ฉันยืนนิ่ง สงบจิตใจ สายตามองตรงไปทางโทรทัศน์ซึ่งกำลังเปิดช่องรายการแฟชั่นโชว์จากเวทีโมเดลระดับโลก จะว่าไปเก้าทัพเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างแปลกจากคนอื่น ถ้าเป็นผู้ชายทั่วไป ปกติจะชอบดูพวกรายการสารคดี กีฬา แข่งรถ หรืออะไรก็ตามที่ดูแมน ๆ เหมาะสมกับเพศสภาพ
แต่สำหรับเก้าทัพ เขากลับชอบดูรายการแฟชั่น รายการอาหาร แม้แต่ช่อง Beauty blogger เขาก็ยังดู ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมรสนิยมเขาถึงเหมือนผู้หญิงแบบนี้ ถ้าไม่รู้จักนิสัยเขาดี ฉันคงคิดว่าเขาเป็นผู้ชายหัวใจสาวน้อยไปแล้ว
แต่เอาจริงมันก็ดีนะ เพราะฉันก็ชอบดูรายการพวกนั้นเหมือนกัน ฉันเลยไม่ค่อยเบื่อนักเวลาอยู่กับเขา
“เธอผอมลง” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู ฉันละสายตาจากทีวีไปมองเขา เก้าทัพกำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ด้านข้าง สายตาจริงจังจ้องมองสายวัดที่กำลังวัดรอบเอวของฉัน สีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
“ไม่รู้สิ จาไม่ได้ชั่งน้ำหนักนานแล้ว”
“เธอผอมเกินไปแล้ว มันไม่ดีต่อสุขภาพ คงต้องเน้นอาหารบำรุงร่างกายให้แล้ว” เขาพึมพำเบา ๆ ฉันไม่ได้ใส่ใจนัก ยืนนิ่งปล่อยให้เก้าทัพวัดสัดส่วนต่อไปด้วยความเคยชิน
อย่างที่เคยบอก ตั้งแต่เก้าทัพหันมาสนใจด้านแฟชั่น ฉันก็ถูกเขาจับวัดตัวมานับไม่ถ้วน เขาตัดชุดให้ฉันใส่ราวกับฉันเป็นหุ่นลองเสื้อผ้าของเขา ตอนเขาเริ่มทำอาหาร ฉันก็เป็นหนูทดลองชิมอาหารของเขา หรือแม้แต่ตอนที่เขาเริ่มดูช่อง Beauty blogger ฉันก็กลายเป็นตุ๊กตาให้เขาแต่งหน้าทำผมเช่นกัน เรียกได้ว่าทุกอย่างที่เก้าทัพฝึกทำ ฉันล้วนเป็นหนูทดลองให้เขาทั้งหมด
แต่ก็ต้องขอบคุณพรสวรรค์ของเขาล่ะนะ เพราะไม่ว่าเก้าทัพจะหยิบจับหรือลองทำอะไร เขาก็ล้วนทำมันได้ดีซะจนน่าอิจฉา เรียกได้ว่าเป็นคนที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์โดยแท้
“เสร็จหรือยัง เจ้าฟอกซ์ถูกขังนานแล้วนะ” ฉันมองไปทางตะกร้าเจ้าฟอกซ์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟา มันกำลังนอนหลับสบายใจ มีแต่ฉันนี่แหละที่อยากจะเล่นกับมันใจจะขาดแล้ว
“มันหลับอยู่” เสียงเก้าทัพถอนหายใจ เขาวางสายวัดลงบนไหล่ของฉันแล้วลากสายทาบไปตามท่อนแขน มือของเขาเบามาก ท่าทางทะมัดทะแมงแต่กลับอ่อนโยนอย่างเหลือเชื่อ ฉันเผลอจ้องมองเขาอย่างลืมตัว
ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่ง สายตาคมเข้มจริงจัง ริมฝีปากหนาขบเม้มบางครั้งราวกับกำลังครุ่นคิด ปอยผมยาวสีเทาควันบุหรี่ถูกรวบมัดไว้ด้านข้าง ขับลุคของเขาให้ดูดีจนหัวใจดวงน้อยสั่นไหว
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมองเก้าทัพอย่างเต็มตา ปกติเวลาถูกเขาวัดตัว ฉันจะไม่ค่อยเต็มใจหรือไม่ค่อยใส่ใจมองเขานัก จึงไม่เคยสังเกตเลยว่าสีหน้าจริงจังเวลาทำงานของผู้ชายคนนี้นั้นน่ามองมากแค่ไหน
“โอเค เสร็จแล้ว”
ฉันกะพริบตา ไล่อาการที่คล้ายตกอยู่ในภวังค์ออกไป เก้าทัพจดบางอย่างลงสมุดโน้ตคู่ใจของเขา ก่อนเงยหน้าสบตาฉัน
“หิวหรือยัง”
“…” เขาหล่อจริง ๆ นั่นแหละ ยิ่งทำผมแบบนี้ก็ยิ่งเหมือนพระเอกมังงะของฉันเลย นี่เขาหลุดมาจากมังงะหรือเปล่านะ
หมับ…
“อะไรกัน จ้องฉันด้วยสายตาแบบนั้น เธอหลงฉันแล้วหรือไง?” ปลายคางฉันถูกมือหนาจับช้อนขึ้น สติที่ล่องลอยหายไปจึงกลับมาโดยพลัน ฉันสะดุ้ง รีบปัดมือเขาออก
“พะ พูดอะไรของพี่ จาแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย งะ งั้นจาพาเจ้าฟอกซ์ไปแล้วนะ” ฉันอึกอักทำตัวไม่ถูกรีบวิ่งไปอุ้มตะกร้าเจ้าฟอกซ์แล้วตรงเข้าห้องนอนทันที
บ้าเอ๊ย… เมื่อกี้ฉันมองเขาด้วยสายตาแบบไหนกันนะ น่าอายชะมัดเลย!
.
.
.
ก๊อก ๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เสียงเคาะประตูไม่ได้เรียกความสนใจจากฉันไปจากเจ้าแมวอ้วนตรงหน้าเลยสักนิด ฉันไม่ตอบ ไม่ใส่ใจ และยังคงเกลือกกลิ้งบนที่นอนเล่นกับเจ้าฟอกซ์ต่อไป
แกร๊ก
เสียงประตูห้องนอนเปิดออก ฉันชะงักมือที่กำลังขยุ้มขนฟู ๆ นิ่ง หันมองไปทางหน้าประตูก็พบกับร่างสูงกำลังยืนพิงขอบประตูกอดอกมองมาด้วยแววตาดุ ๆ
อะไรอีกล่ะ ฉันทำอะไรผิดอีกหรือไง
“ทำไมไม่เปิดประตู”
“จาไม่เปิด พี่ก็เข้ามาได้อยู่ดีนี่” ฉันบ่นอุบอิบ มองแรงใส่พวงกุญแจในมือเขา ความเป็นส่วนตัวของฉันอยู่ตรงไหนเนี่ย เขาลืมกฎของการอยู่ร่วมกันไปหมดแล้วใช่ไหม
“อาหารเสร็จแล้ว ออกมาเร็ว ๆ”
“จาไม่หิว” ฉันเมินหน้ากลับมาเล่นกับเจ้าฟอกซ์ต่อ มันร้องเหมี้ยว ๆ กลิ้งตัวไปมาบนที่นอนฉัน งื้อ… น่ารักน่าฟัดจังเลยเจ้าต้าวว
“เงี๊ยว!”
“อ๊ะ!” ฉันที่กำลังจะก้มหน้าฟัดเจ้าก้อนฟูกลับต้องชะงักเงยหน้ามองตามเสียงร้องลั่นของมัน จู่ ๆ มือปีศาจเอื้อมมาหิ้วคอเจ้าฟอกซ์แล้วเดินหนีออกจากห้องไปหน้าตาเฉย ฉันมองตามปีศาจตนนั้นด้วยสีหน้าเหวอ ๆ
ให้ตายสิ! ทำไมเขาต้องหิ้วเจ้าฟอกซ์แบบนั้นด้วยอ่ะ! มันไม่ดีกับแมวนะไม่รู้เหรอ!
“ถ้าไม่ออกมากินข้าว ฉันจะจับเจ้านี่ต้มยำซะเลย”
ปะ… ปีศาจชัด ๆ!