“ออกไปก่อนค่ะ เดี๋ยวคืนนี้ค่อยว่ากันอีกที”
น้ำรินพูดเสียงอ่อนลง เธอตั้งใจจะให้เขาอยู่พอดี เห็นแก่ความอดทนที่เขาไม่วอแวยามที่เธอไม่พร้อม และที่สำคัญ… เขาไม่ไปหาเศษหาเลยนอกบ้าน ซึ่งความดีข้อนี้ของสามีทำให้เธอปลาบปลื้มเหลือคณา
“คุณพูดจริงหรือ?” แววตาของเขาหยาดเยิ้มทันใด
“ค่ะ” น้ำรินก้มหน้างุด เหลือบตามองร่างสูงที่ไม่ยอมลุกไปไหน “ออกไปก่อนสิคะ”
“ขอผมอยู่ดูลูกได้ไหม เวลาคุณให้นมลูกไม่เคยยอมให้ผมมองเลย ผมอยากดูว่าลูกเรากินนมยังไง” แอรอนลูบแก้มหนูน้อย
ลูกสาวเปรียบดั่งของขวัญแสนพิเศษที่พระเจ้ามอบให้ เขารักและหลงจนติดหวง ในอนาคตเห็นทีต้องไว้หนวดเคราเยอะๆ พวกผู้ชายจะได้ไม่กล้ามายุ่มย่ามกับลูกสาวของตน
“แต่ว่า…” เสียงลูกร้องขัดคำพูดร่างบาง แอรอนยิ้มกว้างรีบสมอ้างทันใด
“เห็นไหมเนี่ยริน ลูกร้องใหญ่แล้ว”
“คุณก็ออกไปซี้!” น้ำรินเสียงสูง มองเขาตาเขม็งแต่ฝ่ายชายทำหน้ามึน หล่อนกัดฟันหมันไส้หากทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมปลดกระดุมเสื้อแล้วปลดปล่อยเต้างามออกมาหนึ่งข้างเพื่อป้อนอาหารแสนโอชะให้ลูกน้อย
เจ้าตัวเล็กรีบอ้าปากงับดูดอย่างหิวโหย แอรอนมองภาพตรงหน้าแล้วยิ้มเอ็นดู ปากเล็กๆ คล้ายกับหวงแหนนมมารดา ไม่ยอมปล่อยให้หลุดแม้แต่วินาทีเดียว น้ำรินเองก็อบอุ่นหัวใจไม่ต่างกัน ยามเลือดในอกกลั่นเป็นน้ำนมใหลผ่านสู่ปากลูก ดวงตากลมโตรื้นชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา ชีวิตของลูกผู้หญิงจะมีสิ่งใดทรงคุณค่าไปกว่าการได้เป็นแม่บังเกิดเกล้า
เรียวปากอิ่มจูบหน้าผากบางเล็กของลูกรัก…
“ทำงานกันยังไงวะ ผู้หญิงคนเดียวมึงหาไม่เจอได้ยังไง!”
สุรเสียงห้าวหาญตะคอกลั่นห้องยามได้รับรายงานจากนักสืบที่ตนว่าจ้างให้ไปสืบเรื่องของเพียงฟ้าไม่สำเร็จ มือหนาปัดเอาแฟ้มงานทุกอย่างลงไปกองกับพื้น ไม่สนว่าเอกสารจะสำคัญแค่ไหนเพราะตอนนี้สิ่งที่มีค่าและสำคัญที่สุดคือเมียรักที่หนีหน้าตั้งแต่คืนนั้น กลิ่นกายของเธอยังติดอยู่ที่ปลายจมูกของเขาแท้ๆ แต่แม่ตัวดีกลับทิ้งดิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โธ่เว้ย!”
โทมัสทุบกำปั้นอัดกับโต๊ะทำงาน ปากหยักกัดแน่นจนห้อเลือด นัยน์ตาวาวโรจน์ประหนึ่งจะฆ่าคนเพื่อสังเวยความเดือดดาล
“อะไรวะเนี่ย?”
แอรอนที่เพิ่งเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของเพื่อนไล่มองแฟ้มที่ตกกระจาย ก่อนจะเคลื่อนสายตามองใบหน้าคมคร้ามของโทมัส มองปราดเดียวก็รู้ว่าเพื่อนรักกำลังอยู่ในอารมณ์คลั่ง เขายิ้มกว้างพลางทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟารับแขก ไขว่ห้างมองร่างสูงที่ยืนกำหมัดจนเส้นเลือดผุดขึ้นเต็มแขน
“ยังหาเมียไม่เจอสิท่า”
“ก็เออสิวะ!” โทมัสสวนกลับเสียงดัง แอรอนอดขำไม่ได้ นานๆ ทีจะเห็นเสือยิ้มยากมีอารมณ์ปั่นป่วนก็คราวนี้
“แกอย่ามากวนประสาทฉันนะ ทุกวันนี้ก็เครียดพอตัวแล้ว” โทมัสชี้หน้า
“อะไรวะเพื่อน ฉันอุตส่าห์จะเข้ามาบอกอะไรดีๆ ซะหน่อย” แอรอนทำเสียงขึ้นจมูก
คำว่า อะไรดีๆ เหมือนมีลางบางอย่างบอกให้รู้ว่าสิ่งที่แอรอนจะพูดมันเกี่ยวข้องกับเพียงฟ้าโดยตรง
“มีอะไร?” ไม่เหลือความยโสให้เห็น โทมัสรีบปรี่เข้ามาหาเพื่อนซี้
“น้ำรินรู้ที่อยู่ของเพียงฟ้า” แอรอนยักคิ้ว คนฟังหัวใจเต้นรัว
“งั้นตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ฉันจะสั่งให้เลขาจองไฟต์บินด่วนเดี๋ยวนี้เลย!” โทมัสตื่นเต้น
“ใจเย็นๆ” แอรอนรีบปรามเมื่อเห็นคนตรงหน้าเริ่มไปไกล “แต่น้ำรินไม่ยอมบอกฉันว่าคุณฟ้าอยู่ที่ไหน”
“อะไรของเมียแกวะ?! งั้นฉันจะไปถามเอง”
“ไปถามหรือไปขู่กรรโชกกันแน่” แอรอนมองตาขวาง เขารู้จักนิสัยของโทมัสดี ต่อให้ภายนอกดูเย็นชาแต่เวลาที่ต้องการสิ่งใดมากๆ เขาพร้อมที่จะมุทะลุตลอดเวลา
“จะบีบคอให้ตายเลย ถ้าแม่นั่นไม่ยอมบอกที่อยู่ของเมียฉัน!”
“ไอ้ห่านี่! เมียเพื่อนนะเว้ย” คนฟังไม่สบอารมณ์ คนรักเมียทำเสียงไม่พอใจ
“ก็ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วนี่หว่า แกก็เห็นว่าฉันเครียดจนแทบจะบ้าอยู่แล้วเนี่ย กี่เดือนแล้วแกรู้ไหม? จวนจะปีหนึ่งเข้าไปแล้วที่คุณฟ้าหนีฉันไป ป่านนี้เธอจะไปอยู่ที่ไหน จะอยู่ยังไง จะคิดมากเรื่องคืนนั้นไหม โอ๊ย! กูจะบ้าตายแล้วเนี่ย”
โทมัสทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด…
แอรอนถอนหายใจ เป็นอย่างที่บอกน้ำรินไม่มีผิด เพื่อนของเขารักเพียงฟ้ามากจริงๆ หรือเรียกว่า คลั่ง ก็ยังได้
“ป่านนี้คงมีผัวใหม่ไปแล้วมั้ง” แอรอนแสร้งพูด แก้วหูคนฟังสั่นระริก กรามแกร่งบดเบียดแน่น
“ถ้าไม่ติดว่าแกเป็นเพื่อนล่ะก็ ฟันไม่เหลือแน่!” เขาชี้นิ้วกล่าวเสียงเหี้ยม แอรอนแอบกลืนน้ำลายลงคอ
“มีผัวใหม่เหรอวะ?” โทมัสย้อนคำพูดแอรอนพลางคิด ถ้าเพียงฟ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาจะทำยังไง ถึงจะมั่นใจว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆ ที่ยอมทอดกายให้ชายใดเชยชม แต่ความสวยและความมั่นเกินสตรีของเจ้าหล่อนนับเป็นเสน่ห์น่าค้นหา มีหรือที่ใครอยู่ใกล้แล้วจะไม่อยากสัมผัสเนื้อนวล
“ไม่มีวัน!” น้ำเสียงอำมหิตโพล่งขึ้นพร้อมกับสายตาดุดัน
“อะไรของแกวะ” แอรอนจ้องเพื่อนที่จู่ๆ ก็ทำท่าทางขึงขังราวกับโกรธใครเป็นสิบชาติ
“ฉันไม่มีวันยอมให้เพียงฟ้ามีคนอื่นเด็ดขาด!”
“แล้วถ้าเขามีขึ้นมาจริงๆ แกจะไปทำอะไรได้ หนีหน้ากันจวนจะครบปีแล้วนะเว้ย” แอรอนว่าอย่างปลงตก ถ้าเป็นเขาคงทำใจครึ่งหนึ่งว่าสาวเจ้าอาจไม่ได้มีแค่ตนคนเดียว
“ฉันไม่สนเรื่องระยะเวลาหรอก ฉันรู้แต่ว่าถ้าตามตัวเพียงฟ้าเจอเมื่อไหร่ อย่าหวังเลยว่าจะได้ไปจากกันอีก ต่อให้ต้องกักขังหรือล่ามโซ่เพื่อรั้งให้เธออยู่ข้างๆ ฉันก็พร้อมทำโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว!!!” แววตาของโทมัสเป็นเครื่องการันตีว่าเขาทำอย่างที่พูดแน่ แอรอนนึกแอบห่วงสวัสดิภาพของเพื่อนรักภรรยาเสียแล้วสิ ดันมาเจอเสือร้ายอย่างโทมัสเข้า ผู้ชายรักแรงเกลียดแรงแบบนี้ยามทุ่มก็ทุ่มแบบไม่คิดชีวิต แต่ถ้าลองได้ร้ายแล้วล่ะก็…
นรกหรือสวรรค์ก็เอาไม่อยู่เช่นกัน!