Chapter 3 บางสิ่งที่ขาดหาย (2)

1452 Words
Chapter 3 บางสิ่งที่ขาดหาย (2) หลังจากสั่งอาหารไปไม่นานภัทรนันท์ก็มาตามนัด เขาเดินมายังโต๊ะที่กั้นความเป็นส่วนตัวเอาไว้ด้วยมู่ลี่สีน้ำตาล ร่างสูงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้เห็นว่าที่โต๊ะไม่ได้มีแค่น้องสาวที่นั่งรอ แต่ข้างกายยังมีเพื่อนที่เขาจำได้ว่าเธอไปร่วมงานวันเกิดคราวนั้น...น้ำขิง แพรวา คืนนั้นหล่อนดื่มหนักจนกลับไม่ไหว เขาเลยต้องให้นอนค้างที่บ้านเพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย "สวัสดีค่ะพี่ภีม” เขารับไหว้ด้วยการยิ้มตอบ ก่อนหย่อนกายนั่งลงตรงข้ามสองสาว เหลือบมองหน้ามินตรา ก็เห็นว่าหล่อนส่งยิ้มเจื่อนกลับมาคล้ายเกรงใจ "พอดีมาเดินซื้อของด้วยกัน ก็เลยชวนขิงมาทานด้วยกันค่ะ" "ไม่เป็นไรหรอกครับ ดีเหมือนกันทานหลายคนจะได้ไม่เหงา" ภัทรนันท์โฟกัสสายตาไปยังอาหารบนโต๊ะมากกว่าการสนใจว่าใครจะมาร่วมโต๊ะ เขาเห็นมีแค่ไม่กี่อย่างที่สั่งมา คงเป็นเพราะมินตรารอให้เขาเป็นคนมาสั่งเพิ่มเลยไม่กล้าสั่งอะไรไว้รอ "ทำไมสั่งกันมาน้อยจังล่ะครับ อยากกินอะไรก็สั่งเลยไม่ต้องเกรงใจ" "รอพี่ภีมมาสั่งค่ะ ของอัยย์กับขิงพอแล้ว เดี๋ยวทานไม่หมด" "ถ้าพี่สั่งมาแล้วต้องช่วยกันนะ วันนี้อยากกินอะไรสดๆ คาวๆ จนมือไม้สั่นไปหมดแล้ว" คนพูดหัวเราะเบาๆ กับน้องสาวตัวเอง...แวบหนึ่งที่เหลือบสบตากับคนที่นั่งชิดด้านใน เขาเห็นแววตาคู่นั้นสบกลับมาพร้อมยิ้มแฝงความนัย หล่อนทำเหมือนเขินอายคิดลึกกับถ้อยคำเมื่อสักครู่ ทั้งๆ ที่เขาพูดออกมาไม่ได้คิดอะไรไปไกลขนาดนั้น แพรวาก้มหน้าหนีรอยยิ้มชวนให้ใจละลายและสายตาชวนให้ ใจสั่นไหว ไม่อยากมโนไกลว่าเขาแอบคิดอะไรกับตน แต่สายตาของเขาก็ชวนให้คิดลึกหลงตัวเองไม่น้อย แววตากรุ้มกริ่มยามจับจ้องมองชวนให้ร้อนวูบวาบไปทั้งกาย "ดื่มเจแปนกันคนละแก้วแค่นั้นเหรอน้องอัยย์ จะลองสั่งอย่างอื่นมาชิมมั้ยล่ะครับ" เขาหมายถึงน้ำองุ่นผสมมะนาวและโซดาที่สองสาวสั่งมาก่อนหน้า มินตราหันไปทางแพรวาเพื่อขอความเห็น พร้อมกันนั้นหล่อนคิดไปพร้อมกันว่าเพื่อนดูเรียบร้อยพูดน้อยจนผิดสังเกต ท่าทีเปลี่ยนจากสาวมั่นเป็นสาวเรียบร้อยนั้นดูขัดหูขัดตาตนเหลือเกิน "สั่งแค่นี้ก่อนค่ะ เดี๋ยวสั่งเพิ่มทีหลังก็ได้" "ถ้าอย่างนั้นพี่สั่งแต่อาหารก่อน จะดื่มอะไรเพิ่มก็ว่ากันอีกที" "ได้เลยค่ะ" อาหารถูกสั่งมาจนเต็มโต๊ะเพราะเจ้ามือกลัวว่าสองสาวจะไม่อิ่มเขาเลยจัดเสียชุดใหญ่ และนี่เป็นมื้ออาหารที่แพรวาชื่นชอบที่สุด การได้นั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกับพี่ชายเพื่อนซ้ำเขายังปฏิบัติกับตนอย่างเอาใจ ดูแลเหมือนตนเป็นน้องสาวแท้ๆ อีกคน ทำให้นึกอิจฉามินตราเพราะอยากมีคนคอยดูแลเอาใจทุกๆ วันเหมือนเพื่อนบ้าง มันคือความรักที่โหยหามาตั้งแต่วัยเด็ก อยากมีใครสักคนคอยดูแลประหนึ่งตนคือคนสำคัญแต่ก็ยังหาคนที่ใช่ไม่ได้เลย บางทีคนที่ใช่ก็อาจอยู่ผิดที่ผิดทางผิดเวลา...แพรวาคิดขณะลอบมองเสี้ยวหน้าคมคร้ามของคนตรงหน้า เซ็กส์แอพพรีลแบบไม่พยายามและผู้ชายเมโทรเซ็กส์ชวล นั่นคือเสน่ห์ที่แสนดึงดูดให้ใหลหลง ที่สำคัญ หล่อนชอบคนเฟรนด์ลี่และภาพลักษณ์แบดบอยนิดๆ อย่างเช่นพี่ชายเพื่อน แต่น่าเสียดายที่เขามีพันธะติดตัวเสียแล้ว ส่วนอีกคนที่ยังโสดหล่อนไม่กล้าแม้แต่จะสบตา แฝดคนน้องแลดูเย่อหยิ่งและไม่ค่อยพูดยากที่ใครจะเข้าถึงได้ง่ายๆ มันคงยากหากหล่อนจะพังทลายกำแพงหัวใจของคนใดคนหนึ่ง หากอยากจะได้ใกล้ชิดพี่ชายเพื่อน การทำตัวสนิทสนมกับมินตราเข้าไว้จะเป็นใบเบิกทางสร้างสัมพันธ์ในอนาคต ดูเหมือนว่าแพรว่าจะคิดฟุ้งซ่านไปไกลจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว ++++++ "บ้านเข้าซอยไหนเหรอครับน้องขิง เพราะเดี๋ยวพี่ขับเลย" "เดี๋ยวพี่ภีมจอดส่งที่หน้าปากซอยก็พอค่ะ" "อ้าว ทำไมล่ะครับ มืดค่ำแล้วจะเข้าไปได้ยังไงคนเดียว ซอยเปลี่ยวหรือเปล่า" "ไม่ค่ะ ขิงชินแล้ว พอดีจะแวะซื้อของที่เซเว่นด้วย พี่ภีมจะได้ไม่ต้องเข้าไปให้เสียเวลา" แพรวายังคงยืนกรานคำเดิม ไม่อยากให้เขารู้ว่าแท้จริงตนอยู่อพาร์ตเม้นต์เก่าๆ ไม่ใช่คอนโดที่โกหกเขาตอนมินตราไปเข้าห้องน้ำจนได้คุยกันหลายคำ ส่วนใหญ่เขาจะถามเรื่องเรียนแล้วก็เรื่องที่พักอาศัยอยู่กับใครที่ไหน หล่อนอายที่จะบอกใครๆ ถึงภูมิหลังอันแท้จริง อายในอาชีพของพ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด จึงจำต้องสร้างภาพให้สมกับภาพลักษณ์ภายนอกที่ใครมองแล้วก็คิดว่าหล่อนเป็นลูกคนมีเงิน ภัทรนันท์แตะเบรกหาที่จอดตรงหน้าปากซอยตามที่แพรวาบอก ก่อนลงจากรถหล่อนไม่ลืมที่จะโปรยยิ้มหวานให้คนขับ...กับมื้ออาหารที่แสนอร่อยและประทับใจ "ขอบคุณมากนะคะที่เลี้ยงอาหารแล้วก็ยังขับรถมาส่งกันอีก เกรงใจพี่ภีมจะแย่อยู่แล้วค่ะ" "ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้เอง" ภัทรนันท์หันไปมองที่เบาะหลัง พร้อมรอยยิ้มละลายใจคนมอง แพรวากำลังคิดว่าคืนนี้คงเก็บเขาไปนอนฝันถึงแน่นอน "พรุ่งนี้เจอกันนะอัยย์ ไปก่อนนะคะพี่ภีม" "ระวังตัวด้วยนะครับ" "ถึงที่พักแล้วไลน์บอกด้วยนะ ฉันเป็นห่วงแกที่ต้องเข้าซอยมืดๆ คนเดียว" "โอเคเพื่อน" แพรวาลงจากรถแล้วยืนมองภัทรนันท์เปิดไฟขอทางเพื่อออกขวา สายตาจับจ้องมองท้ายรถที่ค่อยๆ แล่นไกลห่างออกไปเรื่อยๆ ท่ามกลางสงครามแย่งชิงพื้นถนน จนกระทั่งท้ายรถของเขาถูกกลืนหายไปกับรถราที่แล่นขวักไขว่แลดูวุ่นวาย หล่อนกำลังคิดว่ามันช่างเหมือนใจคนที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ยากที่จะเข้าใจแม้กระทั่งหัวใจตัวเอง หลังจากส่งแพรวาแล้วมินตราก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของพี่ชายตน การที่เขาลอบถอนหายใจอยู่เป็นระยะคล้ายคนมีเรื่องราวมากมายสุมอยู่ในใจ เรื่องที่บอกใครไม่ได้จนต้องระบายมันออกมาด้วยลมหายใจหน่วงหนัก จนหล่อนรู้สึกอึดอัดเพราะปกติเขาไม่ใช่คนแบบนี้ นั่นแสดงว่าต้องมีอะไรมากระทบใจจนเคร่งเครียด คิดพลางเอ่ยถามออกมาตรงๆ จะได้ไม่ต้องนั่งสงสัยไปจนตลอดทาง "วันนี้พี่ภีมดูเครียดๆ นะคะ" "ก็...นิดหน่อย..." "เครียดเรื่องอะไรคะ บางทีพี่ภีมควรระบายออกมาเสียบ้าง เก็บเอาไว้ไม่ดีนะคะ มันจะสุมขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโรคเครียด" นั่นคือความห่วงใยตามประสาคนเป็นพี่น้องกัน...เขาไม่ตอบคำถามหากแต่ว่ากลับเอ่ยถ้อยคำชวนให้ต้องงุนงง "ไปฟังเพลงกันไหม" "ฟังเพลง..." "พอดีพี่รู้สึกเบื่อๆ น่ะ ยังไม่อยากกลับบ้าน ไปหาเพลงฟังคลายเครียดกันดีกว่า" "มันจะดึกนะคะพี่ภีม คุณพ่อคุณแม่จะห่วงน่ะสิคะ" "เดี๋ยวพี่โทร.ไปบอกเอง ท่านไม่ว่าอะไรหรอก" "....." มินตรายังคงกังวล หล่อนเกรงใจภัทรนนท์กลัวเขาจะตำหนิว่ากลับดึกทั้งๆ ที่พรุ่งนี้มีเรียน "ไปเป็นเพื่อนกันหน่อยสิครับ น่านะน้องอัยย์" เมื่อเจอลูกอ้อนจากน้ำเสียงและแววตาคู่นั้น มินตราจำต้องใจอ่อน ติดที่ว่าหล่อนยังอยู่ในชุดนักศึกษา เขาคงไม่พาหล่อนเดินเข้าไปนั่งฟังเพลงทั้งที่ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า คิดพลางมองหน้าคนชวนอย่างกังวล เขาสบตากลับมาอย่างรู้ใจกันดี "ไม่ต้องห่วง ห้างยังไม่ปิดหรอกตอนนี้" "แบบนี้ก็ได้เหรอ" "หรือจะไม่เปลี่ยนก็ได้นะ พี่ไม่ซีเรียส" เขาหัวเราะตบท้ายเบาๆ แน่นอนว่าเขาคงไม่ย้อนไปบ้านเพื่อ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสียเวลา เพราะถ้าใจอยากเข้าบ้าน เขาคงจะไม่หาเรื่องชวนมินตรามาเถลไถลนอกบ้านไม่ยอมพากลับไปง่ายๆ เสียแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD