น มีเงินให้ใช้ไม่ขาดมือ มีทั้งพี่ชายที่แสนดีคอยดูแลเทคแคร์ถึงสองคน           ชีวิตของเพื่อนต่างจากตนหน้ามือเป็นหลังมือ ทางบ้านของหล่อนไม่มีเงินมากพอที่จะส่งให้ใช้สุขสบายเหมือนอย่างมินตรา ไม่มีพี่ชายคอยดูแลเอาใจใส่เหมือนอย่างเพื่อน ปมด้อยในใจนี้ถูกกดเอาไว้นานวัน หล่อนกลายเป็นคนโหยหาความรักจากใครสักคน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าชาตินี้จะพบเจอรักที่ว่านั้นหรือไม่           "ทำไมมายืนหลบอยู่คนเดียวเงียบๆ ตรงนี้ล่ะครับ ปาร์ตี้ไม่สนุกเหรอ"           เสียงทักที่ดังอยู่ข้างหลังทำให้หล่อนตกใจหันกลับไปมอง เขานั่นเอง…ภัทรนันท์ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตของมินตรา ในมือถือแก้วไวน์มาสองใบ อีกใบหนึ่งยื่นมาตรงหน้า           หล่อนหลุบตามองแก้วใบนั้น หากแต่ว่าด้วยมารยาทจึงยื่น มือไปรับแบบงุนงง ไม่คุ้นชินกับการที่จู่ๆ ก็มีใครมาทำอะไรแบบนี้ เขาสื่อภาษากายว่ากำลังชวนหล่อนดื่มหรืออย่างไร คิดพลางช้อนสายตามอง รอยยิ้มหวานคลี่ออกมาเพื่อตอบรับมิตรไมตรี            แพรวาเหลือบตามองไปยังตึกหลังใหญ่ตรงหน้า หล่อนเอียงคอเล็กน้อยยามหันกลับมาสบตากับภัทรนันท์           "น่าอิจฉาอัยย์จังเลยนะคะที่มีบ้านหลังใหญ่ให้อยู่ ขิงเพิ่งมาเป็นครั้งแรก จริงๆ แล้วอัยย์ก็ชวนมาหลายครั้งแล้วเหมือนกันค่ะ"           ภัทรนันท์ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร สายตาลอบมองเครื่องหน้าของหล่อนตามนิสัยที่เป็นโรคประจำตัวแก้ไม่หาย จริงๆ แล้วหล่อนไม่ใช่คนสวยโดดเด่น หากแต่ว่ากลับมีเสน่ห์สะดุดตาให้ต้องเผลอมอง คิ้วเรียวสวยแบบไม่ต้องเขียนก็ยังดูดี กลีบปากอิ่มสีชมพูจางๆ เหมาะกับวัยที่ยังสดใส อีกทั้งผิวสีน้ำผึ้งที่ไม่ใช่ผิวคล้ำนั้นดึงดูดสายตาให้ต้องไล่มองหล่อนไปทั้งตัว           "ตามสบายเลยนะครับ คิดเสียว่าเป็นบ้านของตัวเอง"           เขาแค่มาทำให้หล่อนไม่รู้สึกเหงาในฐานะเจ้าบ้าน ภัทรนันท์พยายามสื่อออกมาแบบนั้นเพื่อไม่ให้หล่อนรู้สึกว่ากำลังถูกจู่โจมจีบกันซึ่งๆ หน้า...เสียงแก้วกระทบกันเบาๆ ก่อนที่น้ำสีแดงจะถูกกรอกลงคอไปอึกหนึ่ง วินาทีนั้นแพรวาเผลอสบตากับเขาอย่างไม่ตั้งใจ…สายตาที่ทำให้ร้อนวูบวาบไปทั้งกาย ไม่แน่ใจว่ามันมาจากความเขินอายหรือเพราะฤทธิ์ไวน์ที่เพิ่งดื่มไปกันแน่           แต่เพื่อนของตนเคยบอกว่าพี่ชายคนโตนั้นมีเมียแล้ว...มีเมียแล้วมาคุยกับหล่อนทำไม แพรวาคิดอย่างว้าวุ่นใจและเข้าข้างตัวเอง           พฤติกรรมของพี่ชายตนไม่อาจรอดพ้นสายตาช่างสงสัยของ มินตราไปได้ หลังจากที่ร้องเพลงล่าสุดจบลงไป หล่อนยื่นไมค์คืนให้ภัทรนนท์แล้วเดินเลี่ยงออกมาจากตรงนั้น ด้วยไม่ไว้ใจพี่ชายคนโต           "อะแฮ่ม"           "....!"           ภัทรนันท์หันไปมอง เป็นน้องสาวจอมจุ้นจ้านที่ช่างขัดจังหวะได้ทุกที่ทุกเวลา เขาลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ที่หล่อนพรวดพราดเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือ           มินตราทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หล่อนคว้าข้อมือเพื่อนเพื่อให้เดินตามตนไปที่ลานปาร์ตี้ ไม่สนใจสายตาของพี่ชายที่จับจ้องมองอย่างรู้ทัน...รู้ทันว่าหล่อนกำลังเป็นหูเป็นตาให้พี่สะใภ้ ไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้เพื่อนตัวเอง           "ไหนบอกจะร้องเพลงไงขิง ไปเลย ทุกคนอยากฟังเสียงแก"           แพรวาแค่นยิ้มเฝื่อน ครั้นจะให้ยืนอยู่ที่เดิมก็กระไรอยู่ หล่อนจำต้องเดินตามเพื่อนไปทั้งที่ใจนั้นยังอยากคุยกับเขาต่ออีกสักนิด หล่อนไม่เคยเจอใครคุยสนุกเหมือนเขา...ทำไมผู้ชายแต่งงานแล้วถึงมีเสน่ห์ดึงดูดใจให้อยากเข้าหา หญิงสาวเฝ้าถามตัวเองท่ามกลางใจที่กำลังหวั่นไหวไปกับเขาอย่างง่ายดาย  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD