มหาวิทยาลัย T
เสียงดนตรีเปิดตัวภายในงานแฟชั่นโชว์ดังกึกก้องไปทั่วโดมสนาม แสงไฟในงานดับมืดลง ทดแทนด้วยแสงไฟสปอตไลท์วิบวับส่องสว่างไปทางเวทีทอดยาวกว่าสี่เมตร
ร่างแบบบางของนางแบบสมัครเล่นทยอยเดินโชว์ตัวออกมาจากฉากด้านหลังเวทีแสนอลังการทีละคน เสียงปรบมือต้อนรับความสวยงามคลาคล่ำ นางแบบแต่ละคนล้วนสวมใส่เสื้อผ้าสไตล์ต่าง ๆ ตามการออกแบบของว่าที่ดีไซเนอร์จากนักศึกษาสาขาออกแบบดีไซน์
งานแฟชั่นโชว์ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่นและสวยงาม แม้ว่าจะเป็นการจัดงานของเหล่านักศึกษา แต่กลับได้รับความสนใจค่อนข้างสูง ด้วยเพราะฝีมือการออกแบบของว่าที่ดีไซเนอร์จากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ล้วนมีฝีมือและน่าจับตาแทบทุกคน
เสียงฮือฮาจากบรรดานักศึกษาผู้ร่วมงานดังระงม เมื่อร่างแบบบางของนางแบบคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังด้วยท่าทางสง่างาม ใบหน้าสวยจัดแต่งแต้มเครื่องสำอางเข้ม ๆ เข้ากับชุดสีดำพราวระยับบนเรือนร่างระหง ความสวยสง่าของเธอสะกดทุกสายตา เรียกได้ว่าฆ่านางแบบคนอื่นให้ตายเรียบกันเลยทีเดียว
“นั่นน้องจาที่เป็นเอส (Superlative) ของเอกการแสดงนี่นา”
“อ้อ น้องที่เป็นดาวคณะเมื่อปีก่อนใช่ไหม โห… สวยมากอ่ะ”
กลุ่มนักศึกษาหญิงปีสี่ที่มายืนชมแฟชั่นโชว์ต่างพากันมองตามร่างบางในชุดฟิเนเล่ที่กำลังยืนโพสต์ท่าอยู่ปลายสุดของเวที
“แต่เดี๋ยวนะ ทำไมวันนี้น้องจามีคิวเดินด้วยล่ะ”
“จริงด้วย ชุดที่ใส่ก็ไม่ใช่ของเขาคนนั้นนี่นา”
“นั่นสิ วันนี้คนคนนั้นไม่มีผลงานขึ้นโชว์ไม่ใช่เหรอ เอ๊ะหรือว่าฉันจำผิด”
เสียงอื้ออึ้งจากด้านล่างเรียกความสนใจคนในงาน แม้แต่นางแบบบนเวทีที่กำลังหมุนตัวจะเดินกลับ เธอชะงักรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วครึ่งเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
“จำไม่ผิดหรอก วันนี้ไม่มีผลงานการออกแบบของเอสออกแบบดีไซน์นะ ได้ข่าวว่าเขามีปัญหากับอาจารย์ผู้ดูแลงานครั้งนี้ก็เลยไม่เข้าร่วมนี่”
“อ้าว… แล้วทำไมเขาถึงยอมให้น้องจาสวมชุดคนอื่นขึ้นโชว์แบบนี้ล่ะ? ปกติเขาผูกขาดน้องจาไว้คนเดียวนี่นา”
“ไม่รู้สิ งานนี้ฉันว่าต้องมีคน ‘คลั่ง’ แน่ ๆ”
‘น้องจา’ หรือ ‘จายา’ นางแบบสาวผู้ตกเป็นหัวข้อสนทนาและเป็นตัวเอกของงานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้อย่างฉันยังคงก้าวเท้าเดินต่อไปอย่างมั่นคง แววตาประหม่าเมื่อครู่จางหายไปเหลือเพียงแววตาสงบนิ่ง
ใจเย็นไว้… ยัยจา…
เมื่อเดินเข้ามาหลังฉากเวทีก็ต้องชะงักเท้านิ่ง ชายหนุ่มร่างสูงสวมชุดสีดำทั้งตัวกำลังยืนมองฉันอยู่ สีหน้าของเขานิ่งสงบมาก มากเสียจนน่าหวาดหวั่น คนอื่นมองอาจไม่รู้สึกอะไร แต่ไม่ใช่กับฉัน… เพราะฉันรู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่คนคนนี้ทำสีหน้าแบบนี้นั่นหมายความว่า… พายุอารมณ์ลูกใหญ่กำลังจะพัดมา!
และฉันไม่ควรเผชิญหน้ากับเขา!
หมับ…
ร่างสูงตรงเข้ามาคว้าข้อมือเล็กแล้วฉุดลากให้เดินตามเขาไป ความสูงของรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วครึ่งสร้างความลำบากในการเดินให้ฉันอย่างมาก แต่คนตรงหน้ากลับไม่ได้สนใจ แถมยังไม่คิดแม้แต่จะหันกลับมามองกันเลยด้วยซ้ำ
“ดะ เดี๋ยวก่อน! จาใส่ส้นสูงอยู่นะพี่เก้า”
“เงียบซะ! ถ้าไม่อยากให้ฉันระเบิดตรงนี้”
นั่นไม่ใช่คำขู่ แต่เป็นคำเตือน
และฉันเชื่อว่าคนอย่าง ‘เก้าทัพ’ พูดจริงทำจริงแน่นอน
ระหว่างทางที่ฉันถูกฉุดลากมา มีหลายสายตาหันมามอง แต่ไม่มีใครสักคนที่จะกล้ายื่นมือเข้ามายุ่ง
เพราะทุกคนล้วนรู้จักคนอย่าง ‘เขา’ ดี
ปึง!
ประตูห้องออกแบบดีไซน์ซึ่งเป็นห้องส่วนตัวที่เก้าทัพได้รับอภิสิทธิ์พิเศษจากทางมหาวิทยาลัยถูกเปิดออกก่อนปิดลงด้วยความแรงระดับที่ทำให้ผนังกระจกสั่นสะเทือน ฉันลอบกลืนน้ำลายก่อนจะถูกเหวี่ยงจนเสียหลักนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่
คนคนนี้ไม่เคยถนอมฉันเลย…
“ถอด”
น้ำเสียงเย็นชาออกคำสั่งเพียงวลีเดียว ฉันเงยหน้ามองร่างสูงที่ยืนค้ำศีรษะกันอยู่ เงาดำทาบทับลงมา ใบหน้าหล่อเหลากดต่ำเย็นชา แววตาเย็นยะเยือกจ้องลึกกดดันฉัน
“ยังถอดไม่ได้ จาต้องกลับไปเดินอีกรอบ”
งานครั้งนี้ฉันได้รับเลือกให้เดินชุดฟิเนเล่เป็นตัวเอกปิดงาน ความจริงหลังจากฉันเดินเข้ามาด้านหลังเมื่อครู่ อีกประมาณห้านาทีฉันต้องเดินออกไปอีกครั้งพร้อมมอบดอกไม้ให้กับว่าที่ดีไซเนอร์เจ้าของชุดนี้ แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ฉันคงไม่ได้กลับไปง่าย ๆ แล้วล่ะ
“อย่าให้พูดซ้ำนะจายา ถอดชุดเวร ๆ นั่นออกเดี๋ยวนี้!”
งี่เง่าสิ้นดี…
คำนิยามเดียวที่เหมาะกับผู้ชายคนนี้ นอกจากจะงี่เง่าแล้วยังเผด็จการที่สุด ฉันไม่ควรจะทนกับเขาอีกต่อไปแล้วไหม?
“จาต้องกลับไปที่งานแล้ว มีอะไรค่อยคุยทีหลังแล้วกัน” ฉันถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน ทำท่าจะเดินผ่านร่างสูงออกมาจากห้อง ทว่ายังไม่ทันจะถึงหน้าประตู โลกทั้งโลกของฉันหมุนเคว้งขึ้นมากะทันหัน
ปึง!
ความชาแล่นวาบไปทั่วแผ่นหลังที่กระแทกเข้ากับบานประตูเต็มแรง ฉันลืมตาขึ้นจ้องมองใบหน้าหล่อคมเข้มที่อยู่ใกล้ในระยะประชิด
เขามักเป็นแบบนี้เสมอ… ไม่ได้ดั่งใจก็ใช้กำลังเหมือนเด็กไม่รู้จักโต
“พอใจพี่หรือยัง? ถ้าหายคลั่งแล้วก็ปล่อยจาด้วย” น้ำเสียงเฉยชาไม่แพ้แววตาเอ่ยถาม เมื่อครู่เขากระชากแขนแล้วผลักฉันกระแทกกับบานประตูโดยใช้แขนข้างหนึ่งกักกันฉันไว้ตรงกลาง
ถามว่าเจ็บไหม? ถ้าตอบว่าชินแล้วจะดูไร้ความรู้สึกเกินไปไหมนะ…
ฉันจ้องมองชายผู้เป็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรแต่จิตใจสุดแสนซาตานตรงหน้า ดวงตามังกรเรียวรีแสนเย็นชาของเขามักกดต่ำมองทุกสรรพสิ่งรอบกายไม่เว้นแม้แต่กับฉัน ริมฝีปากหนาเรื่อแดงติดคล้ำหน่อย ๆ ที่เวลาขยับพูดแต่ละทีล้วนมีแต่คมมีดปลายแหลมทิ่มแทงคนฟังให้ปางตายได้ทุกครั้ง
เขาผู้ที่ใคร ๆ ต่างก็ลุ่มหลงในพรสวรรค์ หน้าตา ฐานะ และความสามารถ แต่นิสัยแสนร้ายกาจกลับกลายเป็นเกราะป้องกันให้ทุกคนไม่กล้าเข้าใกล้
เขาไม่ชอบสุงสิงกับใคร และใครก็อย่าได้มาสุงสิงกับเขา
เผด็จการ บ้าอำนาจ ขี้หวง และเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง
นั่นแหละนิยามของผู้ชายที่ชื่อ… เก้าทัพ
“จะถอดเองดี ๆ หรือให้ฉันฉีกมันทิ้ง?”
..........................
สวัสดีค่ะ พี่เก้าทัพคนขี้หวงมาแล้วค่ะ เริ่มบทนำมาก็สั่งน้องถอดเลยยย บอกเลยว่าใครที่ชอบพระเอกขี้หวงขี้หึงคลั่งรักไม่ไหว ต้องคนนี้เลยค่ะ พี่แกคลั่งน้องจาขั้นสุดดดด อ่านแล้วฝากคอมเม้นท์ให้กันด้วยนะคะ