ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูเรียกสายตาฉันหันมอง แต่คนที่เดินไปเปิดประตูกลับเป็นเก้าทัพ ร่างบางคุ้นตาโผล่หน้าข้ามบานประตูเข้ามามองฉันที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนมองกลับไปที่ร่างสูงข้างกาย
“มี่เอาชุดมาให้จาค่ะ”
“ส่งมา” เจ้าของห้องพูดเพียงสั้น ๆ ไม่สิ เรียกว่าสั่งน่าจะเหมาะกว่า
“มี่ขอเข้าไปให้จาเองได้ไหมคะ?” มีมี่เพื่อนรักกว่าแปดปีของฉันพยายามอย่างมากเพื่อจะขอเข้ามาในห้อง เพราะเก้าทัพยืนขวางไม่ยอมให้เธอก้าวพ้นธรณีประตูเข้ามาสักนิด ทำได้เพียงชะโงกหน้าผ่านวงแขนเขาเข้ามามองหน้าฉันเท่านั้น
“ไม่จำเป็น ห้องนี้ไม่ต้อนรับคนนอก ส่งชุดมาแล้วกลับไปซะ”
หยาบคายชะมัด…
นั่นแหละสิ่งที่ยัยมี่กำลังคิด นางมองหน้าฉันด้วยความรู้สึกแบบนั้น ฉันพยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้นางกลับไปก่อน มีมี่มุ่ยหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมส่งถุงผ้าสีขาวให้กับเก้าทัพแต่โดยดี
ก่อนหน้านี้ฉันส่งข้อความไปหามีมี่วานให้เธอช่วยหยิบชุดที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของคณะมาให้หน่อย เพราะฉันออกไปหยิบเองไม่ได้ด้วยเหตุผลที่ค่อนข้างน่าหงุดหงิด… กลับมาที่มีมี่ นางเป็นห่วงฉันมาก ยิ่งรู้ว่าฉันรออยู่ที่ห้องดีไซน์ของเก้าทัพ นางก็ยิ่งร้อนรนมากกว่าเดิม แต่ดูจากสายตาเมื่อครู่ที่เห็นว่าฉันยังปลอดภัยดี นางคงจะวางใจได้บ้างแล้วแหละ
ปัง
ประตูห้องถูกปิดลงอย่างไม่เบาแรง ร่างสูงเดินกลับมาหาฉันแล้วยื่นถุงผ้ามาให้ ฉันเงยหน้ามองเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจคว้ามันเดินไปหลังผ้าม่านซึ่งถูกจัดไว้เป็นห้องสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันเข้าออกห้องนี้บ่อยจนชิน นอกจากฉันแล้วเก้าทัพไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้า อ้อ… เว้นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาไว้คนหนึ่งอะนะ
ฉันใช้เวลาไม่นานในการเปลี่ยนชุด เดรสแฟชั่นตัวสวยถูกแขวนบนไม้แขวนเสื้อ ขณะบนร่างกายฉันตอนนี้สวมใส่ชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว ฉันรวบผมขึ้นมัดลวก ๆ ก่อนอุ้มชุดเดรสออกมาด้านนอก
“…” เก้าทัพไม่ได้พูดอะไร เพียงมองมาทางฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขาหันไปหยิบกุญแจรถแล้วลุกขึ้นยืน “กลับกันได้แล้ว”
“จาต้องเอาชุดไปคืนเขาก่อน” แค่หายตัวไประหว่างงานก็ไร้ความรับผิดชอบจะแย่แล้ว อย่างน้อยก็ควรเอาชุดไปคืนเจ้าของเขาหน่อยสิ
“ไม่ต้องคืน ทิ้งไว้ที่นี่แหละ พรุ่งนี้ค่อยให้มันมาเอาคืนเอง” เก้าทัพพูดหน้าตาย ทำเอาฉันอดตวัดสายตามองไม่ได้
“จะทำแบบนั้นได้ยังไง จาต้องรับผิดชอบเรื่องนี้นะ พี่จะเอาแต่ใจยังไงก็ให้มันมีขอบเขตบ้างสิ แค่จาเดินไม่จบงานมันก็แย่มากพอแล้ว อย่าให้จาต้องเสียชื่อไปมากกว่านี้เลยได้ไหม”
ตั้งแต่ฉันเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ข่าวลือเรื่องของฉันมักมีมาเรื่อย ๆ ทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้าง ตามแต่ปากคนจะพูดกันไป ฉันไม่เคยใส่ใจหรอกนะ ใครจะพูดยังไงก็ช่าง แต่สำหรับเรื่องงาน เรื่องความรับผิดชอบ ฉันไม่อยากจะเสียชื่อในเรื่องนี้มากที่สุด
แต่เหมือนคนบางคนจะไม่เข้าใจ…
“ไม่อยากจะเสียชื่อแล้วรับงานนี้ทำไม? เป็นเธอเองหรือเปล่าที่ขัดคำสั่งฉัน?” เก้าทัพวกกลับมาเรื่องนี้อีกแล้ว ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
มันเป็นความผิดพลาดของฉันเอง ที่ผ่านมาฉันยอมทำตามใจเก้าทัพมาตลอด เขาบอกอะไร พูดอะไร ฉันก็ยอมทำตามเพราะไม่อยากจะขัดใจเขา ไม่อยากทำให้ชีวิตตัวเองต้องยุ่งยากเพราะเขา ผู้ชายคนนี้มีความคิดและนิสัยไม่เหมือนคนอื่น เวลาที่เขาไม่ได้ดั่งใจ เขาไม่ต่างอะไรกับปีศาจ นิสัยร้ายกาจเกินแก้ ฉันเหนื่อย… เหนื่อยที่จะรบรากับคนอย่างเขา ก็เลยยอมทำตามความต้องการของเขาให้มันจบ ๆ ไป
แต่… การที่ฉันยอมเขามันก็มีเหตุผลอื่นร่วมด้วยเหมือนกัน…
“โอเค พี่อยากจะทำอะไรก็ทำเลย” ฉันวางชุดลงบนโซฟาอย่างยอมแพ้ เหนื่อยที่จะเถียงกับเขา เพราะเถียงไปก็ไม่มีวันชนะหรอก
ตอนเดินออกมานอกห้อง ร่างสูงของใครคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาฉันด้วยความรวดเร็ว ฉันตกใจจนเผลอถอยหลังไปสองก้าว พอเงยหน้ามองถึงลอบถอนใจเบา ๆ
“ตกใจหมดเลยยุ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
“ยุมาหาจา เห็นจาหายไปจากงานก็เลยเป็นห่วง”
วายุ คือเพื่อนสนิทอีกหนึ่งคนของฉัน เราเรียนเอกเดียวกันก็เลยได้สนิทกัน เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีสมกับที่เรียนเอกการแสดง อนาคตถ้าไม่ใช่ดาราซูเปอร์สตาร์ก็คงเป็นนายแบบรูปหล่อ เขาฮอตมาก ๆ ในหมู่สาว ๆ แต่ฮอตไม่เท่าผู้ชายที่เพิ่งเปิดประตูเดินตามหลังฉันออกมาหรอก
“…”
เก้าทัพปรายตามองวายุด้วยสายตาเย็นยะเยือกเหมือนเช่นทุกครั้ง เขาไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนฉันคนนี้มาก ๆ ถึงขั้นเคยสั่งให้ฉันเลิกคบมาแล้ว ซึ่งวายุก็คือหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ฉันขัดคำสั่งเก้าทัพ
“เอ่อ… พวกเราเป็นห่วงก็เลยยืนรอจาน่ะ” มีมี่ทำหน้าเลิ่กลั่กกับบรรยากาศชวนอึดอัด นอกจากวายุกับมีมี่แล้วยังมี มิลิน เพื่อนสนิทอีกคนของฉันยืนอยู่ด้วย และนางกำลังจ้องมองเก้าทัพตาไม่กะพริบ
มิลินชอบเก้าทัพ…
ฉันรู้เรื่องนี้ดีเพราะนางเป็นคนบอกฉันด้วยตัวเอง และฉันก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรเพื่อน แต่ก็ไม่ได้ออกหน้าช่วยสนับสนุนเช่นกัน เพราะฉันรู้จักนิสัยเก้าทัพดีว่าเขาไม่ใช่คนที่สุงสิงกับใครง่าย ๆ แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นเพื่อนสนิทของฉันก็ตาม
ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเก้าทัพในสายตาคนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ แต่ในสายตาเพื่อน ๆ ของฉัน ทุกคนต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไรเลย เขาเป็นแค่พี่ชายข้างบ้านสำหรับฉัน และฉันเป็นแค่ตุ๊กตาสำหรับเขาเท่านั้น
เราไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่ได้คบกัน คนรักยิ่งไม่ใช่ ไม่ได้มีสถานะใด ๆ ซึ่งกันและกัน
การที่มิลินชอบเก้าทัพ จึงไม่ใช่เรื่องผิดต่อฉัน
“กลับกันได้แล้ว” มือหนาคว้าแขนฉันแล้วดึงให้เดินตาม เก้าทัพยังคงทำตัวหยาบคายกับเพื่อนฉันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่สิ เขาหยาบคายกับทุกคนจนเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วนี่นะ
ฉันเดินตามเขาไปอย่างว่าง่ายก่อนจะหันมองตามหลัง เห็นเพื่อนสนิททั้งสามกำลังมองมาด้วยแววตาที่แตกต่างกัน
ห่วงใย กังวล และ… ไม่พอใจ?
…………………..
ฝากกดถูกใจ+คอมเม้นท์พูดคุยกับไรท์ได้น้าา ไรท์ไม่ดื้อค่าา ><