ตอนที่ 5
รถคันหรูเลี้ยวเข้ามาในจอดบริเวณด้านหน้าอาคารสำนักพิมพ์ของหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ชื่อดัง พริมต์ริมตาเหลือบสายตามองเสี้ยวหน้าด้านของเขาที่มองตรงข้างหน้าโดยไม่คิดจะหันมามองเธอด้วยความแปลกใจระคนสงสัย ว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าเธอมีแพลนจะต้องเดินสายมาขอบคุณสื่อมวลชนที่นี่ แต่ก็เพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่เธอสงสัยเท่านั้น ก่อนจะปัดความคิดที่เกี่ยวกับเขาทิ้งทั้งหมด ก้าวลงจากรถคันหรูเดินเข้าด้านในไปทันที ไม่คิดที่จะหันกลับมาเลยแม้แต่น้อย
โดยไม่ทันสังเกตว่าทุกขณะ ทุกอากัปกิริยาของตนนั้นกำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายคนที่แอบมองและแอบถ่ายคลิปเธอเอาไว้ แม้จะไม่เห็นว่าเจ้าของรถคันหรูที่นางงามดีกรีรองอันดับหนึ่งก้าวลงจากรถจะเป็นใคร แต่ก็มองแล้วคงคิดเป็นอื่นไม่ได้
สายตาคมกริบมองตามร่างบางที่เดินเข้าไปด้านในอาคารด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แววตาครุ่นคิดแฝงด้วยอารมณ์แห่งเปลวไฟของความอยากเอาชนะที่กำลังพัดโหมเข้ามา
ไม่เคยมีใครปฏิเสธเคลย์ตัน ศาตนันท์ เธอมีดีอะไรนักหนา ถึงได้กล้าหักหน้าเขาขนาดนี้!
บรรยากาศภายในคฤหาสน์หลังใหญ่คึกครื้นกว่าทุกวัน เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เป็นวันที่คนในครอบครัวมาพบปะสังสรรค์กันเป็นประจำ แม้ว่าตลอดทั้งสัปดาห์จะมีงานหนักหรือยุ่งมากขนาดไหน แต่ทุกคนก็พร้อมใจเคลียร์คิวสำหรับวันนี้โดยเฉพาะ
อาหารว่างสำหรับบ่ายวันนี้เป็นฝีมือจากลูกสะใภ้คนเล็กลงมือเข้าครัวด้วยตัวเองทั้งหมด มีทั้งข้าวเกรียบปากหม้อ สาคูไส้หมู กับชากุหลาบหอมๆ แถมด้วยเค้กมะพร้าวสูตรพิเศษจากร้านหอมละมุนที่บุตรชายคนเล็กของคุณหญิงอำภาชื่นชอบทานในเวลานี้
“เจ้าเคลย์ตัน กับเจ้าทีล่ะ หายไปไหน เมื่อกี้บอกจะขึ้นไปอาบน้ำ หายนานเชียว”
“นั่นไงคะคุณย่า เดินมากันแล้ว” เคเซียชี้มือไปยังพี่ชายและลูกพี่ลูกน้องอีกสองคนที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวในชุดลำลองธรรมดา เสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วน เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่ทุกคนนั่งเล่นกันอยู่หลังจากที่ก่อนหน้าทั้งสามคนไปว่ายน้ำในสระในร่มร่วมกันมา
“หิวหรือยัง มาทานของว่างเร็วลูก” คุณจารวดีที่นั่งอยู่ใกล้ๆคุณหญิงอำภาเอ่ยบอกลูกชายและหลานชายอีกสองคนด้วยสีหน้าเอ็นดู ถึงแม้จะตัวโตสูงใหญ่ เรียนจบจนทำงานตำแหน่งใหญ่โตแล้ว แต่ในสายตาของผู้ใหญ่ก็ยังมองพวกเขาเป็นหนุ่มน้อยอยู่ดี
“วันนี้น้องเฟย์ทำอะไร น่าทานจัง”
“ข้าวเกรียบปากหม้อ สาคูไส้หมูค่ะ แล้วก็มีเค้กมะพร้าวด้วยนะคะ”
“พี่ทานข้าวเกรียบปากหม้อดีกว่า น่าทานกว่าเยอะ” เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยื่นมือไปหยิบจานเล็ก มาตักข้าวเกรียบปากหม้อน่าตาน่าทานใส่จาน
“อ้าว พี่พูดแบบนี้อีกสองอย่าง น้อยใจนะพี่เคลย์ตัน”
“หึหึ งั้นเราก็กินให้หมดสิ”
“ไม่เอาหรอกเดี๋ยวอ้วน ขายไม่ออกก็แย่สิ งั้นให้พี่ธีร์กับพี่คิรินกินดีกว่าค่ะ ช่วงนี้ผอมไปนะ” ร่างเล็กหันไปตักของว่างให้พี่ชายอีกสองคนที่นั่งยิ้มอยู่ใกล้ๆ
“แพ้ท้องบ้างไหมช่วงนี้” ธีร์ธามหันไปถามอาสะใภ้คนเล็กที่นั่งอยู่ใกล้ๆน้องสาว โดยมีอาพุฒิภาคย์นั่งขนาบข้างในมือถือยาดม
“ไม่ค่ะ อาภาคย์แพ้ท้องแทนหมดเลยค่ะ” นาฬิริณทร์ตอบด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนจะหันไปซบไหล่คนที่นั่งอยู่ข้างๆซึ่งก็ยกมือโอบเอวภรรยาไว้ ส่งยิ้มให้ด้วยสีหน้าอิดโรยเล็กน้อยเพราะยังมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่บ้าง
“วันนี้อยู่กันพร้อมหน้าก็ดีนะ ย่ามีเรื่องจะพูดกับเราเคลย์ตัน”
“ครับ คุณย่าจะซื้อรถคันใหม่ให้ผมหรอครับ”
“มะเหงกสิ เอามะเหงกย่าไปก่อนแล้วกัน” คุณหญิงสาวอำภายกหลังมือเคาะไปที่กลางหน้าผากของหลานชายที่คลานเข่าเข้ามากอดพร้อมกับซุกหน้ากับอก โดยมีเสียงหัวเราะจากทุกคนในห้องดังขึ้นขบขันกับการหยอกล้อของย่าหลาน
“คุณย่ามีอะไรจะพูดกับผมเหรอครับ
“พูดเรื่องหมั้นของเราไง หนูเจลี่เขาบินกลับไทยมาแล้วนะ เรารู้หรือเปล่า” ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคุณย่าพูดถึงผู้หญิงที่เขากำลังถูกจับหมั้นด้วย ก่อนจะถูกกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม ให้กับหญิงชราที่กอดเขาอยู่
“ไม่รู้ครับ”
“เขาเพิ่งกลับไทยได้เดือนหนึ่งแล้วล่ะ แต่ก็เก่งนะ ย่าเห็นเขารับงานเดินแบบไม่ว่างเลย ออกงานสังคมกับแม่เขาตลอด”
“ครับ” เขาตอบรับด้วยรอยยิ้มน้อยๆไม่ได้พูดหรือออกความคิดเห็นอะไรเพิ่มนอกจากตักขนมใส่ปากทานเงียบๆ สีหน้าครุ่นคิด
หลังจากประกวดจนได้รับตำแหน่งรองอันดับหนึ่ง ชีวิตของพริมต์ริตาก็ไม่เคยมีวันหยุดหรือวันว่างเลยสักวัน ต้องตื่นแต่เช้ากลับดึก เดินสายขอบคุณสื่อและออกงานต่างๆตามตารางงานที่ได้รับ แต่วันนี้เป็นวันดี วันเสาร์ของสัปดาห์ หญิงสาวได้มีวันว่างหยุดพัก ไม่ต้องออกไปทำงานที่ไหน ถือโอกาสนอนกอดลูกสาวตัวน้อยจนตื่นสายตะวันโด่งโดยไม่มีใครว่า
กว่าแม่ลูกจะได้ลุกออกจากเตียงตะวันก็สายโด่งเกือบเก้าโมงเช้า เด็กน้อยเดินถือขวดนม จับมือมารดาเดินลงบันไดมาหายายทวดที่กำลังนั่งเช็ดใบตองอยู่ที่โต๊ะกลางห้องที่ใช้เป็นพื้นที่เอนกประสงค์ ทานข้าว นั่งเล่น ดูโทรศัพท์ หรือกิจกรรมอื่นๆเช่นรีดผ้า แม้กระทั่งนั่งเช็ดใบตอง ทำขนมขาย ทุกอย่างล้วนแล้วเกิดขึ้นในห้องนี้
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอลูก หิวข้าวไหม ทวดจะได้ไปหาให้”
“กิงไข่เจียวค่า” เด็กน้อยในชุดกระโปรงสีเหลืองลายจุด ประแป้งขาว ส่งกลิ่นหอมจางๆ ตอบเสียงใสทันที
“กินไข่เจียวค่ะ พูดอีกทีสิคะ”
“กิงไข่เจียวค่า” หนูน้อยฟองลดาตั้งใจพูดตามแต่ก็ยังคล้ายเดิม จนหญิงสาวกับยายทวดถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความเอ็นดู
“หึหึ ช่างเถอะ อย่าไปอะไรมากเลยลูก พาลูกไปทานข้าวเถอะ เดี๋ยวยายจะไปทอดไข่เจียวให้หลานด้วย”
“เดี๋ยวลันทอดเองก็ได้ค่ะยาย”
“ไม่ต้องหรอก นั่งเล่นอยู่กับลูกนี่ล่ะ นานๆจะมีเวลาอยู่กับลูก เดี๋ยวยายไปทำให้เอง”
“ขอบคุณนะคะยาย แล้วเค้กไปไหนเหรอคะ”
“อ่อ วันนี้มันมีไปติวหนังสือกับเพื่อนน่ะ บ่ายๆคงกลับ” ยายทวดหันมาตอบ ก่อนจะหันไปตั้งกระทะเจียวไข่ให้เหลนตัวน้อยได้ทาน รอไม่นานยายทวดก็ถือจานใส่ไข่เจียวร้อนๆกลิ่นหอมน่าทานวางลงบนโต๊ะทานข้าวที่มีกับข้าววางอยู่แล้วสามอย่าง ทั้งต้มจืดผัดกาดดอง น้ำพริกกะปิ กับปลาทูทอดสามตัว พร้อมผักเคียง เมนูง่ายๆแต่ทานแล้วอร่อยจนต้องเพิ่มข้าวอีกหลายจาน
“ทานเองได้ไหมคะ หรือว่าจะให้แม่ป้อน”
“กิงได้ค่า”
“โอเคค่ะ งั้นหนูนั่งดีๆนะ เดี๋ยวตก” พริมต์ริตา หันไปขยับท่านั่งบุตรสาวตัวน้อยให้นั่งในท่าที่ถนัดขึ้น พร้อมกับรัดเข็มขัดสำหรับป้องกันการตกจากเก้าอี้ของเด็กซึ่งค่อนข้างสูงจากพื้นพอสมควร จัดวางจานข้าวที่มีหลุมสามหลุม ลายการ์ตูนน่ารัก ตักไข่เจียนร้อนๆสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ ตักต้มจืดที่ยังร้อนๆอยู่ใส่ถ้วยขนาดย่อมวางไว้ให้ซดน้ำได้
“หนูอยากทานปลาทูไหมคะ แม่จะแกะแล้วคลุกให้” เด็กน้อยเอียงคอมองหน้าคนเป็นแม่ สีหน้าคิดหนัก จนผู้ใหญ่ต่างวัยสองคนต่างมองแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดู
“หนูมีไข่เจียวแย้ว”
“มีแล้ว ก็กินได้อีก เอานะคะ เดี๋ยวแม่ทำให้” เมื่อได้ยินแบบนั้นหนูน้อยฟองลดาก็หยักหน้าหงึกหงัก เพราะใจชอบทานปลาทูคลุกข้าวกับซอสอยู่แล้ว พริมต์ริตาอมยิ้ม วางมือลงบนศีรษะทุยขยี้ผมเบาๆ ก่อนจะหยิบปลาทูแกะก้างให้อย่างระมัดระวัง แล้วค่อยขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยใส่จานตรงที่มีข้าวสวยร้อนๆ เหยาะซอสปรุงรสให้สองสามหยด พอมีรสชาติ ก่อนจะใช้มือคลุกเคล้าให้เข้ากัน
“ทานได้แล้วค่ะคนเก่ง” เมื่อแม่ขยับจานวางใกล้ๆ ให้ลูกสาวได้ตักถนัด เด็กน้อยวัยสองขวบครึ่งใช้มือป้อมๆเล็กๆหยิบช้อนประจำตัวตักอาหารใส่ปากทานเคี้ยวแก้มตุ่ยอย่างอารมณ์ดีเพราะได้ทานของที่ถูกใจ
“วันนี้ไม่มีงานต้องออกไปไหนใช่ไหมลูก”
“ไม่มีค่ะ วันนี้ลันตั้งใจจะอยู่บ้าน อยู่กับลูกกับยายทั้งวันเลย ว่าแต่ยายอยากออกไปเที่ยวไหนไหมจ๊ะ หนูจะพา ไปเดินเล่นห้างแถวนี้ ไปไหมคะ”
“อืม ดีเหมือนกันนะ ยายอยากไปเดินเล่นบ้าง ไปใกล้ๆนี้ได้ไหมลูก” หญิงสาวยิ้มร่าด้วยความดีใจทันที ที่ได้ยินว่ายายอยากจะออกไปข้างนอกบ้าง เพราะปกติยายเธอไม่ชอบออกไปไหน ชอบแต่อยู่บ้าน เพราะไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่อยากเจอผู้คนเยอะแยะวุ่นวายปวดหัว
“ได้สิคะ ไปห้างใกล้ๆนี่ก็ได้ ไปหาของอร่อยๆทานกัน เดี๋ยวรอเค้กกลับมาเราออกไปพร้อมกันเลยนะคะ”หญิงสาวกระตือรือร้น ขึ้นมาทันทีรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความนัดแนะกับญาติผู้น้องด้วยสีหน้าดีใจ