ร่างระหงในชุดสูทสีขาวราคาแพงกับกระโปรงทรงเอยาวเพียงเข่าสีเดียวกันเข้ากับชุดทับด้วยสายสะพายประจำตำแหน่งรองอันหนึ่ง สวมรองเท้าส้นสูงสีแดง ผมยาวปล่อยม้วนเป็นลอนสวยสยายถึงกลางหลัง มีมงกุฎเพชรที่การันตีว่าเธอเป็นนางงาม สับฝีเท้าก้าวเดินให้เร็วไปที่สุด เป้าหมายของเธอคือออกไปจากตรงนี้ตอนนี้เท่านั้น
พริมต์ริตาก้าวเดินเร็วๆมาจนถึงลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นล่าง ตั้งใจจะลงไปรอทีมงานที่ลานจอดรถหน้าอาคาร แต่เมื่อก้าวเข้าไปในลิฟต์ กำลังจะหายใจคล่องเพราะโล่งใจ แต่กลับต้องยืนตัวแข็งตาค้าง แทบหยุดหายใจเมื่อชายร่างสูงโปร่งคุ้นตาเดินเข้ามาตามเข้ามาในลิฟต์
“ไปชั้นไหน”
“เอ่อ...คือ...เอ่อ ไม่ไปแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ” ขายาวๆกำลังจะก้าวเดินออกจากลิฟต์ แต่กลับถูกคว้าแขนรั้งเอาไว้ พร้อมกับประตูลิฟต์ที่เคลื่อนตัวปิดพอดี ใบหน้าสวยถึงกับถอดสีด้วยความตกใจ
“ปล่อยนะคะ คุณจะรั้งฉันไว้ทำไม” ร่างเล็กพยายามสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยหวาดระแวงไม่พอใจ ตวัดสายตาขุ่นเคืองมองเขา สองเท้าค่อยๆก้าวถอยหลังหนีจนชิดผนังห้องภายในลิฟต์
“หึ จะหนีไปไหน พริมต์ริตา”
“ฉันไม่ได้หนี”
“หึ แล้ววันนั้นทำไมรีบกลับ” หัวเราะในลำคอ ก่อนจะก้าวขาเข้ามาชิดร่างบางระหงที่ยืนหันหน้าหนีห่างเขาแค่คืบ ลมหายใจอุ่นร้อนรดหน้าผากเธอ จนเธอเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆ น้ำเสียงตะกุกตะกัก
“เอ่อ...ฉันต้องรีบกลับบ้าน” ตอบโดยไม่สบตา ในขณะที่ร่างสูงมีสีหน้าฉงนระคนสงสัย เมื่อเขาคิดว่าจะได้เห็นอาการดีใจเจือความเขินอาย อย่างเช่นหญิงสาวคนอื่นเป็นเมื่อได้พบหรือใกล้ชิดกับเขา คุณเคลย์ตัน ศาตนันท์ แต่อาการของเธอในตอนนี้ที่เขาเห็นด้วยตาเปล่า มันตรงกันข้ามเธอกับที่เขาคิด เธอกลับแสดงท่าทีหวาดกลัว แววตาบางครั้งฉายความเกลียดชังออกมาอย่างปิดไม่มิดจนเขาเริ่มรู้สึกสะดุดใจ
“ผมมีเรื่องจะตกลงกับคุณ มีเวลาให้ผมสักห้านาทีไหม”
“ไม่มีค่ะ” ไม่สบตา และตอบโดยไม่ต้องยั้งคิด
“หื้อ...คุณไม่อยากเรียกร้องค่าเสียหาย หรือความรับผิดชอบกับผมวันนั้นหน่อยเหรอ” ระหว่างคิ้วย่นหากัน
“ไม่ค่ะ ไม่จำเป็น”
“หึหึ แต่ผมว่าจำเป็น” นัยน์ตาคมเหลือบมองยังหมายเลขชั้นที่ระบุถึงชั้นเป้าหมายของเขา ก่อนจะฉุดข้อมือเธอเดินตามแรงลากจูงออกไปทันทีโดยไม่สนใจว่าเธอจะเหนี่ยวรั้ง หรือขืนตัวไว้ขนาดไหน ด้วยพละกำลังที่มีสามารถอุ้มหญิงสาวมือเดียวได้เลยด้วยซ้ำ
“คุณ! จะลากฉันไปไหน ฉันมีงานต้องทำนะ”
“หึหึ ผมจัดการเอง” เขาดึงเธอผลักเข้าไปนั่งในรถคันหรูของเขาที่จอดรออยู่แล้ว ก่อนจะขึ้นตามมานั่งประกบ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์กดหมายเลขหาลูกน้องคนสนิท
“พริมต์ริตา อยู่กับกูที่นี่ มึงไปเคลียร์ทีมงานด้วยละกัน อืม” เธอมองชายหนุ่มที่คุยสนทนาก่อนจะกดตัดสายทิ้งด้วยสีหน้าตระหนกเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าการที่เขามาปรากฏตัวที่นี่ เพื่อจะมาตามตัวเธอเท่านั้น
“คุณต้องการอะไร ทำแบบนี้ทำไม”
“อยากมาอยู่กับฉันไหม”
“อะ...อะไรนะคะ” หน้าสวยตื่นตะลึงตกใจ คาดไม่ถึง จนคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
“ได้ยินอยู่แล้วนี่ ว่าไง”
“ไม่ค่ะ ไม่อยาก” ตอบน้ำเสียงสะบัด แทบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ
“ฉันจะเลี้ยงดูเธอเอง มีบ้าน มีรถ มีเงินเดือน อยากได้อะไรจะหาให้ ไม่สนเหรอ”
“ไม่ค่ะ” ตอบโดยไม่คิด สายตาที่ตวัดหันกลับมามองอีกฝ่าย ฉายชัดอารมณ์บางอย่างที่คุกรุ่น อัดแน่นเต็มอยู่ในแววตาคู่สวย ที่เริ่มสั่นระริกพร้อมกับหยาดน้ำใสที่เริ่มเอ่อคลอหน่วย
เคลย์ตันนิ่วหน้า สีหน้าเปื้อนรอยยิ้มเมื่อครู่เรียบตึงขึ้นมาทันที จนคนขับรถที่นั่งอยู่ด้านหน้าสัมผัสถึงอารมณ์ของคนเป็นนาย ถึงกับขนลุกซู่ด้วยความกลัว เริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมา
“เธออยากได้อะไร พูดมา” เขาข่มความโกรธเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง
“ไม่ค่ะ ไม่อยากได้”
“พริมต์ริตา ฉันไม่เคยต้องง้อหรือพูดกับใครซ้ำนะ” เสียงเข้มเอ่ยบอกโทนด้วยเสียงต่ำสีหน้าเคร่งขรึม ฉายความหงุดหงิดออกมาในน้ำเสียง
ใบหน้าสวยหวานหมดจด หันมองสบตาเขานิ่งแววตาฉายชัดถึงความไม่พอใจ ไม่มีความกลัวเกรงอย่างที่เขาคิดแฝงอยู่ในนัยน์ตาคู่สวยนั้นเลยสักนิด
“ค่ะ ฉันยังยืนยันคำเดิม ว่าฉันไม่ต้องการและไม่จำเป็น” สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“จอดรถให้ฉันลงได้หรือยังคะ ฉันต้องไปทำงาน”
“ได้! แต่ไม่ใช่ตอนนี้” เคลย์ตันตอบเสียงเข้ม ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทั้งๆที่แววตาและความคิดของเขาตอนนี้ กำลังโกรธจัดจนแทบจะบดร่างหญิงสาวตรงหน้าให้เป็นผุยผง ในชีวิตไม่เคยมีใครกล้าขัดใจเขาสักคนหรือสักครั้ง ทุกสิ่งที่เคลย์ตัน ศาตนันท์ อยากได้ ไม่มีคำว่าไม่ได้ และจะต้องได้เสมอ ด้วยความเป็นหลานชายคนเล็กของคุณหญิงอำภา ลูกชายโตของภูมิ ศาตนันท์ ผู้มีอิทธิพลและอำนาจในขณะนี้ เพียงแค่เขาขยิบตา ทุกอย่างก็ถูกประเคนมาให้เขาโดยที่ไม่ต้องลำบากออกแรงเองเลยด้วยซ้ำ