“ฟ้าเข้าใจแล้วค่ะป้าจิต จะล็อกบ้านล็อกประตูทุกกลอนอย่างดีเลยค่า โอเคไหมคะ” หญิงสาวกรอกเสียงหวานส่งตรงถึงปลายสาย จิตใจโทรเช็คแทบจะทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ตัวอยู่ไกลแต่เพียงฟ้ากลับสัมผัสได้ว่ามีป้านมคอยอยู่ข้างๆ เสมอ
“แค่นี้ก่อนนะคะ ฟ้าจะไปซื้อของใช้เข้าบ้านหน่อยค่ะ” เพียงฟ้ากล่าว ร่างบางหยิบกระเป๋าสะพายไหล่แล้วเช็คตัวเองก่อนออกจากบ้านผ่านกระจกเงาบานใสหนึ่งครั้ง หญิงสาวไม่ลืมล็อกบ้านตามที่จิตใจคอยย้ำเตือน มือเรียวหยิบรองเท้าผ้าใบคู่โปรดขึ้นสวมใส่ ตั้งแต่ตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่การแต่งตัวก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่หลงเหลือคราบความเป็นสาวเปรี้ยวสุดมั่นที่เคยเฉิดฉายในกรุงเทพฯ เลยสักนิด
บรรยกาศบ้านเช่าที่สาวเจ้าเลือกอุดมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด อากาศร่มรื่นเย็นสบายแม้จะอยู่ในช่วงหน้าร้อน อีกทั้งร้านอาหารมากมายยังรายล้อมไม่ต้องกลัวอด ยิ่งเธอเป็นคนทำกับข้าวไม่ค่อยเป็นด้วยแล้วยิ่งสบายไปกันใหญ่ หิวเมื่อไหร่ก็เดินออกมาเลือกหาทานได้ตามใจชอบ รสชาติอร่อยแถมราคาก็ถูกแสนถูก นี่แหละชีวิตเรียบง่ายที่เธอต้องการ
เพียงฟ้าใช้บริการรถสองแถวหากจะเข้าไปยังตัวเมือง ห้างสรรพสินค้าเป็นอีกแหล่งช็อปปิ้งสำคัญที่สาวเจ้าต้องมาเลือกสรรของใช้จำเป็นต่อการดำรงค์ชีวิต เธออยู่ตัวคนเดียวไม่ต้องวุ่นวายมากก็จริง หากผู้หญิงก็มีบ้างที่ต้องจัดสรรปันส่วนเป็นพิเศษ พวกเครื่องบำรุงผิวก็ต้องเลือกหน่อย แม้ไม่ใช้ของไฮแบรนด์ราคาเป็นหมื่นเหมือนแต่ก่อนก็ตาม
“กลิ่นหอมดีแฮะ” เสียงหวานพึมพำยามเปิดฝาดมแชมพูยี่ห้อหนึ่ง ไม่ลังเลที่จะหย่อนมันลงรถเข็น
“ซื้อตุนๆ ไว้ก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องมาบ่อยๆ” เพียงฟ้าหยิบแชมพูเพิ่มอีกสามขวด ตามด้วยของใช้ต่างๆ ที่หล่อนไปหยิบเพิ่ม
การเดินทางเข้าเมืองของที่นี่อาจไม่ได้วุ่นวายหากเทียบกับประชากรและปัญหารถติดในกรุงเทพฯ แต่ยังไงซะเธอก็ชอบอยู่บ้านมากกว่า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่อยากออกไปไหน
เพียงฟ้าใช้เวลาอยู่ในห้างสรรพสินค้าถึงสองชั่วโมง หญิงสาวได้ของครบทุกอย่างตามที่ต้องการจึงเดินทางกลับ คนที่นี่ส่วนใหญ่จะใช้บริการรถประจำทางซึ่งมีกระจายอยู่ทั่ว เนื่องจากง่ายและสะดวกรวดเร็ว อีกทั้งค่าบริการก็ไม่แพง เต็มที่เที่ยวละยี่สิบบาทเท่านั้น แต่นั่นก็เฉพาะไปที่ไกลๆ
“ขอบคุณนะคะ” เสียงหวานกล่าวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ช่วยเธอยกของลงจากรถ
ร่างบางหิ้วถุงมากมายเต็มสองมือ ระยะทางจากหน้าปากซอยไม่ไกลนักก็ถึงบ้านของเธอ สองเท้าเล็กรีบจ้ำอ้าวเพราะต้องการถึงบ้านพักไวๆ อยากกลับไปอาบน้ำแล้วตากแอร์เย็นๆ ให้ชื่นใจ ระหว่างที่เพียงฟ้ากำลังเร่งฝีเท้านั้นก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขี่มาด้วยความเร็วจนทำให้เชี่ยวร่างบางล้มลง
“ว๊าย!”
เสียงหวานร้องลั่นด้วยความตกใจ บรรดาพ่อค้าแม่ขายต่างละมือจากสิ่งที่ทำแล้วรีบวิ่งมามุงดูเธอ ถุงข้าวของเครื่องใช้หล่นกระจายไปทั่วบริเวณ เพียงฟ้านิ่วหน้าเจ็บปวด ดวงตากลมโตมองบาดแผลบนหัวเข่าแล้วยิ่งโมโห ถ้าไม่ติดว่าเดินไม่ไหวจะตามไปลากคอให้มาขอโทษให้จงได้
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยถามพลางช่วยเก็บของให้กับเธอ เพียงฟ้าเงยหน้าสบตากับเขา ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มบางเบา
“ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ…” สาวเจ้าพยายามจะลุกขึ้น
“มาครับผมช่วย”
หนุ่มดังกล่าวพยุงเธอให้ยืนหยัดได้อีกครั้ง เพียงฟ้าเพิ่งสังเกตุว่าบรรดาไทยมุ่งก่อนหน้านั้นได้สลายตัวไปเรียบร้อยแล้ว
“เจ็บตรงไหนไหมครับ ไปหาหมอไหม?”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรมาก” หญิงสาวยิ้มตอบ ยื่นมือหมายจะหยิบบรรดาถุงช็อปปิ้งจากเขา
“เดี๋ยวผมไปส่ง บ้านคุณอยู่ตรงไหนครับ?”
เพียงฟ้าไม่ไว้วางใจ และดูเหมือนชายหนุ่มจะรู้ทัน
“ผมแค่อยากช่วยจริงๆ ครับ ไม่ใช่โจรแน่นอน” เขายิ้มเอ็นดู สาวเจ้าพยักหน้าเล็กน้อย รู้สึกอายที่ท่าทีของตนชัดเจนจนถูกจับได้
“หลังที่สี่ค่ะ เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว” เพียงฟ้ากล่าว หนุ่มปริศนามองตามนิ้วชี้ของเธอแล้วพยักหน้า
“ใกล้กับบ้านผมเลยครับ บ้านผมอยู่หลังที่สาม” เขายิ้มออกมา
“เหรอคะ บังเอิญจังเลยนะคะ”
เพียงฟ้ารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับสายตาของเขา เริ่มทำตัวไม่ถูกยามถูกเขาจดจ้องด้วยสายตามีเลศนัยบางอย่าง
“ผมช่วยถือของนะครับ”
เขาว่าแล้วเดินนำหน้าร่างบาง เพียงฟ้ามองแผ่นหลังกว้างอย่างใช้ความคิด ผู้ชายคนนี้ดูเผินๆ ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร หน้าตาผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้าน บางทีเธออาจจะคิดมากเกินไป เขามาช่วยควรต้องขอบคุณเขาถึงจะถูก ไม่ใช่มานั่งระแวงเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วย”
เสียงหวานพูดแล้วยิ้ม เพียงฟ้ายื่นมือไปรับถุงช็อปปิ้งจากเขา ชายหนุ่มส่งยิ้มตอบเช่นกัน
“ว่างๆ ก็ทักทายกันได้นะครับ ผมอยู่หลังนี้ มีอะไรต้องการให้ช่วยก็บอกได้เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
หล่อนคงไม่มีอะไรต้องไปรบกวนเขาหรอก อย่างน้อยแค่รับรู้ว่ามีเขาเป็นเพื่อนบ้านก็เพียงพอแล้ว หลังจากนี้ก็ต่างคนต่างอยู่
“เอ่อ… ผมชื่อเจคอบนะครับ หรือจะเรียกว่าเจก็ได้” ชายหนุ่มแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ เพียงฟ้ายิ้มรับตามมารยาท
“ค่ะ ฉันเพียงฟ้านะคะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เขายิ้ม
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
หญิงสาวแสดงออกชัดเจนว่าต้องการเข้าบ้าน ชายหนุ่มหัวเราะแก้เก้อเล็กน้อยก่อนจะเป็นฝ่ายขอตัวกลับ
“ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับคุณฟ้า”
เขาไม่อยากเดินจากไปเลย ถ้าทำได้ก็อยากอยู่พูดคุยกับเธอให้นานกว่านี้ แต่… เขาจะทำแบบนั้นไม่ได้ เดี๋ยวเหยื่อจะแตกตื่นก่อนได้ลงมือล่า ชายหนุ่มเปิดประตูรั้วเข้าบ้านแต่ไม่วายหันไปส่งยิ้มให้เธออีกครั้ง
มือหนาเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าออกมาดื่มหนึ่งขวด ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาพลางไขว่ห้างแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม ชายหนุ่มกดเบอร์โทรหาใครสักคน
“พรุ่งนี้ไม่กลับแล้วนะ” เสียงเข้มกรอกลงไปยังปลายสาย
“ไม่ต้องถามเหตุผลหรอกน่า เอาเป็นว่าฉันรู้สึกถูกใจที่นี่จนอยากอยู่นานๆ โอเคไหม”
คนเจ้าเล่ห์พูดแล้วยิ้มไม่หยุด ใบหน้าหวานซ่อนเปรี้ยวลอยเด่นอยู่ในความคิด ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งปรารถนา หล่อนสวยงามหยาดฟ้ามาดิน เรือนร่างช่างอรชรอ้อนแอ้นน่าสัมผัส ดวงตาเรียวรีรับกับจมูกโด่งรั้น แก้มนวลแดงระเรื่ออมชมพู แม้ไม่ได้แต่งแต้มจัดจ้านหากมองแล้วสบายตา เธอมีเสน่ห์ในแบบที่ผู้หญิงหลายๆ คนไม่มี
“เพียงฟ้า ผมชักสนใจคุณจริงๆ แล้วสิ”