พริกแกงกลับเข้ามาที่บ้านของเขาอีกครั้งหลังจากเหตุการณ์นั้น เธอเก็บของเตรียมออกไปอยู่ที่อื่น คงถึงเวลาที่เธอจะต้องเผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองแล้วจริง ๆ
หลังจากนี้เธอคงต้องทำงานให้หนักขึ้นจึงจะมีเงินเพียงพอให้ผู้เป็นแม่ได้ใช้สอย เธอยืนด้วยขาของตัวเองมาโดยตลอด และจะเป็นเช่นนั้นต่อไป
เมื่อคืนที่ผ่านมาพริกแกงได้ให้คำตอบแก่เจ้าสัวบุรินทร์ถึงเรื่องที่คุยกันค้างไว้ เธอเอ่ยปฏิเสธออกไปเพราะไม่อยากให้ท่านหรือราเชนทร์ต้องมาหนักใจกับปัญหาของตน
“หนูพริก...จะไปไหนเหรอ” เจ้าสัวบุรินทร์สังเกตเห็นพริกแกงที่แบกสัมภาระออกมาจึงเอ่ยถาม
“เอ่อ...คือพริกจะย้ายไปอยู่ที่อื่นน่ะค่ะ” พริกแกงนั่งลงด้านข้างชายสูงวัย ก่อนจะเอ่ยขึ้นบอกเขา
“พริกขอบคุณคุณลุงมาก ๆ เลยนะคะที่เมตตาให้ที่อยู่กับพริก” หญิงสาวกล่าวขอบคุณประนมมือลงกราบด้วยความซาบซึ้งใจ
“แล้วหนูจะไปอยู่ที่ไหน เรเชลรู้เรื่องหรือเปล่า” ท่านเอ่ยถึงลูกสาวของตน แต่รายนั้นหากรู้เรื่องคงจะไม่ยอมง่าย ๆ
“พริกยังไม่ได้บอกค่ะ ว่าจะย้ายออกก่อนค่อยบอกทีหลัง” หากบอกตอนนี้มีหวังเรเชลไม่ยอมเป็นแน่
“แล้วหนูจะไปอยู่ที่ไหน?” ท่านยังอดห่วงไม่ได้ตามประสาคนที่มีลูกสาว ยิ่งเห็นพริกแกงเป็นเด็กน่ารักมีสัมมาคาระวะก็เอ็นดูไม่ต่างจากลูกสาวแท้ ๆ คนนึง
“พริกมองหาที่ไว้อยู่สองสามที่ค่ะ” อันที่จริงเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน คงต้องไปอยู่กับผู้เป็นแม่ก่อนค่อยคิดหาทีหลัง จำต้องโป้ปดคำโตเพราะไม่อยากให้เจ้าสัวบุรินทร์เป็นห่วง
“หนูอยู่ที่นี่ได้นะ ลุงไม่บังคับหนูเรื่องแต่งงานถ้าหนูไม่เต็มใจ” ท่านคงไม่บังคับใครหากไม่เต็มใจ ผู้หญิงตัวคนเดียวหากออกไปโดยไม่มีใครช่วยเหลือก็ลำบากเปล่า ท่านยังนึกสงสารที่แม้แต่แม่แท้ๆ ยังไม่เหลียวแลพริกแกง
พริกแกงพาลจะร้องไห้ ขอบคุณท่านที่เอ็นดูแม้เธอไม่ใช่ลูกหลานแท้หรือแม้แต่จะมีสายเลือดเดียวกัน
“พริกขอบคุณคุณลุงอีกครั้งนะคะ แต่พริกเกรงใจจริง ๆ ค่ะ” เธอยกมือไหว้ผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม
“ไว้พริกจะกลับมาเยี่ยมบ่อย ๆ นะคะ” พริกแกงเอ่ยลา หอบของใช้ส่วนตัวเท่าที่มีออกมา
ครืด~~ ครืด~~
ออกมายังไม่ถึงครึ่งทาง เรเชลก็ต่อสายหาเธอทันที เรเชลคงรู้เรื่องแล้วสินะ เธอนึกคิดในใจ
พริกแกงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมผ่อนปรนลมหายใจช้า ๆ ก่อนจะกดรับสายเพื่อน
“ว่าไงเรเชล?” พริกแกงถามปลายสาย
(พริก...ตอนนี้พริกอยู่ไหน ทำไมถึงย้ายออก แล้วนี่จะไปอยู่ที่ไหน มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?) เรเชลรัวคำถาม
“พริกอยู่บนรถแท็กซี่ เรเชลไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้พริกมีที่อยู่ใหม่แล้ว” เธอโกหก
(บอกแท็กซี่ให้มาส่งที่บ้านพี่เพลิงเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง!) เรเชลวางสายไป พริกแกงจำต้องทำตามคำสั่งของเรเชลผู้เป็นเพื่อนรัก เรเชลเป็นคนดื้อ หากไม่คุยให้รู้เรื่องมีหวังเธอไม่ยอมแน่
สายตาของพริกแกงไร้โฟกัส เลื่อนลอยไปเรื่อย ชีวิตเธอนั้นมีอุปสรรคมากมายเหลือเกิน
“เรเชล...คุยกันหน่อยสิ” ตั้งแต่เธอมาถึงบ้านของเพลิงอัคคี เรเชลกลับทำเงียบใส่ และไม่ยอมคุยกับเธอคงโกรธที่มีอะไรไม่ปรึกษาและย้ายออกจากบ้านโดยที่ไม่บอกเธอก่อน
“ถ้าเรเชลไม่คุย พริกกลับแล้วนะ” พริกแกงหยั่งเชิง เรเชลรีบหันหน้ามาหาทันที และยอมคุยกับเธอในที่สุด
“ทำไมพริกถึงต้องย้ายออก เพราะเรื่องที่คุณพ่อจะให้พริกแต่งงานกับพี่เชนทร์ใช่ไหม?”เรเชลซักไซ้ทันที
“หรือพริกมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ พริกบอกเรเชลมาสิ มีใครทำอะไรพริกหรือเปล่า?” พริกแกงส่ายหน้ายิ้มให้เพื่อน
“พริกแค่ไม่อยากรบกวนคุณลุงน่ะ ไหนจะเรื่องที่เรเชลฝากงานให้อีก พริกรู้สึกว่าแค่นี้พริกก็เป็นหนี้ครอบครัวเรเชลไม่รู้เท่าไหร่แล้ว” พริกแกงพูดความในใจ
“อีกอย่างถ้าคุณเชนทร์ทราบเรื่องที่แม่ของพริกพูด เขาต้องไม่พอใจมากแน่ ๆ” เธอกังวลว่าหากราเชนทร์ทราบ เขาอาจจะไล่เธอออกจากงานเป็นแน่ เดี๋ยวนี้งานยิ่งหายาก เธอไม่อยากต้องไปหางานใหม่ สู้เธอออกมาแล้วตัดปัญหาดีกว่า
“แล้วพริกจะไปอยู่ที่ไหน?” เรเชลยังอดห่วงเพื่อนสาวไม่ได้อยู่ดี
“ตอนนี้พริกมีที่อยู่แล้ว เรเชลไม่ต้องห่วงนะ” พริกแกงไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นห่วง
“ที่ไหน แล้วมันจะปลอดภัยจริง ๆ ใช่ไหมพริก” เรเชลยังคงเป็นห่วงซักไซ้ไม่เลิกพริกแกงก็เข้าใจไม่ได้รำคาญแต่อย่างใด
“พริกจะไปอยู่กับแม่น่ะ” แม้ผู้เป็นแม่ยังไม่รับปากแต่เมื่อเธอหอบข้าวของไปขนาดนี้ยังไงซะแม่เธอคงไม่ปฏิเสธ
“คุณน้าให้พริกอยู่ด้วยเหรอ แล้วไหนตอนนั้นบอกอึดอัด” เรเชลยังคงสงสัยไม่เลิก
“ให้สิ ต้องให้อยู่แล้วไม่ต้องห่วงนะ ยังไงถ้าเรามีเรื่องเดือดร้อนเราจะโทรหาเรเชลคนแรกเลยดีไหม” พริกแกงเอ่ยให้เพื่อนสบายใจเรเชลโผกอดเพื่อนรัก แม้เธอนั้นอยากจะช่วยพริกแกงมากแค่ไหน แต่หากเจ้าตัวไม่ยอมรับการช่วยเหลือ เธอคงทำได้เพียงให้กำลังใจ
เรเชลยินดีหากจะได้พริกแกงมาเป็นพี่สะใภ้ เพราะผู้หญิงที่ดีและเพรียบพร้อมอย่างพริกแกงคงหาได้ไม่ง่ายแถมยังเป็นเพื่อนรักที่คบมาตั้งนานรู้ไส้รู้พุงกันจนหมด
คฤหาสน์อภิวัฒนากูล
“ไปซะได้ก็ดี” ราเชนทร์เอ่ยเมื่อทราบว่าพริกแกงนั้นได้ย้ายออกไป หากเรเชลไม่ขอไว้เขาคงไล่เด็กนั่นออกไปตั้งนานแล้ว
“ไอ้เชนทร์....แกจะอะไรกับน้องนักหนา ก็รู้ว่าน้องไม่มีที่พึ่ง” เจ้าสัวบุรินทร์เอ็ดลูกชายคนโต ที่เอาแต่พูดจาขวานผ่าซากโตซะเปล่าไอ้นี่ทำตัวเป็นเด็กไปได้
“นั่นสิพี่เชนทร์ น้องพริกก็ดูเป็นคนดี” รัชชายิ้มเมื่อนึกถึงพริกแกง น้องน่ารักหน้าตาจิ้มลิ้มนิสัยก็ดีไม่รู้ไอ้พี่บ้าทำไมถึงไม่ชอบกัน
“แล้วยังไง? บ้านเราไม่ใช่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าสักหน่อย” หากจะเอาเรื่องนั้นมาอ้าง แล้วเหตุใดครอบครัวเขาต้องมารับผิดชอบพริกแกง ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องของเธอ แค่น้องสาวเขาฝากงานให้ก็บุญโขแค่ไหนแล้ว
“หรือพี่เชนทร์จะไม่พอใจเรื่องที่คุณน้ารวงข้าวขอให้แต่งงาน อันที่จริงให้ผมแต่งก็ได้นะพ่อ ผมเต็มใจ” รัชชาเสนอตัวกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“หยุดเลยไอ้ชา อย่าแม้แต่จะคิด” ราเชนทร์ขัดน้องชายด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่เห็นด้วยอย่างแรง ผู้หญิงที่เอาตัวเองมาเร่ขายแบบนี้คงไม่ใช่คนดีอย่างที่สร้างภาพให้ใครเห็น หน้าซื่อตาใสร้อยทั้งร้อยเสแสร้งแกล้งมารยาทั้งนั้น
“ทำไม หวงไว้เองอ่ะดิ!” ราชันพูดแหย่พี่ชายด้วยใบหน้ายิ้มระรื่นพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทางกวนๆ
“พูดอะไรของแก ไร้สาระ!” เท้าของราเชนทร์ทำท่าจะพุ่งไปหาน้องชาย แต่ราชันไหวตัวทันเอี้ยวตัวหลบซะก่อน
“เอาเถอะ ๆ จะมาตีกันทำไมตอนนี้น้องก็ไปแล้ว คงจะสมใจแกแล้วสินะ” เจ้าสัวบุรินทร์หนักใจกับลูกชายทั้งสองคน จึงเอ่ยปากห้ามก่อนที่มันเกิดศึกขนาดย่อมในบ้าน ต่อยตีกันมาตั้งแต่เด็กโตแล้วยังจะมาตีกันอีกเจ้าสัวบุรินทร์ส่ายหัวอย่างระอา
***