Chapter 3 บางสิ่งที่ขาดหาย (1)

1165 Words
Chapter 3 บางสิ่งที่ขาดหาย (1) เงินแบงค์สีเทาจำนวนห้าใบที่ไหลออกมาจากช่องรับเงินทำให้เจ้าของบัญชีรู้สึกใจหายไม่น้อย มันอาจไม่มากสำหรับคนอื่น แต่สำหรับหล่อนมันคือเงินที่เก็บหอมรอมริบมาจากค่าขนมที่ทางบ้านให้ไว้ใช้จ่ายในแต่ละเดือน ในหนึ่งเดือนที่ทางบ้านให้ค่าขนมเดือนละหมื่นห้า เพราะต้องการสอนให้เป็นคนไม่ฟุ่มเฟือยเนื่องจากยังไม่มีรายได้เป็นของตนเอง หล่อนต้องบริหารเพื่อให้พอใช้ได้ทั้งเดือน หากไม่พอต้องการขอเพิ่มก็ต้องมีเหตุผลเพียงพอที่จะไปเบิกจากพี่ชายคนรอง เพราะเขาเป็นคนคุมบัญชีและเป็นคนจ่ายเงินค่าขนมให้ทุกเดือน ท่ามกลางความไม่สบายใจ มินตรากำเงินเดินตรงมาหาเพื่อนที่นั่งรออยู่อย่างอารมณ์ดี...เป็นอีกครั้งที่แพรวาขอยืมเงินด้วยเหตุผลที่ว่าติดขัดเรื่องเงินจากทางบ้าน ความสงสารและเห็นใจทำให้จำต้องให้เพื่อนยืม ทั้งที่ก้อนเก่าๆ ก็ยังได้คืนไม่หมดเลยด้วยซ้ำ "ฉันมีแค่นี้ แล้วก็เป็นก้อนสุดท้ายแล้วนะขิง ถ้าจะยืมอีกก็คงไม่มีให้เพราะมันเป็นแค่เงินค่าขนมที่เหลืออยู่" หล่อนโกหก ส่วนแพรวาปั้นหน้าเศร้าขณะกำลังรับเงินจากมือเพื่อนมากำเอาไว้ รีบยัดมันเข้ากระเป๋าสะพายแล้วถอนหายใจแรงๆ "ถ้าฉันมีก็คงไม่รบกวนแกหรอก หากที่บ้านส่งมาให้แล้วจะรีบใช้คืนนะ" มินตราลอบถอนใจ ปัญหาใหญ่ของแพรวานั้นไม่ใช่แค่ทางบ้านหมุนไม่ทัน แต่เพราะอีกฝ่ายค่อนข้างใช้ชีวิตติดหรู เงินส่วนใหญ่มักหมดไปกับของใช้และเครื่องสำอาง หากเพื่อนประหยัดในส่วนนี้ไปได้ เงินที่ทางบ้านให้มาก็อาจจะเพียงพอใช้ในหนึ่งเดือน เคยเตือนกันหลายครั้งแต่เพื่อนก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม "จริงๆ แกก็น่าจะเพลาๆ ลงบ้างเรื่องซื้อเครื่องสำอางทุกเดือน ของเก่าใช้ไม่หมดก็ได้ของใหม่มาอีกแล้ว ฉันไม่เห็นว่าจะจำเป็นสักนิดที่ต้องซื้อบ่อยๆ น่ะ" เหมือนจะสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบใจที่ถูกตำหนิ มินตราเริ่มอึดอัดเมื่อเพื่อนทำหน้าคล้ายขุ่นเคือง จนกล้าเอ่ยถ้อยคำเหมือนพานพะโรที่เห็นว่าตัวเองมีไม่เท่าเธอ "ใครจะเหมือนแกล่ะอัยย์ มีทุกอย่างพร้อมมาตั้งแต่เกิดก็พูดได้นี่ เงินไม่พอก็ขอพี่ชาย มีคนคอยซัพพอร์ตให้เงินใช้ไม่ขาดมือ ฉันยืมเพราะลำบากทำเป็นบ่น เพื่อนกันคิดกันอย่างนี้เหรออัยย์" มินตราถึงกับนิ่งอึ้ง ตนเป็นเจ้าของเงินแท้ๆ แต่กลับถูกเพื่อนว่ากลับมาหน้าตาเฉย แต่เพราะหล่อนเป็นคนไม่อยากมีปัญหากับใคร จำต้องเป็นฝ่ายยอมเพื่อไม่ให้เกิดการหมางใจกัน "คิดว่าฉันขอได้ง่ายๆ เหรอขิง ฉันก็ถูกควบคุมการเงินเหมือน กัน งานการก็ไม่ได้ทำจะใช้จ่ายสบายๆ ไม่ได้หรอก ก็ต้องช่วยที่บ้านประหยัดด้วย บ้านฉันทำธุรกิจก็จริงแต่ทุกคนก็เหนื่อยไม่ได้นั่งๆ นอนๆ สบายอย่างที่แกคิดนะขิง" คำพูดของมินตราเหมือนดูตลกในความคิดของคนฟัง จนแพรวาต้องหัวเราะออกมาราวขบขัน "อย่าเวอร์หน่อยเลย บ้านเธอน่ะรวยจะตาย ทำเป็นบอกต้องช่วยกันประหยัด แหม เธอนี่มันจนเสียจริงๆ นะอัยย์ จนแบบไหนนะเดี๋ยวมีรถคันโน้นคันนี้เวียนมารับ ฉันล่ะเบื่อพวกคนรวยชอบทำตัวเป็นยาจก" แพรวาไล่สายตามองเพื่อน ไม่มีเครื่องประดับใดๆ ติดตัวนอกจากนาฬิกาข้อมือ กระเป๋าสะพายดูแล้วราคาน่าจะถูกกว่าที่ตนใช้ด้วยซ้ำ รวมทั้งรองเท้าก็ใส่แต่คู่เดิมๆ ไม่ค่อยเปลี่ยน ต่างหูเพื่อนของตนก็ชอบซื้อตามตลาดนัดไม่เน้นยี่ห้อ โดยให้เหตุผลว่าของถูกจะได้เปลี่ยนบ่อยๆ ไม่ต้องเสียดาย "แล้วรองเท้าน่ะ เปลี่ยนซะบ้างนะ ใส่แต่คู่เดิมๆ จนส้นสึกหมดล่ะ มันคือบุคลิกของเรานะอัยย์ ผู้ชายน่ะมักจะมองผู้หญิงที่การแต่งกายภายนอกกันทั้งนั้น แกทำตัวไม่โดดเด่นแบบนี้แล้วใครจะเข้าหา ชาตินี้ไม่ต้องมีแฟนกันพอดี" "ก็ช่างสิ ฉันมาเรียนไม่ได้มาหาแฟน ไม่มีใครมาจีบฉันก็ไม่แคร์หรอก" มินตราเหลือบดูเวลาที่ข้อมือ เพราะว่านัดพี่ชายคนโตเอาไว้ เขามาทำธุระแถวนี้เลยนัดให้หล่อนเดินเล่นรอในห้างสรรพสินค้า โดยบอกว่าจะพาไปหาอะไรทานแล้วก็เข้าบ้านพร้อมกัน พร้อมกันนั้นไลน์ก็เด้งเตือน เป็นข้อความจากพี่ชายบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะมาเจอกัน ให้หล่อนไปรอร้านอาหารญี่ปุ่นร้านเดิมเพราะโทร.จองโต๊ะไว้แล้ว เขาอยากทานโอโทโร่เป็นพิเศษก็เลยถือโอกาสหาเพื่อนทาน เพราะชวนสิตางคุ์แล้วฝ่ายนั้นไม่ยอมออกมาโดยให้ข้ออ้างว่าแพ้ท้องไม่อยากทานอะไรที่มันคาวๆ "พี่ภีมใกล้จะมาถึงแล้ว แกจะซื้ออะไรไหม เพราะฉันจะไปรอเขาที่เดอะกริลล์ จะได้แยกย้ายกันตรงนี้เลย" ชื่อของผู้ชายที่เพื่อนเอ่ยถึง เรียกความสนใจจากคนฟังขึ้นมาทันที น่าแปลกที่ตั้งแต่คืนนั้นเขาทำให้หวั่นไหวได้อย่างง่ายดาย...คืนวันเกิดของมินตราที่แค่คุยกันไม่กี่คำ หล่อนจำได้ว่าให้อยู่ด้วยกันทั้งคืนก็ยังได้ เพราะเขาเป็นคนคุยสนุกทำให้หล่อนมีความสุขจนดื่มเพลิน และถึงกับต้องนอนค้างบ้านเพื่อน เช้าเพื่อนจึงให้คนขับรถของที่บ้านไปส่งตนถึงหอพักอย่างปลอดภัย จะเป็นไรไปถ้าอยากจะเจอเขาอีกครั้ง แค่เจอกันไม่ได้ผิดอะไรถึงแม้เขาจะมีเมียแล้ว คิดพลางตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาเสียดื้อๆ "ฉันยังไม่อยากกลับบ้านเลย ขอไปกินด้วยคนสิ อยากกินข้าวหน้าปลาไหลอ่ะ ค่าอาหารก็บอกพี่ชายแกไปว่าเดี๋ยวฉันจ่ายเอง" "เอ่อ..." "นะๆ อัยย์ ขอไปด้วย" มินตราทำหน้าปั้นยาก ครั้นจะปฏิเสธก็รู้สึกลำบากใจ รอยยิ้มเฝื่อนของเพื่อนแพรวาทึกทักว่าคือคำตกลง หล่อนเดินไปยังร้านเดอะกริลล์ด้วยความไม่สบายใจ เพราะกลัวว่าพี่ชายจะตำหนิที่พาเพื่อนมาโดยไม่บอกให้รู้ล่วงหน้า คิดไปไกลว่าผลสุดท้ายก็ไม่พ้นเขาที่จะต้องจ่ายเงินเลี้ยงอาหารแพรวา ด้วยมารยาททางสังคมที่บีบบังคับให้ผู้ชายต้องกระทำ ไม่เช่นนั้นอาจถูกตราหน้าว่าไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษพอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD