เสียงทักทายของพนักงานดังขึ้นทันทีที่ประตูร้านเปิด ร่างสูงโปร่งของ อริล ก้าวเข้ามาในร้านชาบูด้วยท่าทีสบายใจ เสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงยีนส์เรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้านทำให้ดูสะดุดตาท่ามกลางแสงไฟในร้าน
“เจ๊คิม!!” เสียงใสเอ่ยเรียกด้วยรอยยิ้มกว้างเหมือนเด็กดีใจจะได้กินของอร่อย อริลก้าวตรงเข้ามาหาคิมโดยไม่ได้สังเกตว่าโต๊ะนี้มีใครนั่งอยู่บ้าง
คิมหันไปมองทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ดวงตาของเธอวาวขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะส่งรอยยิ้มอบอุ่นกลับไปให้น้องสาวคนสนิท มาแล้ว…
“อริล มานี่สิ” น้ำเสียงเรียกชวนเต็มไปด้วยความอบอุ่น ทว่าก้าวเท้าของอริลหยุดชะงักกึกทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นชายหนุ่มในชุดสูทเข้มฝั่งตรงข้าม เอ็นเจ ที่นั่งเอนหลังบนเก้าอี้ ริมฝีปากคลี่ยิ้มแววตาคมฉายแววเย้าแหย่ปนกดดัน
รอยยิ้มของอริลหายไปแทบจะทันที ความตื่นเต้นกลายเป็นความตระหนกแทน เธอแทบอยากหมุนตัววิ่งกลับออกไป แต่กลับต้องชะงักอีกครั้งเมื่อพบว่า อาร์เจ ก็นั่งอยู่ตรงข้างคิมเช่นกัน เขายังคงท่าทางสุขุม สายตาคมกริบหันมามองเธอเพียงครู่เดียว แต่เพียงแวบนั้นกลับทำให้อริลรู้สึกเหมือนถูกตรึงให้อยู่กับที่หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอก
“ริล รีบมานั่ง” คิมยกมือชี้ไปยังที่นั่งว่างข้างเอ็นเจพลางเอ่ยอย่างใจดี บรรยากาศรอบโต๊ะเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็น ทั้งจากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเอ็นเจ และสายตาเย็นลึกของอาร์เจที่มองทุกอย่างเงียบ ๆ คิมเองยังคงยิ้มหวาน แต่ในดวงตากลับแฝงประกายบางอย่างที่ดูเหมือน ‘ตั้งใจจัดฉาก’ ให้ภาพนี้เกิดขึ้น
อริลยืนนิ่งตัวแข็ง มือเล็กกำเสื้อเชิ้ตแน่นราวกับพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ก้าวถอยหลัง สายตากวาดมองหาทางหนีทีไล่ เธอยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ข้างโต๊ะเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก คิมยิ้มหวานราวกับรู้ทันอริล
“ริลเร็วมานั่งตรงนี้” คิมพูดพลางลุกขึ้นจับตัวอริลให้นั่งลงที่นั่งข้างเอ็นเจ
หัวใจของอริลเต้นแรงทันทีที่นั่งลงตรงตำแหน่งที่นั่งคิมจัดให้ เธอแทบอยากหันหลังกลับไปแต่สายตาอบอุ่นกึ่งบังคับของคิมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้ขาเหมือนหนักจนขยับไม่ได้
อริลเม้มริมฝีปากแน่น พยายามเก็บซ่อนความตระหนกเอาไว้ แต่ยิ่งนั่งใกล้เอ็นเจหัวใจก็ยิ่งเต้นแรงผิดจังหวะ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ติดกายเขาแผ่วเข้ามาในทุกลมหายใจจนเหมือนทำให้ช่องอกแคบลงไปถนัด รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาอยู่ในระยะใกล้เสียจนเธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองตรง ๆ
“น้องริลก็มาด้วยเหรอ ดีเลย!! กินกันหลายคนอร่อยกว่าตั้งเยอะ” น้ำเสียงเอ็นเจทุ้มชัด แต่แฝงเลศนัยคล้ายกำลังหยอกล้อและทดสอบไปพร้อมกัน ประโยคนั้นทำให้หัวใจของอริลสั่นระรัวจนเธอเผลอกัดริมฝีปากตัวเองแน่นกว่าเดิม
คิมนั่งลงอย่างอารมณ์ดีเต็มที่รอยยิ้มอ่อนโยนแต่แฝงประกายคมวาว ขณะหันไปสบตากับอาร์เจอย่างพึงพอใจราวกับบรรลุเป้าหมายที่วางหมากไว้ อาร์เจเพียงเหลือบตามองน้องสาวคนสนิทของคิมอย่างเงียบ ๆ ดวงตาคมลึกเหมือนกำลังอ่านทะลุความสับสนที่เก็บซ่อนอยู่ในใจของเธอ
อริลก้มหน้านิ่ง สายตาจับจ้องเพียงมือที่กำแน่นอยู่บนตัก ไม่กล้าขยับ ไม่กล้าส่งเสียง ราวกับตัวเองเป็นเพียงผู้บุกรุกในฉากที่ทุกคนถูกกำหนดบทบาทไว้ล่วงหน้าแล้ว
“ริล อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ วันนี้พี่เอ็นเจเลี้ยงเอง” คิมเอียงคอนิด ๆ ส่งยิ้มหวานให้น้องสาวคนสนิทตรงหน้า
“หือ!? พี่เลี้ยงเหรอ?? พี่คิดว่าคนชวนน่าจะเป็นเจ้ามือเสียอีกนะ” คำพูดนั้นทำให้อริลชะงัก เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร เอ็นเจก็หัวเราะในลำคอพร้อมปรายตามองคิม
“ใช่ค่ะ เลี้ยงไม่ได้เหรอ”
“ได้สิ”
“พี่เอ็นเจใจดีที่สุดเลย”
“อย่าชมพี่มากเดี๋ยวไอ้คนข้าง ๆ น้องคิมจะฆ่าพี่ด้วยสายตาก่อนจะได้กินชาบู”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ พี่เอ็นเจคิดมากไปแล้วค่ะ” เสียงหัวเราะของคิมดังกลบอาการเกร็งของอริล
“อ้าว!? พี่ว่าไอ้คนข้าง ๆ น้องคิมเนี่ยแหละ นั่งนิ่งแต่ตาดุมากเลยนะ” เอ็นเจหัวเราะในลำคอทันที
“จริงค่ะ พี่อาร์เจ ถ้าไม่ยิ้มเดี๋ยวริลเขาจะกลัวเอานะ” คิมหันไปหันยิ้มล้อเลียนอาร์เจทันที อาร์เจเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะปรายตามองอริลที่ก้มหน้าตามเคย เสี้ยววินาทีหนึ่งรอยยิ้มบาง ๆ ก็ผุดขึ้นบนมุมปากอย่างคนจำใจยอมตามน้ำ
“กลัวพี่ขนาดนั้นเลยหรือ”
“มะ…ไม่ค่ะ!!” อริลสะดุ้ง รีบส่ายหน้าแรง ๆ น้ำเสียงลนลานของเธอทำให้ทั้งเอ็นเจและคิมหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“น้องริลตอบตรงจัง พี่ชอบเด็กซื่อ ๆ แบบนี้แหละ” เอ็นเจหันไปยิ้มกว้าง
“ซื่อจริง ๆ ด้วยค่ะ แต่เวลาโกรธก็ดุนะ ระวังไว้เถอะพี่เอ็นเจ” คิมรีบเสริมเสียงสดใส
“หือ!? งั้นพี่อยากลองให้ดุใส่บ้างแล้วสิ” เอ็นเจแกล้งพูด ทำท่าหรี่ตาเหมือนจะท้าทาย
“แหม ๆ ๆ” คิมส่ายหน้าอย่างเอ็นดู “พี่เอ็นเจนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ ชอบแกล้งเด็ก”
อาร์เจเพียงแค่ส่ายหน้าน้อย ๆ แต่ในแววตาลึก ๆ กลับมีประกายเอ็นดูปนขำเมื่อมองสาวน้อยตรงหน้า ที่พยายามนั่งตัวตรงทำหน้าเรียบ ทั้งที่หน้าและใบหูแดงระเรื่อไปหมดแล้ว
สองสาวเดินควงแขนออกมาจากร้านชาบูด้วยท่าทีสนิทสนม คิมเอามืออีกข้างลูบพุงตัวเองแล้วหัวเราะคิกคัก
“อิ่มจนพุงกางเลย” คิมพูดพร้อมทำท่าทางโอเวอร์ใส่ให้อริลหลุดขำออกมาเบา ๆ
“ก็เพราะเจ๊คิมเอาแต่สั่งไม่หยุดนี่แหละ ดีที่พี่เอ็นเจใจดีเลี้ยง ไม่งั้นกระเป๋าคงเบาไปแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอก ได้เห็นสองสาวอารมณ์ดี พี่ก็ว่าคุ้มแล้ว” เอ็นเจที่เดินตามมาข้างหลังหัวเราะหึในลำคอ
“แต่ถ้าเลี้ยงบ่อย ๆ คงต้องเตรียมเงินก้อนโตนะ เพราะคิมกับริลน่ะ กินเก่งไม่แพ้ผู้ชายเลย” คิมหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ เอ็นเจเลิกคิ้วหันไปมองอริลที่รีบส่ายหน้าเร็วปรื๋อ
“มะ... ไม่จริงนะ ริลไม่ได้กินเก่งขนาดนั้น”
“อย่ามาโกหกสิ เจ๊เห็นหมดแหละว่าใครเป็นคนกินด้วยความเอร็ดอร่อย” คิมรีบโอบแขนอริลแน่นขึ้น อริลหน้าแดงจัดปฏิเสธเสียงสั่น
“กะ… ก็มันอร่อยนี่นา”
“กินเก่งกว่าผู้ชายอีก” อาร์เจที่เดินข้าง ๆ ฟังอยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ยเสียงเรียบ คิมหันขวับไปมองด้วยสายตาไม่พอใจก่อนจะเอ่ยเสียงดังใส่เขา
“พี่อาร์เจ!!”
“ก็จริงไม่ใช่หรือไง” อาร์เจตอบสั้น ๆ แต่หางตากลับมีแววขำบางเบา ทำให้คิมยิ่งหน้าบึ้งแต่ก็แอบยิ้มแก้มตุ่ยออกมาอย่างน่ารัก
บรรยากาศระหว่างสี่คนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการหยอกล้อ ทำให้การเดินเล่นหลังอาหารอิ่มอร่อยดูเบาสบายราวกับเวลาผ่านไปเร็วขึ้น ทั้งสี่คนเดินเรื่อย ๆ จนมาถึงโซนเสื้อผ้า คิมที่ควงแขนอริลอยู่ถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นร้านเสื้อผ้าสีหวานสะดุดตา
“ริล!! เข้าไปดูหน่อยสิ ร้านนี้ชุดน่ารักมาก” ไม่รอให้อริลตอบ คิมก็ลากแขนเพื่อนสาวเข้าไปทันที ทิ้งให้เอ็นเจกับอาร์เจเดินตามมาข้างหลัง
“สองสาวนี่พลังเหลือล้นจริง ๆ เพิ่งกินอิ่มไปแท้ ๆ” เอ็นเจหัวเราะหึเบา ๆ พลางส่ายหน้า
“พูดมาก” อาร์เจเอ่ยเสียงเรียบ แต่หางตาที่มองตามคิมเต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดูปนขำ
“เป็นยังไงบ้าง สวยมั้ย” คิมหยิบเดรสสีพาสเทลขึ้นมาแนบลำตัวพลางหมุนให้ริลดู อริลมองก่อนจะหัวเราะเบา ๆ
“เจ๊ใส่แล้วต้องสวยอยู่แล้วค่ะ”
“อย่ามายอ พูดจริง??”
“จริงสิ… แต่ริลว่าชุดนี้เหมาะกับเจ๊มากกว่าริลอีก”
“งั้นริลก็ลองด้วยสิ!!” คิมทำตาเป็นประกายทันที
“เอ๊ะ!? ไม่เอาหรอก” ไม่ทันขาดคำ คิมก็ยัดชุดใส่มืออริลพร้อมดันหลังเข้าห้องลองเสื้อทันที ไม่นานอริลก็เดินออกมาพร้อมชุดเดรสเรียบง่ายแต่เข้ากับเธออย่างน่าประหลาด ใบหน้าแดงระเรื่อเพราะสายตาที่ทุกคนจับจ้องโดยเฉพาะเอ็นเจที่มองด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“โอ้โห!! น่ารักกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย” เอ็นเจเอ่ยแซว
“มะ… ไม่ใช่นะคะ!!” อริลรีบโบกมือแก้เขิน คิมหัวเราะคิกคักก่อนจะหันไปกระซิบกับอาร์เจ
“เป็นไงคะ พี่อาร์เจ ว่าน่ารักมั้ย” อาร์เจเหลือบตามองอริลเพียงครู่ ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ
“ก็ดี” เพียงประโยคสั้น ๆ ของอาร์เจกลับทำให้หัวใจของอริลเต้นแรงขึ้นจนอยากหนีเข้าห้องลองอีกครั้ง แก้มแดงจัดไปถึงใบหู ขณะที่คิมกับเอ็นเจหัวเราะอย่างสนุกสนานกับท่าทางเขินอายของเธอ