Chapter 7 หรือเราไม่เคยรักกัน (1)

1953 Words
Chapter 7 หรือเราไม่เคยรักกัน (1) "ถ้าไม่มีอะไรจะพูด งั้นกลับบ้านเลยก็แล้วกัน" ภัทรนนท์ตัดสินใจที่จะไม่อยู่ร้องเพลง เขามัดมือชกมินตราด้วยการคว้าข้อมือเล็กให้เดินตาม เพราะจู่ๆ ก็ไม่อยากให้หล่อนอยู่ที่นี่ต่อ กลัวว่าพี่ชายตนจะชวนกันดื่มจนเตลิดพากันกลับดึกเหมือนคราวก่อน...หญิงสาวพยายามขืนเอาไว้ไม่เดินตาม หากแต่ว่าแรงที่มีมากกว่าของเขานั้นทำให้หล่อนไม่อาจขัดขืนได้เลย ภัทรนันท์มองสองคนที่พากันเดินกลับมาด้วยท่าทีแปลกๆ มินตราเป็นอะไรทำไมจึงทำหน้าแบบนั้น คิดพลางสบตากับหล่อนคล้ายเป็นคำถาม เจ้าหล่อนรีบเสมองไปทางอื่นอย่างรู้เท่าทัน "ผมจะพาน้องอัยย์กลับบ้านตอนนี้เลย พี่จะกลับหรือยัง" "ยังปวดท้องอยู่เหรอ" ภัทรนันท์ไม่ได้ติดใจอะไร มินตราคงปวดท้องมากจึงทำหน้าแปลกๆ ด้านมินตราไม่กล้าพูดความจริงเพราะไม่อยากให้ใครรู้ความลับในใจ หากหล่อนขัดขืนหรือโวยวายจะกลายเป็นว่าทะเลาะกับภัทรนนท์โชว์ทุกคน ความอึดอัดใจทำให้ต้องแค่นยิ้มเฝื่อนออกมา "ชะ ใช่ค่ะ อัยย์ยังปวดท้องไม่หายเลยค่ะ" ภัทรนันท์เหลือบมองแพรวา หากเป็นเช่นนี้คงไม่พ้นเขาที่ต้องวนรถไปส่งเหมือนเช่นเคย เขาไม่อยากพ่วงมินตราไปด้วยเนื่องจากหล่อนปวดท้อง และถ้าเขาเป็นฝ่ายพาน้องสาวกลับแล้วให้ภัทรนนท์ไปส่งแพรวาแทน อีกฝ่ายคงไม่ยอมแน่นอน "พี่ภีมจะกลับเลยมั้ยคะ" "หมดแก้วนี้ก่อนได้มั้ยคะ ขิงเสียดาย ยังไม่ได้จิบสักอึกเลย" แพรวาเอ่ยขึ้น...หล่อนหมายถึงค็อกเทลแก้วที่เพิ่งสั่งมา "ถ้าอย่างนั้นพี่ก็อยู่รอไปส่งขิงก็แล้วกัน ผมจะพาน้องอัยย์กลับไปก่อน" ภัทรนันท์จำต้องรับหน้าที่นั้นเพราะไม่อาจทิ้งแพรวาไว้คนเดียวได้ เพราะถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นเพื่อนน้องไม่ใช่คนอื่นคนไกล "ถ้าไม่ไหวก็ให้พี่ภามพาแวะโรงพยาบาลนะน้องอัยย์ เดี๋ยวไปปวดกลางดึกละยุ่งเลย" ภัทรนันท์อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะสีหน้าของมินตรายามนี้ดูไม่สดใสเอาเสียเลย "ค่ะ" "ผมกลับก่อนนะ...แล้วก็อีกแก้วเดียวพอนะขิง มันจะดึกเกินพี่ภีมเขาต้องทำงาน" ภัทรนนท์ไม่วายกำชับ เขาแค่ต้องการบอกเป็นนัยๆ ว่าอย่าทำอะไรที่นอกลู่นอกทางเด็ดขาด...แต่ถ้าหากพี่ชายตนอยากหาเรื่องใส่ตัวเขาก็ห้ามไม่ได้เช่นกัน "ภีมยังไม่กลับเหรอภาม" นั่นคือคำถามแรกที่มาจากสิตางคุ์ หลังจากที่ภัทรนนท์และ มินตราเดินตามกันเข้ามาในบ้าน คนถูกถามยิ้มเฝื่อนอย่างอึดอัดใจพลางหันไปสบตาน้องสาวตน และเขาไม่รู้จะตอบเช่นไรจึงโกหกออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ "เคลียร์งานที่มีปัญหาอยู่น่ะ เดี๋ยวก็ตามมา" "แล้วทานอะไรกันมาหรือยัง" "ยังเลย พอดีน้องอัยย์ปวดท้องเลยรีบพากลับบ้าน" "จะทานอะไรมั้ย แบมจะทำให้" เพียงเท่านั้น มินตราถึงกับลมหายใจร้อนผ่าวเพราะความขัดหูขัดตาขึ้นมาเสียดื้อๆ ที่จริงหน้าที่นี้ควรจะเป็นตนไม่ใช่พี่สะใภ้ที่มีสามีให้ดูแลอยู่แล้วทั้งคน เกือบห้าทุ่มแล้วคนท้องคนไส้ทำไมไม่นอน คิดพลางมองหน้าภัทรนนท์ อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะรับมิตรไมตรีนั้นหรือไม่ "เอ่อ...แบมไปนอนเถอะ เดี๋ยวเรียกพี่กล้วยมาดูให้ก็ได้" "ไม่เป็นไรแบมยังไม่ง่วง ดีเหมือนกันจะได้รอภีมไปพลางๆ" ภัทรนนท์รู้สึกสงสารหล่อนขึ้นมาอีกครั้งที่ต้องมานั่งรอสามีให้กลับบ้าน แววตาคู่สวยที่แลดูหม่นเศร้าทำให้เขาใจอ่อนยอมอยู่เป็นเพื่อนเธอนั่งรอสามี เขาว่าถ้าคนเราอยู่ในช่วงจิตใจกำลังอ่อนแอสับสนหลงทาง เวลานั้นใจมักจะมองหาใครสักคนไว้เป็นที่ระบาย สิตางคุ์อาจไม่รู้ตัวว่าการกระทำแบบนี้จะยิ่งลากคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในวังวนปัญหาของตน ทำให้ยิ่งบานปลายลุกลามใหญ่โต "อัยย์ขอตัวก่อนนะคะ รู้สึกเหนียวตัวอยากอาบน้ำแล้วค่ะ" มินตราเดินเลี่ยงจากมาก่อนที่จะเผยความผิดปกติออกมาให้สิตางคุ์ได้เห็น สถานะที่เปิดเผยอะไรไม่ได้เพราะต้องอยู่อย่างเจียมตัวในฐานะผู้อาศัย หวงแต่แสดงอาการหึงไม่ได้กำลังฆ่าความรู้สึกให้จมอยู่กับความทรมาน ความเจ็บปวดจากรักที่ไม่มีวันเป็นจริง เล็กซัสแดงกลับเข้ามาจอดยังที่ประจำอีกครั้งในเวลาห้าทุ่มเศษ หลังจากที่ภัทรนันท์จำต้องวนรถไปส่งแพรวาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้นแม้เขาจะรู้เท่าทันในท่าทีของอีกฝ่าย แพรวาน่ากลัวเกินไปเมื่อได้ใกล้ชิด การมีสัมพันธ์กับเธออาจนำไฟเข้าบ้านในวันข้างหน้า เขาอาจควบคุมเธอไม่ได้เหมือนเช่นคนอื่น รักสนุกแต่ไม่ผูกพันคือข้อตกลงที่เขาใช้กับผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิต...ที่สำคัญ เขากำลังพยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้ดีขึ้น แม้จะรู้ว่ายากแต่ก็เห็นแก่ชีวิตน้อยๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พยายามที่จะไม่นอกลู่นอกทางเมื่อเห็นว่าอายุครรภ์ของสิตางคุ์นั้นมากขึ้นทุกวัน เมื่อเข้ามาในบ้านเสียงพูดคุยที่ดังแว่วมาจากครัวฝรั่งทำให้ต้องหยุดชะงัก...เสียงฟังดูคุ้นๆ คิดพลางเปลี่ยนความตั้งใจที่จะไปกดลิฟท์ เดินเลี้ยวไปทางครัวเพื่อดูว่าใครมานั่งคุยกันยามค่ำคืนเช่นนี้ 'แบม...’ ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นภาพบางอย่าง ภรรยาของเขากำลังตักอาหารใส่จานให้คนร่วมโต๊ะอย่างเอาใจ รอยยิ้มบอกให้รู้ว่านั่นคือความสุขที่ไม่อาจปกปิด เขาเชื่อเช่นนั้นว่าหล่อนกำลังได้ปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจ เรื่องราวในอดีตเริ่มประเดประดังวิ่งวุ่นอยู่ในหัว จนรู้สึกปวดหนึบหนับที่ขมับทั้งสองข้างขึ้นมาทันที ชายหนุ่มถอยห่างหันหลังจากมาอย่างเงียบๆ ไม่โวยวายหรือแสดงอาการหึงหวง เขากดมันเอาไว้ภายใต้ความรู้สึกหลายอย่างที่ประเดประดังเข้ามา กดมาหลายครั้งและไม่เคยแสดงออก...สิตางคุ์ไม่เคยรักเขา นั่นคือความจริงที่เขาบอกตัวเองมาเนิ่นนาน บนชั้นดาดฟ้าที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว ท่ามกลางความมืดยามราตรีกาลและท้องฟ้าที่ประดับด้วยหมู่ดาวพราวระยับ...มินตราถอดเสื้อคลุมแล้วโยนมันไปกองบนเก้าอี้อาบแดด เหลือเพียงชุดว่ายน้ำแบบทูพีชลายคิตตี้ที่โปรดปราน เสียงสายน้ำกระเซ็นซ่านเมื่อหล่อนกระโจนลงไปแหวกว่ายในมวลน้ำเย็นฉ่ำชื่นใจ...ความร้อนรุ่มที่สุมใจทำให้นอนไม่หลับ หล่อนฟุ้งซ่านกับความคลุมเครือในสัมพันธ์จนต้องมาว่ายน้ำเล่นหวังใช้ความเย็นดับความร้อนในใจ การว่ายน้ำเล่นตอนกลางคืนหล่อนชอบทำเป็นประจำจึงไม่รู้สึกแปลกอะไร ในช่วงเวลาเช่นนี้ไม่เคยมีใครขึ้นมารบกวนหล่อนจึงชอบเพราะคือการได้ปลดปล่อยอย่างเต็มที่ ได้อยู่กับตัวเองและไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาเห็นตนในสภาพล่อแหลมที่มีเพียงผ้าน้อยชิ้นปกปิดความอวบอิ่มท้าทายสายตา… "ภีม..." สิตางคุ์ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วเห็นสามีนั่งนิ่งอยู่ที่ปลายเตียง...เขากลับมาตอนไหนนั้นนั่นคือคำถามที่แล่นปราดเข้ามา แววตาคู่สวยจับจ้องมองหน้าที่แลดูคล้ายกับมีเรื่องคิดอยู่ในใจมากมาย หล่อนเผยยิ้มปกติแล้วเดินเข้าไปที่ปลายเตียง "คุณกลับมาตั้งแต่ตอนไหนคะ ทำไมแบมไม่รู้" "แล้วคุณไปไหนมาล่ะ ดึกป่านนี้ทำไมยังไม่นอน" "เอ่อ..." หญิงสาวทำหน้าปั้นยาก เพราะไม่รู้เขาเห็นอะไรบ้าง แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่ามันไม่มีอะไร…หล่อนทำทีเป็นปั้นปึงกลบเกลื่อน เพราะเขาทำตัวให้มีช่องทางที่จะหาเรื่องตำหนิไว้มากมาย "แต่คุณก็กลับดึกเหมือนกัน คุณไปไหนมาคะ" คนฟังเหลือบตามอง กระตุกยิ้มพลางลุกเดินมาประจันหน้า แววตาที่จับจ้องมองเคลือบฉาบเอาไว้ด้วยความอัดอั้นที่สุมอยู่ในใจ "คุณรักผมไหม" สิตางคุ์เหลือบมองคนพูดทันควัน เพราะจู่ๆ เขาก็ถามอะไรชวนให้หวาดระแวง "ระ รักสิคะ คุณมีอะไรเหรอคะภีมถึงถามแบมแบบนี้" "เปล่า ก็แค่อยากรู้" "แล้วคุณล่ะคะ รักกันบ้างไหม หรือเพราะความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับทำให้กล้ำกลืนฝืนทนอยู่" ภัทรนันท์นิ่งเงียบ เขาถอนหายใจหน่วงหนักก่อนตอบเลี่ยงไม่ตรงประเด็น "บางทีก็มากกว่ารัก เป็นอะไรที่อธิบายไม่ได้...แม้ที่ผ่านมาผมจะทำตัวไม่ดี แต่ตอนนี้ผมกำลังพยายาม..พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ ขอแค่เวลาและนั่นก็ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะหนักแน่นแค่ไหน" "คุณบอกว่าขอเวลา...นั่นหมายถึงว่าแบมต้องทนอยู่กับสามี ที่เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่นไปอย่างนี้เหรอคะ ทำไมคะภีม ทำไมคุณต้องใช้เวลากับการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อครอบครัว" "ถ้าคุณเคยคิดไม่ซื่อกับใครสักคน คุณว่ามันยากมั้ยที่จะตัดใจไม่ข้องเกี่ยว ถ้าคุณคิดว่าไม่ง่ายกับการบังคับก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจ ก็เหมือนกัน นั่นคือคำตอบของผมที่ชัดเจนว่าทำไมต้องใช้เวลา" "ภีม..." เขากำลังจะบอกอะไรกันแน่ สิตางคุ์ถามตัวเองพร้อมมองตามการเคลื่อนไหวของเขา...เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงว่ายน้ำและเสื้อยืดพอดีตัว สวมทับด้วยเสื้อคลุมสีขาวอีกชั้นแล้วเอ่ยตัดบททำเหมือนไม่เคยถกเถียงกัน "ผมจะไปว่ายน้ำเล่นสักครู่ ถ้าง่วงก็นอนไปก่อนไม่ต้องรอ...ที่จริงคุณควรนอนตั้งนานแล้ว นอนดึกไม่ดีนะแบมเพราะจะส่งผลต่อพัฒนาการและการเติบโต" เขาจูบลาส่งหล่อนเข้านอน ก่อนผละออกห่างหวังใช้สายน้ำดับความร้อนรุ่มที่สุมใจ...สิตางคุ์ยืนนิ่งอยู่กลางห้องมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินพ้นกรอบประตูออกไป เสียงปิดเบาๆ กั้นโลกภายในและภายนอกเอาไว้ หญิงสาวทิ้งกายลงนั่งตรงขอบเตียง พลันหยาดน้ำตาก็รินไหลคล้ายอัดอั้นมานาน ไม่แน่ใจว่ามันมาจากความเสียใจกับอดีตที่ผิดพลาด หรือเพราะเสียใจจากการที่เขาทำมึนตึงใส่กันแน่ บนชั้นดาดฟ้าที่แสนเงียบงันและเป็นส่วนตัว...เสียงคล้ายมีคนกำลังแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำแว่วมาเข้าหูภัทรนันท์ที่กำลังเดินขึ้นบันไดมา ชายหนุ่มนึกแปลกใจว่าใครกันที่มีความคิดเหมือนตน แต่ จะใครก็ช่างเขาคิดว่าคงไม่ใช่บิดามารดาแน่นอน 'น้องอัยย์...’ เขาชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นว่าเป็นใคร...หล่อนไม่รู้ตัวว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพังอีกต่อไป สายตาคู่คมมองไปยังเสื้อคลุมที่กองอยู่บนเก้าอี้ เขายืนนิ่งอย่างลังเลและชั่งใจ จะถอยกลับลงไปหรือถอดเสื้อคลุมโยนทิ้งแล้วโดดลงไปในสระเล่นน้ำเป็นเพื่อนเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD