ยุทิตย์กดกริ่งที่ประตูรั้วแล้วยืนรอหญิงสาวอยู่ที่หน้าบ้าน แต่ไม่เห็นมีการตอบรับใด ๆ จึงโทรเข้ามือถือของเธอ
หลังจากที่เขาส่งเธอแล้วขับรถออกไปได้ไม่ไกลนัก เขาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ไม่ใช่ของเขาดังขึ้น จึงจอดรถแล้วหาที่มาของเสียง ถึงได้รู้ว่าเธอทำมันร่วงไว้ที่ซอกเบาะ จึงตัดสินใจเลี้ยวรถกลับมาหาเธออีกครั้ง
เวลาไปกลับแค่ประมาณยี่สิบนาที แต่ก็มีคนโทรหาเธอถึงสองคน หนึ่งในนั้นก็คือ ‘หิรัญ’ เขาเห็นชื่อที่หน้าจอแล้วอยากจะกดรับสาย แล้วบอกฝ่ายนั้นไปว่าตัวเองเป็นแฟนของเธอนัก แต่ก็กลัวความสัมพันธ์ที่เพิ่งดีขึ้นจะพังลง จึงได้แต่อดทนอดกลั้นเอาไว้
(ค่ะพี่เป้)
“หนูทำโทรศัพท์ตกไว้ที่รถของพี่น่ะ พี่เลยเอามาคืนให้ ตอนนี้อยู่ที่หน้าบ้านหนูแล้ว”
(อ้าวเหรอคะ!)
ชายหนุ่มเห็นแสงไฟผ่านบานหน้าต่างที่เธอเปิดม่าน จึงยกมือที่ถือโทรศัพท์โบกให้เธอ ห้องนี้คงเป็นห้องนอนของเธอ เขาคิดในใจ
“เห็นพี่ไหม”
(เห็นค่ะ รอแฟนแป๊บนะคะ แฟนจะรีบลงไป)
เขายืนรออยู่สักพักก็เห็นประตูบ้านเปิดออก ร่างบางที่อยู่ในชุดนอนกระโปรงลายโดเรม่อน มองแล้วไม่เหมือนหญิงสาววัยเกือบสามสิบเลย แต่มองเหมือนเด็กสาววัยแรกรุ่นมากกว่า
ขณะที่เธอกำลังเดินออกมาหาเขานั้น สายตาของเขาก็ไปสะดุดกับเงาดำ ๆ ที่บานหน้าต่างในห้องของเธอ แม้จะเพียงแค่ไม่กี่วินาที แต่เขาก็มั่นใจว่ามันเป็นเงาของผู้ชาย
หัวใจของเขาห่อเหี่ยว เพราะคิดว่าเธอหลอกเขาที่บอกว่าอยู่คนเดียว แต่เขาก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าผู้ชายคนนั้นเพิ่งโทรหาเธอ แสดงว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกัน
แล้วเงาที่เห็นนั้นเป็นใครล่ะ หรือจริง ๆ แล้วเธอเป็นแม่เสือนักล่า หญิงสาวผู้มีโลกหลายใบ
“เพราะความซุ่มซ่ามของแฟนแท้ ๆ เลยทำให้พี่เป้เดือดร้อน ต้องวกรถกลับมาคืนโทรศัพท์ให้อีก แฟนขอโทษนะคะ” เธอยกมือไหว้อย่างสำนึกผิด
“ถ้าไม่มีสายเข้าพี่ก็คงไม่รู้ เห็นมีสายเข้ามาสองสายเลยนะ แฟนลองเช็กดูนะ เผื่อจะเป็นสายสำคัญ” เขาส่งโทรศัพท์ให้เธอ ไม่วายชำเลืองมองไปที่ห้องของเธอไปด้วย
“ขอบคุณค่ะ สงสัยตอนที่โทรหาเพื่อนแล้วเพื่อนไม่รับสาย แฟนกะว่าจะโทรหาอีกรอบเลยวางไว้บนตัก แต่แฟนก็คุยกับพี่เป้เพลินจนลืมไปเลยค่ะ”
“ยังดีที่ตกบนรถ ถ้าเป็นที่อื่นคงไม่ได้คืน”
“ค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เขา “พี่เป้เข้ามาดื่มน้ำสักแก้วก่อนไหมคะ” เธอเปิดประตูรั้วให้กว้างขึ้น เพื่อให้เขาเอารถเข้ามาจอด ขากลับจะได้ขับออกไปง่าย ๆ
“กล้าไว้ใจพี่เหรอ” ชายหนุ่มแกล้งหยอก
“วัดดวงค่ะ เชิญค่ะ” รู้ว่าเขาหยอกจึงหยอกกลับ
.....................
ยุทิตย์เข้ามานั่งในบ้านของหญิงสาว ภายในบ้านของเธอสะอาดและเป็นระเบียบ ของทุกอย่างถูกจัดวางให้เข้าที่เข้าทาง ถึงแม้จะไม่เลิศหรูแต่ดูดีไปอีกแบบ
“น้ำคะ” เธอยกน้ำเย็นออกมาทั้งขวดพร้อมกับแก้วเปล่าสองใบ เปิดขวดแล้วเทให้เขาหนึ่งแก้วและของตัวเองหนึ่งแก้ว
“ขอบใจจ้ะ” เขารับแก้วน้ำมาจากเธอแล้วดื่มจนหมด
“หนูแฟน พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวไปสักหน่อยนะ”
“ได้สิคะ ถ้าตอบได้แฟนจะตอบแน่นอน”
แฟนรักพี่เหมือนที่พี่รักแฟนบ้างไหม เขาอยากจะถามออกไปแบบนี้เหลือเกิน แต่เธอคงไม่ตอบเขาแน่
“ตอนนี้มีใครอยู่ที่บ้านหลังนี้กับแฟนหรือเปล่า”
“แฟนก็อยู่กับพี่เป้ไงคะ” เธอหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นเขารีบส่ายหน้า “ไม่แกล้งแล้วค่ะ แฟนอยู่คนเดียว พี่เป้ถามทำไมคะ”
ชายหนุ่มจับสังเกตสีหน้าและคิดว่าเธอไม่น่าจะโกหก แต่ได้ยินคำตอบแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เห็น
“แต่เมื่อกี้ตอนที่เราคุยกันตรงหน้าบ้าน พี่เห็นเหมือนมีเงาคนอยู่ในห้องแฟน” เขาลดเสียงลงให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ไม่มีนะคะ แล้วพี่เป้เห็นได้ยังไง” เธอกลั้วหัวเราะเพราะคิดว่าเขาอำ แสร้งแสดงให้เห็นว่าเธอไม่กลัว อย่ามาหลอกผีเธอเสียให้ยาก
“ก็ตอนที่แฟนเปิดประตูให้พี่ พี่บังเอิญมองขึ้นไปแล้วเห็นเงาคนตัวใหญ่ ๆ หน่อย ตรงหน้าต่างบานขวามือน่ะ เขาเปิด”
ยังพูดไม่ทันจบประโยค หญิงสาวก็รีบลุกจากฝั่งตรงข้ามมานั่งข้างเขา เผลอเกาะแขนเขาไว้แน่นด้วยความกลัว ไม่คิดว่าเขาแกล้งอำอีกแล้ว เพราะหน้าตาของเขาดูจริงจังมากเกินจะบอกว่าแกล้ง
“เรื่องจริงเหรอคะพี่เป้ อย่าหลอกแฟนนะคะ แฟนกลัวจริง ๆ นะ” ถามเสียงเบาสั่นเครือ
“ถึงจะแค่แวบเดียว แต่พี่มั่นใจว่าใช่แน่ พี่ยังเห็นเขาแง้มผ้าม่านด้วยนะ”
“พี่เป้อย่าพูดแบบนี้สิคะ แฟนกลัวจริง ๆ นะ” เธอมองไปรอบ ๆ บ้านที่อาศัยมาตั้งแต่เกิดอย่างหวาด ๆ สิ่งที่กลัวที่สุดของเธอก็คือผีนั่นเอง ถ้าถามว่าเคยเจอหรือเปล่า เธอก็ตอบได้ทันทีว่าไม่เคยเจอ แต่ก็กลัวมากเพราะเชื่อว่ามีจริง
แล้วมารดายังเคยเล่าให้ฟังหลายครั้ง ว่าฝันเห็นชายแก่มาตะโกนเรียกอยู่ตรงที่ว่างข้างบ้าน ว่าอยากขอมาอยู่ที่บ้านเราด้วย เพราะอยู่ตรงนั้นเขาหนาว เขาเหงา เขาไม่มีเพื่อนเลย