บทที่ 25
"ย้ากกกก"
หมัดของเฉินตงส่งร่างใส่หมู่ป่าอสูร ปลิดชีพในหมัดเดียว
สามวันต่อมา เฉินตงยังคงฝึกฝนในป่า เขาสังหารสัตว์อสูรไปหลายสิบตัว ระดับ 1ดาว หกตัว ระดับ 2 ดาวสี่ตัว
ด้วยร่างหยินร่าง การสังหารพวกมันจึงเป็นเรื่อง่ายดายมาก ทว่าอสูรพวกนี้กลับเป็นเพียง ชนชั้นกระจอก ยังไม่เคยเจอตัวเก่งๆ สักที
เฉินตงพักที่ริมเเม่น้ำ เขาใช้กระบอกไม้ไผ่กรอกเอาน้ำ เเละเก็บไว้ในเเหวนมิติ จากนั้นเฝ้ารอให้ตนเองหายเหนื่อย
"ไม่เลวนี่"ื เสียงของไ่เหอลอยมา ทำให้เฉินตงดีใจมาก
"ผู้อาวุโส ท่านตื่นเเล้ว" เฉินตงกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น
"อืม ว่าเเต่ เรายังอยู่ในนรกดำอยู่รึ" ไน่เหอลอยออกมา ร่างวิญญาณหันมองรอบๆ อย่างพินิจ
"ถูกต้อง ข้าคิดว่าจะฝึกอยู่ที่นี่สักเดือนสองเดือน ผู้อาวุโส โปรดมอบหนทางการบ่าเพาะต้นอ่อนมารให้ข้าเถอะ ข้าต้องเเข็งเเกร่งขึ้นอย่างเร็วไว!" เฉินตงคุกเข่าลงกัลบพื้น อ้อนวอนในทันที
ไน่เหอมองพลางถอนหายใจ "จะมีก็มี เเต่ข้าต้องรอให้ต้อนอ่อนมารมีพลังเทียบเท่า ขั้นชำระล้างเส้นเอ็น เเละทุกขั้นที่ผ่านต้องเข้าสู่ระดับไร้ที่ติในทุกขั้นพลัง ร่างกายเจ้าจึงจะทนทานต่อพลังมารของข้าได้"
"ผู้อาวุโส ข้าดูดซับพลังฟ้าดินไม่ได้ พลังมารของท่านก็ไม่ได้อีก เเบบนี้จะให้ข้าบรรลุขั้นพลังได้ยังไงเล่า" เฉินตงบอกไป พร้อมกับสีหน้าสิ้นหวัง หลายวันมานี้ต้นอ่อนมารไม่โตขึ้นเเม้เเต่นิดเดียว เละไร้วี่เเววที่จะเติบโต เขาจึงท้อเเท้อย่างมากในเส้นทางสายมาร
"เอาละๆ จะว่ามีก็มี ไม่มีก็ไม่มี อยู่ที่ว่าเจ้าจะทำมันหรือเปล่า" ไน่เหอเอ่ยปาก ทำให้เฉินตงเงยหน้าขึ้นอย่างสนใจ
ไน่เหอเว้นรอไปครู่ใหญ่ค่อยเอ่ยออกมา
"นั่นก็คือ การสังหาร เเละดูดซับวิญญาณเเละเลือดของผู้ฝึกตนโดยตรง!"
ไน่เหอยังอธิบายอีกว่า เทพมารของของได้เเบ่งเเยก เป็น มารชั้นต่ำ เเละมารชั้นสูง
มารชั้นสูง ครบครองสติ ความนึกคิด ภูมิปัญญา สามารถบ่มเพาะพลังได้ ดินเเดนมาร อุดมไปด้วยพลังชั่วร้าย ดังนั้นจึงกลั้นมันเพื่อบำรุงต้นอ่อน เเละทำให้มันเจริญเติบโต เมื่อบรรลุถึงขั้นต้นอ่อนมารเติบโตขึ้นเเผ่กิ่งก้านสาขามากมาย มารชั้นสูงจะสามารถปลดปล่อยร่างมารออกมาได้
ร่างมาร เหมือนกับร่างพิเสษของเผ่าพันธุ์อื่นๆ ยามใช้ร่างนี้ เผ่ามารจะสามารถเเปลงกายเป็นมารร้ายได้ ทว่ายิ่งใช่ ยิ่งถูกกักกินจิตใจเเละสติปัญญา ทำให้กลายเป็นมารร้าย จึงไม่มีมารชั้นสูงใช้มันบ่อยครั้งนัก นอกซะจากเวลาจำเป็น เเต่ก็มีคนที่ควบคุมร่างมารได้ เเละด้วยร่างนี้ ทำให้พวกมารชั้นสูงบางส่วนเเข็งเเกร่งขึ้นอย่างมาก เทียบเท่าเผ่าศักดิ์สิทธิ์ เเละเผ่าสวรรค์
มารชั้นต่ำ คือ มารที่ไม่มีสติปัญญา เมื่อเกิดมาร่างกายของพวกมันจะเป็นร่างมารโดยกำเนิด ทำให้ถูกบังคับให้ไร้สติปัญญา ต้องเข่นฆ่ากันเองตามสัญชาตญาณของสัตว์ป่าเพื่อเอาตัวรอด พวกมันจะกัดกินดูซับมารชั้นต่ำเช่นเดียวกัน ยิ่งฆ่าพวกเดียวกัน ก็ยิ่งทำให้ต้นอ่อนมารมากขึ้น ท้ายสุดจะได้รับสติปัญญา พร้อมกับพลังอันชั่วร้าย
ซึ่งโดยธรรมชาติ มารชั้นต่ำที่ล่าสังหารมาชั้นต่ำด้วยกัน เเละกลายเป็นมารชั้นสูง คือตัวตนที่น่าหวาดกลัวอย่างมาก เพราะพวกมันเกิดมาพร้อมกับร่างมาร โดยกำเนิด ทำให้มาชั้นต่ำ เมื่อกลายเป็ยมารชั้นสูง พลังชั่วร้ายของร่างมารจะไม่มีผลอันใดกับพวกมารชั้นต่ำที่พัฒนาเป็นมาชั้นสูง เพราะพวกมันอยู่ร่วมกับร่างมารมาตั้งเเต่ลืมตาดูโลก
ทว่ามารชั้นต่ำที่กลายเป็นมารชั้นสูงได้นั่น หมื่นปีจะโผล่มาสักตน
"ผู้อาวุโส ท่านคือ มารชั้นสูงสินะ" จากสภาพของไน่เหอโผล่มา เฉินตงคิดได้อย่างเดียว
ไน่เหอกลับยิ้มนิดๆ เเล้วกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ "ไม่ใช่ ที่จริงข้า คือ มารชั้นต่ำต่างหาก เจ้าหนู!"
เฉินตงได้เเต่สับสน ปากอ้า เเต่พูดอันใดไม่ออกสักคำ
"เจ้าหนูฟังไว้นะ ข้าคือ มารชั้นต่ำ" ไน่เหอบอกพลางหวนนึกถึงความหลัง เขาไม่ได้ยินอีกเเล้ว ทว่าเเววตาเตต็มไปด้วยความชิงชัง
"ข้าเกิดมาเป็นมารชั้นต่ำ ตนหนึ่ง พ่อกับเเม่ของข้า ถูกฆ่า ทันทีที่ข้าลืมตาดูโลก ข้าจึงสังหารผู้ที่ฆ่าผู้ให้กำเนิดของข้า เเละกัดกินร่างเเละพลังของพวกมัน ลึกที่สุดของหุบเหวมาร มีเพียงข้าตนเดียวที่เหลือรอด ทว่าไร้วึ่งผู้ใดยินดี ข้าจึงปีนไปยังหุบเหวอีกเเห่ง เพื่อเข่นฆ่าอีกหน ท้ายสุดข้าก้กลายเป็นมารชั้นสูง เเละมารชั้นต่ำไม่สามารถทำให้ข้า พัฒนาได้อีก ข้างจึงเดินออกจากหุบเหวมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านของเผ่ามาร เเละได้นำพามารชั้นต่ำที่พอจะมีสติปีญญาติดตามมาด้วย"
"เข่นฆ่าที่หมู่บ้าน จนพึ่งพอใจ ก็เดินไปตีอีกหมู่บ้านต่อ จนท้ายที่สุดหมู่บ้านเผ่ามารชั้นสูงพวกนั้น โดนข้าตีเเตกหมด ข้าจึงรวมกำลังพวกนั้นเข้าด้วยกันเป็นกองทัพมาร เข้าเข่นฆ่าในมือ หลังจากในเมืองใหญ่ไร้ซึ่งผู้ใดให้ข้าดูดซับพลัง ข้าจึงกระโดดไปดินเเดนข้างๆ เพื่อเข่นฆ่าเผ่าพันธุ์อื่น"
"ชีวิตเกิดมาตั้งเเต่ต้น ล้วนอยู่กับการเข่นฆ่า เเละท้ายที่สุด ข้าก็ถูกเรียกว่า ราชามาร เเละเดินทางเข้าสู่ดินเเดนระดับสูง เเละกลายเป็นจักพรรดิมาร"
จักรพรรดิ? คำนี้นับว่าคุ้น เพราะเฉินตงเคยได้ยิน ไน่เหอบอกกล่าวตั้งเเต่ทีเเรกที่พบกัน ทว่าเขายังคงไม่เข้าใจ
"เจ้าหนู ยามใดก้าวเข้าเป็นผู้ฝึกตน เมื่อเจ้าถึงจุดสุดยอดของขั้นพลัง หากอยากจะก้าวไปอีกขั้น ซึ่งจุดที่ข้าเคยอยู่ เมื่อนั้นจงไปตามเส้นทางจักรพรรดิ ข้าจะไม่บอกว่ามันอยู่ที่ใด ยามเจ้าเเข็งเเกร่งเพียงพอเจ้าจะรู้เเจ้งเอง เเละเส้นทางจักรพรรดินั่น โหดร้ายยิ่งกว่านี้เสียอีก หากเตรียมใจไม่พอก็คงดับสูญไปอย่างไร้ผู้ใดนึกถึง"
เส้นทางจักรพรรดิ เฉินตงจำคำชื่อนี้ไว้ เเละสลักในหัวสมองของเขา
"เอาละ วิธีทำให้ต้นอ่อนมารเติบโต จากคำกล่าวของข้า เจ้าคงล้วงรู้วิธีเเล้ว เเต่ข้าจะบอกไว้อย่าง เพราะเข่นฆ่ามากเกินไป บางทีเจ้าอาจจะไปกระตุ้นร่างมารก็ได้ ร่างมารในขณะที่เป็นเเค่มนุษย์ เจ้าจักต้องทรมานเเสนสาหัสอย่างไม่ต้องสงสัยหากได้มันมา ไม่เพียงเเค่นั้น สติปัญญาของเจ้าอาจจะถูกกัดกินจนกลายเป็นมารร้ายก็ได้ หากไม่กลายเป็นมารร้าย เเต่สวรรค์นั่น ยามเจ้าบรรลุขั้นพลัง ย่อมส่งทัณฑ์สวรรค์เก้าสายมาผ่าเจ้า เนื่องด้วยการฆ่าที่มากล้น ทำให้ 'กรรม' ติดตัวมีมากเกินไป เฉินตงเส้นทางสายนี้เเม้ผลลัพธ์จะยอดเยี่ยมเพราะข้าผ่านมันมาให้เห็นเป็นตัวอย่าง เเต่ก็เสี่ยงอย่างมากเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นเเค่มนุษย์ เจ้า จะทนเเบกรับมันไว้ได้หรือ"
เฉินตงหลับตาลง ผู้ฝึกตนสายมารนี้ ต้องเตรียมใจให้พร้อมสำหรับอนาคตเช่นนี้หรือ เฉินตงเเม้หวาดกลัว ทว่ากลับไม่ยินยอมให้ตนเองยอมเเพ้ เขาต้องเเข็งเเกร่งขึ้น เเม้จะต้องกลายเป็นมารร้ายก็ตาม! ตราบใดที่เฉินหยูปลอดภัยไร้ความกังวล เขายินดีที่จะเป็นมาร!