ดวงตาคมกริบเบิกตากว้างตกใจ มองใบหน้าของเพื่อนรักที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาราวเห็นเป็นของประหลาด
“ข้าวสวย หมายความว่าไง”
“ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว มัวมาถามอะไรอยู่ได้ เอาลูกชายแกออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้ลม”
“จะเอาออกได้ยังไงล่ะ ฉันเสียบเข้าไปแล้วนะ เอาออกยังไงเธอก็โดนฉันเปิดซิงไปแล้วอยู่ดี”
พูดจบก็โถมตัวลงกอดรัดบดจูบลูบไล้เล้าโลมร่างกายบอบบางให้หลงมัวเมาไปกับเขาอีกครั้ง
เมื่อเธอโอบแขนรอบลำคอหนาพร้อมจูบตอบก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุด จึงค่อย ๆ กดแทรกความเป็นชายเข้าไปในร่องรักคับแน่นของเธอทีละนิดจนสุดโคน
แม้ครั้งนี้จะไม่ยากเย็นและเจ็บปวดเท่าครั้งแรก แต่มันก็ไม่ได้ง่ายเลยเมื่อความสดใหม่มันบีบรัดตอดตุบจนแทบจะฝ่าผ่านเข้าไปไม่ได้
เขาตั้งใจทิ้งเวลาให้เธอปรับตัว แต่สัมผัสของเธอทำเอาเขารู้สึกดีแทบบ้า จนต้องยกตัวขึ้นนั่งแล้วแหงนเงยหน้าหลับตาพริ้ม บดหมุนวนสะโพกเนิบนาบรับสัมผัสตอดรัดแน่นหนึบหนับจากผนังบอบบางที่ยังสดใหม่อย่างหลงใหล
“อา ดีไหมข้าว”
“ดะ ดี”
มือเล็กเลื่อนมาจับต้นขาแกร่ง มองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนสนิทที่เงยหน้าหลับตาพริ้ม เผยอปากคำรามเบา ๆ หัวคิ้วเข้มกดเข้าหากันแล้วรู้สึกมวนในท้องแปลก ๆ ราวกับมีผีเสื้อนับร้อยบินวนในนั้น
“อืม ตอดดีชะมัด ข้าวสวย...อืม”
เสียงทุ้มต่ำครางออกมาเป็นชื่อเธอ บ่งบอกถึงความพอใจอย่างที่สุด ก่อนจะค่อย ๆ สาวสะโพกเข้าออกผนังบอบบางเนิบนาบในจังหวะชวนฝัน ทุกครั้งที่เขาขยับครูดท่อนเนื้อเข้าออก ทั้งคู่ต่างก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของกันและกันอย่างชัดเจนจนต้องสูดปากร้องครางระงม
“ดีไหม ข้าว”
เธอไม่ตอบแต่หลับตาพริ้ม เผยอปากร้องครางเบา ๆ อย่างน่ารัก เขาจึงโน้มตัวเข้าหาอีกนิดแล้วสอดมือจับมือเล็ก กดหลังมือของเธอลงบนที่นอนทั้งสองข้างแล้วตอกสะโพกถี่ขึ้น
เสียงครางหวานหูและสีหน้าที่แสดงออกถึงความเสียวซ่านทำหัวใจดวงโตเต้นกระหน่ำ ครั้งแรกของเธอทำได้ดีทีเดียว ทั้งเร่าร้อนอย่างเป็นธรรมชาติและน่ารักแสนหวานจนเขาแทบคลั่ง อยากจะทำรุนแรงกับเธอเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ยังไม่กล้า ด้วยกลัวว่าเธอจะบอบช้ำเสียก่อน
“ไม่เจ็บแล้วสินะ”
คิดเองเออเองจบก็ตอกสะโพกกระแทกท่อนเนื้อใหญ่ยาวเข้าออกในร่องรักฉ่ำเยิ้มด้วยจังหวะเร่าร้อน ก่อนจะเร่งเร้าขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเธอปรือตามองเขาอย่างเว้าวอนราวกับกำลังทรมานแทบขาดใจ
“ฮืม ต้องการอะไร ข้าว บอกฉันสิ”
“มะ ไม่รู้ ลม ฉัน...ฉัน...อ๊ะ”
“เธอกำลังจะเสร็จ เสร็จเลยสิ แตกกับของฉัน อ่า”
สะโพกสอบตอกอัดกระแทกกระทั้นถี่ยิบทันทีที่เธอเริ่มหยัดเกร็ง ใบหน้าสวยหวานเหยเก คิ้วขมวดมุ่น มองสบตาเขาไม่มีเลี่ยงหลบ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสะท้อนก้องแข่งกับเสียงหัวเตียงกระแทกผนังตามจังหวะอัดสะโพกของเขา เขาลดตัวลงนอนทาบทับในขณะที่ดวงตาสองคู่ยังมองสบกันตลอดเวลา ต่างร้องครวญครางด้วยความกระสันซ่านราวจะขาดใจ
เพียงไม่กี่อึดใจ ร่างงามก็เกร็งกระตุกสะท้านเฮือกสั่นระริกเสียวสะบั้นสุดปลายเท้า กอดรัดรอบแผ่นหลังกว้าง กรีดร้องเสียงหลง ถึงจุดสุดยอดจากการมีเซ็กซ์ครั้งแรกในชีวิตกับเพื่อนสนิท
ในขณะที่เขากระแทกสะโพกสุดแรงย้ำ ๆ หลายครั้ง ก่อนจะตอกพรวดดำดิ่งสุดโคนเสียงดังตับ! พร้อมกับเสียงร้องคำรามลั่นราวสัตว์ป่าบาดเจ็บ ร่างกายสั่นสะท้าน บั้นท้ายเกร็งกระตุกแน่น แล้วค่อย ๆ ตอกสะโพกเนิบนาบแผ่วเบาเสือกไสท่อนร้อนเข้าออกเชื่องช้า ปลดปล่อยน้ำรักในผนังบอบบางจนลึกสุดใจ
“ข้าว อืม...”
ดวงตาหรี่ปรือมองเพดานห้องสีขาวและไฟที่สว่างจ้าทำเธอตาพร่า ในขณะที่แขนยังคงกอดรัดรอบแผ่นหลังกว้างของผู้ชายคนแรกในชีวิตที่สอนว่าความรู้สึกเสียวซ่านจนแทบจะขาดใจตาย...มันเป็นอย่างไร
“เจ็บไหม”
ยังไม่ทันที่หัวใจทั้งสองดวงจะกลับมาเต้นในจังหวะปกติ เขาก็เอ่ยถามด้วยเสียงแหบพร่า ทั้งยังพ่นลมหายใจร้อน ๆ รินรดซอกคอของเธออย่างต้องการหยอกเย้าในที
“เจ็บสิ ถามได้ ไม่ตายก็บุญแล้ว”
“ก็ไม่เห็นตายนี่ ดีใจด้วยนะ เธอรอดแล้ว”
พูดจบก็จูบขมับชื้นเหงื่ออย่างหลงใหล กลิ่นตัวเธอหอมประหลาด ทุกส่วนในร่างกายบอบบางส่งกลิ่นยั่วยวนจนอยากจะฝังจมูกลงไปทั้งวันทั้งคืน
น่าแปลกใจที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้เลย ว่านอกจากกลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่เธอมักจะฉีดประจำแล้ว เธอยังมีกลิ่นกายสาวเป็นกลิ่นแฝงด้วย
“ลงไปสิ นอนทับอยู่ได้”
“เดี๋ยว คุยกันก่อน”
เขาไม่ได้ขยับตามแรงผลักอันน้อยนิด แต่กลับยอมถอดถอนท่อนเนื้อออกมาจากความสาวที่เอาแต่คอยดูดรั้งเขาเอาไว้
เมื่อทั้งคู่เป็นอิสระต่อกัน น้ำรักขาวขุ่นที่ผสมเลือดสาวบริสุทธิ์ก็ไหลลงกองบนผ้าปูที่นอนสีขาวเป็นด่างดวง ใกล้กันนั้นมีรอยหยดเลือดสีแดงสองสามจุด
สัมผัสที่เหมือนมีอะไรไหลออกมาจากร่างกายทำคนตัวบางเอามือไปสัมผัส ยกมือขึ้นดูก็เห็นเป็นน้ำสีขาวขุ่น อยากรู้ว่ามันคือน้ำของใครกันแน่จึงเอามาดม ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อกลิ่นมันคาวคลุ้งไม่คุ้นเคย
“นี่น้ำอะไร”
“น้ำของฉันไง ขอโทษนะ เมื่อกี้แตกใน”
ดวงตากลมเบิกกว้างตกใจจนแทบช็อก ก่อนที่เขาจะทำอะไรเธอก็เห็นว่าฉีกซองถุงยางอนามัยไม่ใช่หรือ เขาน่าจะสวมมันไปแล้วสิ แล้วทำไมถึงได้เป็นแบบนี้
“แกใส่ถุงไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม...”
“ไม่ได้ใส่ โยนทิ้ง”
“ไอ้ลม”
“เรียกฉันให้มันดี ๆ หน่อย วันนี้สองรอบแล้วนะยัยข้าวสาร”
เมื่อหมดห้วงอารมณ์พิศวาส ชื่อที่เคยเรียกมาตลอดหลายปีก็หลุดออกจากปากเขาทันที
“แล้วทีแกล่ะ ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ แกโยนถุงยางทิ้งตอนไหน แกบ้าไปแล้วเหรอ”
“ก็โยนทิ้งตอนก่อนที่จะเสียบเธอนั่นแหละ เธอไม่เคยมีใครนี่ ฉันไม่ต้องใช้ถุงก็ได้”
“โคตรประมาทเลย ถ้าฉันท้องขึ้นมานะ จะเอาเลือดหัวแกออกให้ดู”
พูดพลางขยับตัวลุกขึ้น แต่กลับต้องสูดปากเมื่อส่วนนั้นมันแสบขัดร้าวรานเกินจะทน
“เจ็บชะมัด อันตั้งใหญ่ ยัดเข้ามาได้”
“เป็นผู้หญิง พูดจาให้มันดี ๆ หน่อย ฉันบอกแม่หลายครั้งแล้วว่าเธอมันสร้างภาพ ทำตัวน่ารักต่อหน้าแม่ฉัน ที่ไหนได้เธอมันกร้านโลก”
“กร้านโลกแล้วจะเหลือซิงให้แกทะลวงหรือไง ไม่ต้องพูดมาก ไปส่งฉันที่บ้านด้วย”
เธอขยับตัวลงจากเตียง แต่วายุกลับตามไปดึงเธอเข้ามากอด ก่อนจะกระเตงอุ้มเธอเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
“แกจะทำอะไรเนี่ย”
ร่างบางถูกจับให้นั่งลงในอ่างอาบน้ำ แม้จะมีช่วงเวลาร้อนแรงกันมาแล้ว แต่ก็อดที่จะรู้สึกกระดากอายไม่ได้อยู่ดี จึงจะหนีออกจากห้องน้ำไปก่อน
“อาบน้ำไง อย่าดื้อนะข้าว นั่งลงไปดี ๆ หรือต้องให้ฉันเอาเธออีกครั้งในห้องน้ำ ถึงจะยอมอาบน้ำกับฉันได้”
“แกอยากอาบก็อาบไปก่อนสิ จะลากฉันมาด้วยทำไม ฉันไม่อาบน้ำกับแกนะ”
“ดื้อ อยากโดนเอามากกว่าอยากอาบน้ำสินะ มานี่เลย”
ร่างบางลอยหวือขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก เขาโน้มลำคอระหงลงมาบดจูบอย่างเร่าร้อน เธอดิ้นรนทุบตีเขาจนน้ำในอ่างแตกกระจาย ก่อนทุกอย่างจะสงบลงพร้อมด้วยเสียงน้ำกระฉอกเบา ๆ เป็นจังหวะโยกกายของคนตัวบางที่ถูกสอนบทเรียนรักบทใหม่อีกหลายครั้ง
เนิ่นนานจวบจนแสงแรกของพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ร่างงามที่ถูกตอกกระแทกบนเตียงจนขยับโยกรุนแรงก็หยุดลง พร้อมกับเขาที่คำรามลั่น เสร็จสมในกายเธอจนลึกสุดจะลึกเป็นครั้งสุดท้าย