บทที่ 1 คุณเดชในวัยสิบหก

1240 Words
ณ โรงเรียนมัธยมชื่อดังของจังหวัด คุณเดชเด็กหนุ่มมอปลายสุดฮอตกำลังเตะฟุตบอลอยู่กับเพื่อนๆ ในสนามอย่างสนุกสนาน ด้วยความที่เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี บวกกับฐานะทางบ้านที่จัดว่ามีอันจะกิน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีสาวๆ มาล้อมหน้าล้อมหลังไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะสาวสวยรุ่นพี่ไฟแรงจัดที่ชื่อว่าน้ำฝนคนนี้ คุยกันได้แค่ไม่กี่วันเธอก็ชวนผมไปบ้านในวันที่ฝนตก เมื่อสาวเปิดทางให้ขนาดนี้มีเหรอคนอย่างไอ้เดชจะพลาด รีบกระโดดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่ขโมยของพ่อขับมาเรียนพร้อมตบเบาะให้สาวรุ่นพี่ขึ้นมาซ้อนด้านหลังทันที “เดี๋ยวครับ พี่ฝนจะทำอะไรน้องเดชครับ” ผมร้องบอกสาวรุ่นพี่อย่างมีจริต แสร้งก้มหน้าเหนียมอาย เมื่อสาวรุ่นพี่เริ่มแกะกระดุมเสื้อนักเรียนผมออกไปทีละเม็ด “แล้วเราคิดว่าพี่จะทำอะไรละ” “แต่ผมยังไม่เคย พี่ฝนจะสอนผมใช่ไหมครับ” ผมพูดออกไปทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังมุดหน้าซุกนมเธออยู่ พร้อมกับมือทั้งสองข้างกำลังบีบก้นนุ่มๆ ของสาวรุ่นพี่อย่างมันมือ “แพรวพราวขนาดนี้พี่ยังต้องสอนอีกเหรอ แต่ถ้าน้องเดชอยากให้สอนพี่ก็จะสอน” หลังจากจบคำนั้นปากนุ่มๆ ของสาวรุ่นพี่ก็ประกบลงบนปากของผมทันที และหลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ว่าใครสอนใครอีกต่อไป รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ทั้งตัวของผมเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียวติดกาย ส่วนสาวรุ่นพี่เสื้อผ้าหลุดออกจากตัวไปกองระเนระนาดอยู่บนพื้นจนหมดทุกชิ้น เสียงหอบหายใจของผมกับของสาวรุ่นพี่ที่คร่อมทับอยู่บนร่างหอบกระเส่าดังคลอกับเสียงฝนที่ตกกระหน่ำอยู่ด้านนอก บรรยากาศช่างเป็นใจให้ผมได้เสียตัวเป็นที่สุดเลยใช่ไหมล่ะครับ “พี่ฝนสวยมากเลย สวยไปหมดโดยเฉพาะตรงนี้” ผมเอ่ยชมพร้อมกับจ้องมองหน้าอกนูนของสาวรุ่นพี่ที่ได้ทรงสวยจนผมอยากยื่นหน้าเข้าไปซุกอีกแล้ว “พี่ไม่ได้แค่สวยอย่างเดียวนะ” “เหรอครับ งั้นพี่ฝนทำให้ผมดูหน่อยสิครับว่านอกจากสวยแล้วยังเก่งอะไรอีก” “เก่งเรื่องนี้ไง” ในขณะที่สาวรุ่นพี่ถอยลงไปนั่งลงตรงกลางหว่างขาของผมเพื่อแสดงฝีมืออันเก่งกาจ ท้องฟ้าข้างนอกที่กำลังมืดครึ้มก็สว่างวาบขึ้นมาเพราะแสงจากสายฟ้า ทำให้ทั้งผมและสาวรุ่นพี่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันมามองหน้ากัน แล้วผมก็บอกให้เธอทำต่อ “ทำต่อสิครับพี่ฝน บรรยากาศกำลังเป็นใจให้เราสองคนเลย” ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นสาวรุ่นพี่ก็ส่งมือนุ่มๆ ของเธอไปวางไว้ตรงขอบกางเกงในสีขาวของผม เตรียมพร้อมที่จะถอดมันออก แต่ในจังหวะนั้นเอง… จังหวะที่มือคู่นั้นกำลังรูดกางเกงลงเพื่อให้ไอ้เดชน้อยได้ออกมาลืมตาดูโลกภายนอก แสงสีขาวที่เคยสว่างวาบอยู่นอกบ้าน กลับมาสว่างวาบอยู่ด้านในห่างจากหัวไอ้เดชน้อยไปแค่ไม่กี่คืบ “กรี๊ดดด!!” “เชี่ยยย!!” ชิบหายเลยครับ ฟ้าผ่าลงมากลางบ้านในจังหวะที่ผมกำลังจะเสียตัว จนตอนนี้พี่น้ำฝนคนสวยตกใจสลบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนผมได้แต่นั่งกุมไอ้เดชน้อยไว้ในอุ้งมือ พร้อมกับลูบปลอบมันที่กลัวจนหัวหด ตัวหดเหลือสองนิ้วแล้วมั้งตอนนี้ ผมตั้งใจจะลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า แต่ในจังหวะที่ขาทั้งสองข้างยืนอยู่บนพื้น ผมรู้สึกได้ทันทีว่าโลกมันกำลังหมุน พื้นกำลังลอย และความทรงจำสุดท้ายคือผมเป็นลมล้มลงไปนอนข้างๆ สาวรุ่นพี่ กระทั่งรุ่งเช้าเราทั้งสองคนตื่นขึ้นมาก็นั่งมองหน้ากันตาปริบๆ ก่อนจะรีบหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาใส่อย่างลุกลี้ลุกลน โดยที่ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรออกมาสักคำ จนผมแต่งตัวเสร็จแล้วถามพี่น้ำฝนว่าโอเคหรือเปล่า เมื่อสาวรุ่นพี่พยักหน้าบอกว่าโอเค ผมจึงขอตัวลา บึ่งมอเตอร์ไซด์กลับบ้านทันที “ไอ้เดชเป็นไง โดนพี่น้ำฝนคนสวยเปิดซิงฟินไปเลยสิมึง” “เปิดซิงบ้านพ่อมึงสิ” ผมหันไปแหกปากด่าเพื่อนที่เข้ามารุมอยากรู้กันตั้งแต่มาถึงโรงเรียน หลังจากตื่นมาในเช้าวันเสาร์ จนตอนนี้วันจันทร์แล้วภาพสายฟ้าที่ผ่าลงมาเฉียดหัวไอ้เดชน้อยยังไม่หายไปจากความทรงจำ จนตอนนี้มันยังตกใจขวัญหนีดีฝ่อไม่หายเลย “อ้าว!! ยังไง ก็เมื่อวันศุกร์มึงพากันไปบ้านพี่เขาไม่ใช่เหรอ” “ก็ใช่” “แล้วมันยังไง ทำไมมึงไม่ได้เปิดซิง” “ก็…” ผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้พวกมันฟัง เล่าไปก็อายไป ยิ่งได้ยินเสียงพวกมันหัวเราะเยาะยิ่งอายหนัก “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” “หัวเราะเยาะกูเข้าไป มันตลกมากหรือไงที่ฟ้าเกือบผ่าไข่กูอะ” “เออสิ แล้วพี่น้ำฝนเป็นไงบ้าง” “ก็ตกใจจนสลบไป แต่ไม่เป็นไรแล้วมั้ง เมื่อกี้กูเห็นนั่งเมาท์กับเพื่อนอยู่” “แล้วเอาไงต่อ มึงจะกลับไปให้พี่เขาเปิดซิงอีกครั้งไหมล่ะ” “พี่เขาบล็อกเบอร์ บล็อกไลน์กูไปละ กูทำไรผิดว่ะ ผิดที่ฟ้าผ่าโน่น ไม่เกี่ยวกับกูสักหน่อย” “แต่กูว่าเกี่ยวนะ” ไอ้หมอกเพื่อนผมคนที่เป็นหลานพ่อครูเอ่ยขึ้น “เกี่ยวอะไรกับกูไอ้หมอก มึงพูดซิ” “มึงจำที่พ่อครูเตือนมึงไม่ได้เหรอ” “อะไรวะ” เมื่อมันเอ่ยมาเพื่อนขี้เสือกที่เหลืออีกสองคนก็อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที “ฮ่า ฮ่า ฮ่า แบบนี้ไข่มึงก็ไม่ได้ใช้งานจนกว่าจะอายุสามสิบนะสิ” และก็ไม่ต่างไปจากที่คิด เมื่อพวกมันรู้สิ่งแรกที่เพื่อนผมทำคือหัวเราะจนท้องแข็ง พวกมันคิดจะสงสารผมสักนิดมั้ย “ไม่เกี่ยวกันหรอกมั้ง มึงคิดมากไปไอ้หมอก เรื่องมันคงบังเอิญแหละ ฟ้าจะผ่าใครจะไปบังคับได้” ผมพูดปลอบใจตัวเองทั้งๆ ที่ยังสงสัยอยู่เลยว่าฟ้าผ่าลงมากลางบ้านได้ยังไง “ไม่เชื่อก็เรื่องของมึง ไว้กูจะรอดูแล้วกันว่าไข่มึงจะได้ใช้งานสักครั้งก่อนอายุสามสิบหรือเปล่า” แม้ปากจะบอกออกไปว่าไม่เชื่อ แต่หลังจากวันนั้นผมก็ไม่กล้าทำเรื่องอย่างว่ากับใครอีกเลย แค่คิดจะทำภาพของฟ้าที่ผ่าเฉียดหัวไอ้เดชน้อยก็ผุดขึ้นมาจนมันกลัวแล้วหดตัวกลับไปทุกที พ่อครูนะพ่อครู ทำไมไม่บอกทางออกให้หน่อยก่อนจะตาย อย่างน้อยบอกสาเหตุผมสักนิดก็ได้ว่าทำไมต้องทนแห้งเหี่ยวจนถึงอายุสามสิบ ไม่สงสารผมหน่อยหรือไง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD